หากดูราคาหุ้นในตลาดของ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ณ วันนี้ (6 ก.ย. 65) ปิดตลาดอยู่ที่ 104.50 บาท/หุ้น เมื่อเทียบกับราคา IPO ที่เปิดให้จองที่ 18 บาท/หุ้น ในตลาด MAI เมื่อเดือนกันยายน ปี 64 ถือว่าพุ่งสูงขึ้นมากกว่า 5 เท่า ใน 1 ปี
ถึงแม้ว่า บลูบิค จะเป็นบริษัทที่เริ่มจากธุรกิจที่ปรึกษาด้านการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน แต่ในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล แทบจะทุกธุรกิจทั่วโลกต้องการปรับตัวให้ทันกับความต้องการของลูกค้า หรือแม้แต่การปรับโครงสร้างภายในบริษัทให้เป็นดิจิทัล ทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยใน 5 ปีล่าสุดนั้นบลูบิคเติบโต 70% มาโดยตลอด และครึ่งปีแรกของปี 65 บริษัททำกำไรไปแล้ว 60 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 64 ทั้งปี กำไรอยู่ที่ 66 ล้านบาท
ขณะที่การขยายตัวของทีมงานนั้นเติบโตขึ้น 3 เท่า ใน 2 ปี คือจากปี 63 ที่มีพนักงาน 101 คน ในปี 65 นี้มีพนักงาน 315 คน
มีลูกค้าทั้งบริษัทด้าน การเงิน ประกันภัย โทรคมนาคม การผลิต รีเทล พลังงาน นอกจากนี้ยังมีบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด ที่ถือหุ้น 100% โดย OR ในชื่อ ออร์บิท ดิจิทัล (Orbit Digital) พัฒนาเรื่อง Digital Mobility & Lifestyle
เข้าลงทุนกับธุรกิจที่ปรึกษาด้าน SAP และล่าสุดเข้าไปลงทุนกับธุรกิจที่ให้บริการแพลตฟอร์มด้าน HR รวมถึงการประกาศบุกตลาดยุโรป
ลองมาดูกันว่า แผนใน 3 ปีข้างหน้า ที่เพิ่งประกาศไปนั้นบลูบิคจะทำอะไรต่อ และทำไมถึงเป็นบริษัทที่น่าลงทุน
1.ตั้งเป้าเป็นบริษัทไทยบริษัทเดียวที่ทำ End-to-End Transformation ให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังการทรานส์ฟอร์มบริษัทมากขึ้น เพื่ออยู่กับลูกค้าให้นานมากขึ้น เจาะกลุ่มลูกค้า SMEs นำโซลูชันด้านบริการเข้าไปนำเสนอในงบประมาณที่เข้าถึงได้ เช่น แพลตฟอร์ม HR อย่าง HumanOS หรือ LISMA เป็นระบบ ERP ที่สามารถใช้ผ่าน LINE ได้ รวมไปถึงตั้งบริษัท บริษัท บลูบิค ไททันส์ เข้ามาดูแลลูกค้าด้านความปลอดภัยไซเบอร์
2.เป็นบริษัทนานาชาติ ขยายธุรกิจไปในทวีปต่างๆ โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว เบื้องต้นได้ตั้งบริษัท Bluebik UK ที่สหราชอาณาจักร เพื่อให้บริการลูกค้าในทวีปยุโรป ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าที่ประเทศอังกฤษแล้ว นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีเซ็นเตอร์ ที่อินเดีย คอยสนับสนุนลูกค้าในต่างประเทศและช่วยพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ
ในปี 64 รายได้ของบริษัท 15% นั้นมาจากลูกค้าต่างประเทศ ขณะที่ในปี 65 มีรายได้จากต่างประเทศแล้ว 12% ซึ่ง พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) คาดว่ารายได้จากต่างประเทศจะเติบโตได้ถึง 20%
(65% ของ GDP โลกเกี่ยวข้องกับดิจิทัล ขณะที่การเติบโตของดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันทั่วโลกอยู่ที่ 16.5%)
3.ตั้งเป้าเติบโตแบบก้าวกระโดด เป็น Global Company ในระยะเวลาที่สั้นลง ผ่านการเข้าไปลงทุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีที่จะส่งเสริมให้บริษัทเติบโต หรือการตั้งบริษัทร่วมทุนเช่นเดียวกับ (Orbit Digital) ดึงบุคลากรที่มีความสามารถเข้ามาช่วยวางกลยุทธ์ เพื่อให้บริษัทมีดิจิทัลแพลตฟอร์มเข้ามาให้บริการลูกค้าและสามารถช่วยลูกค้าทุกกลุ่มทำทรานส์ฟอร์เมชันได้สำเร็จ ซึ่งสุดท้ายแล้วธุรกิจที่ปรึกษาจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของบลูบิค
4.ศึกษาเทคโนโลยีอนาคต ตั้งบริษัทชื่อ Bluebik Nexus เข้ามาศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกอนาคตตั้งแต่ Blockchain, Metaverse, Quantum Computing, Extended Reality, Emotional AI และ Bionic Human ล่าสุดได้ศึกษาเรื่องการนำ Blockchain เข้ามาทำเรื่องการซื้อหุ้น การทำ Crypto Wallet
จากกลยุทธ์ทั้งหมดนี้ คุณพชร มั่นใจว่าใน 3 ปีต่อจากนี้บริษัทจะสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 70% ในแต่ละปี