นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ตามที่กรมทางหลวงได้ประกาศเชิญชวนให้เอกชนที่สนใจยื่นข้อเสนอการร่วมลงทุนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance: O&M) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน – นครราชสีมา (M6) และสายบางใหญ่ – กาญจนบุรี (M81) ในรูปแบบ PPP Gross Cost ระยะเวลา 30 ปี โดยเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2562 ได้มีผู้ยื่นข้อเสนอจำนวน 3 ราย ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2562 คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนฯ ได้มีมติเห็นชอบให้ผู้ยื่นข้อเสนอทั้ง 3 รายผ่านเกณฑ์การประเมินข้อเสนอซองที่ 1 ข้อเสนอด้านคุณสมบัติและเทคนิค ประกอบด้วย
(1) บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด ยื่นข้อเสนอทั้งสาย M6 และ M81
(2) บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัท China Communications Construction Company Ltd. ยื่นข้อเสนอสำหรับสาย M6 ในนามกลุ่มกิจการร่วมค้า UN-CCCC และยื่นข้อเสนอสำหรับสาย M81 ในนามกลุ่มกิจการร่วมค้า CCCC-UN
(3) กิจกรรมร่วมค้า บีจีเอสอาร์ นำโดย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัทบมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ยื่นข้อเสนอทั้งสาย M6 และ M81
วันนี้ (19 สิงหาคม 2562) คณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ดำเนินการเปิดซองเอกสารข้อเสนอซองที่ 2 ข้อเสนอ
ด้านการลงทุนและผลตอบแทน ของผู้ยื่นข้อเสนอทั้ง 3 ราย โดยมีตัวแทนของของผู้ยื่นข้อเสนอทั้ง 3 รายเข้าร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งผลปรากฏว่า โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน – นครราชสีมา (M6) ผู้ยื่นข้อเสนอขอรับค่าตอบแทน ดังนี้
(1) บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด ยื่นข้อเสนอขอรับค่าตอบแทน 29,849 ลบ.
(2) กลุ่มกิจการร่วมค้า CCCC-UN ยื่นข้อเสนอขอรับค่าตอบแทน 26,289 ลบ.
(3) กิจกรรมร่วมค้า บีจีเอสอาร์ ยื่นข้อเสนอขอรับค่าตอบแทน 21,329 ลบ.
โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี (M81) ผู้ยื่นข้อเสนอขอรับค่าตอบแทนดังนี้
(1) บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด ยื่นข้อเสนอขอรับค่าตอบแทน 25,196 ลบ.
(2) กลุ่มกิจการร่วมค้า UN-CCCC ยื่นข้อเสนอขอรับค่าตอบแทน 23,149 ลบ.
(3) กิจกรรมร่วมค้า บีจีเอสอาร์ ยื่นข้อเสนอขอรับค่าตอบแทน 17,809 ลบ.
อธิบดีกรมทางหลวงยังเปิดเผยต่อไปอีกว่า ขั้นตอนจากนี้ คณะกรรมการคัดเลือกฯ จะดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดความสมบูรณ์ถูกต้องและครบถ้วนของข้อเสนอซองที่ 2 ของผู้ยื่นข้อเสนอทั้ง 3 ราย โดยข้อเสนอจะต้องมีความเป็นไปได้และเป็นไปตามข้อกำหนด ก่อนที่จะพิจารณาจัดลำดับเพื่อหาผู้ที่ผ่านการประเมินสูงสุด โดยผู้ยื่นข้อเสนอที่เสนอขอรับค่าตอบแทนต่ำที่สุดและตรวจสอบแล้วว่าข้อเสนอมีความครบถ้วนสมบูรณ์ จะถือว่าเป็น “ผู้ผ่านการประเมินสูงสุด” ซึ่งคาดว่าจะทราบผลในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2562 และต่อจากนั้นจะเป็นขั้นตอนการพิจารณาข้อเสนอซองที่ 3 ข้อเสนออื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการให้บริการและการดําเนินงานของกรมทางหลวง และขั้นตอนการเจรจากับผู้ผ่านการประเมินสูงสุด ก่อนที่จะประเมินให้เป็น“ผู้ชนะการคัดเลือก” และพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนอื่นๆ ของ พ.ร.บ. เอกชนร่วมลงทุนฯ ต่อไป โดยคาดว่าจะสามารถเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนได้ภายในเดือนมกราคม 2563
สำหรับขอบเขตความรับผิดชอบของเอกชนตามสัญญานี้ ประกอบด้วยงานระยะที่ 1 การลงทุนออกแบบและติดตั้งระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางและระบบบริหารจัดการจราจรที่ทันสมัย พร้อมก่อสร้างอาคารต่างๆ และองค์ประกอบอื่นที่เกี่ยวข้อง ภายในระยะเวลา 3 ปี ต่อจากนั้นจะเป็นงานระยะที่ 2 เอกชนจะเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ทั้งในส่วนของงานโยธาและงานระบบ ตลอดระยะเวลา 30 ปี อาทิเช่น การจัดเก็บเงินค่าผ่านทางนำส่งให้กรมทางหลวง (รัฐเป็นเจ้าของรายได้ค่าผ่านทาง) การบริหารจัดการและควบคุมการจราจร งานด่านชั่งน้ำหนัก งานกู้ภัย การซ่อมแซมบำรุงรักษาถนนและอุปกรณ์ระบบต่างๆ เป็นต้น โดยเอกชนจะได้รับค่าตอบแทนการให้บริการ (Availability Payment) หลังจากการเปิดให้บริการเส้นทางเต็มรูปแบบแล้ว ภายในวงเงินรวมไม่เกิน 33,258 ล้านบาท สำหรับสายบางปะอิน – นครราชสีมา (M6) และไม่เกิน 27,828 ล้านบาท สำหรับสายบางใหญ่ – กาญจนบุรี (M81) ทั้งนี้ หากการปฏิบัติงาน O&M ของเอกชนไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ เช่น ความเรียบของผิวถนน การสะท้อนแสงของป้ายและเส้นจราจร ความสว่างของไฟส่องทาง การซ่อมแซมถนนที่ชำรุดเสียหายให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด การจัดการรถติดขัดบริเวณหน้าด่าน การตอบสนองต่ออุบัติเหตุและเหตุการณ์ฉุกเฉิน ความพร้อมใช้งานของอุปกรณ์งานระบบต่างๆ ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ อัตราการเกิดอุบัติเหตุและการเสียชีวิต การรักษาคุณภาพตามเกณฑ์การประเมินมาตรฐาน ISO เป็นต้น เอกชนจะถูกปรับลดค่าตอบแทนที่จะได้รับในแต่ละไตรมาสตามเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ต่อไป