เอกชน สอนมวยรัฐบาล แก้ปัญหาเศรษฐกิจต้องทำแบบนี้!

หลังจากได้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น โจทย์ใหญ่ของรัฐบาลนี้ คงตกอยู่ที่ทีมเศรษฐกิจ จะแก้ปัญหาปากท้องอย่างไร
.
โดยเรื่องนี้ภาคเอกชนหลักๆ ไม่ว่าจะเป็นหอการค้า สมาคมโรงแรม สภาอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ก็ได้ออกมาแนะวิธีรัฐบาลในการดูแลเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน
.
เริ่มต้นด้วย คุณกลินท์ สารสิน ปธ.สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ออกมาชี้ถึงปัญหา 3 เรื่องเร่งด่วน ที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ ได้แก่ การจ้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจ / จัดทำแผนฟื้นฟูท่องเที่ยว และช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยเสนอให้จัดตั้งศูนย์เยียวยาผลกระทบโควิดด้านเศรษฐกิจโดยเฉพาะ ให้มีภาครัฐและเอกชนร่วมกัน
.
สอดคล้องกับคุณสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ ที่เตรียมเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายที่ล้าสมัย ที่ส่งผลต่อการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการดำเนินธุรกิจของประเทศไทย รวมถึงมาตรการด่วนเพื่อช่วยเอสเอ็มอี การขยายมาตรการต่างๆ
.
ขณะที่คุณศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย มองว่า สิ่งแรกที่ต้องทำคือกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เพราะตอนนี้กำลังซื้อซบเซา ผู้คนไม่กล้าใช้จ่ายเนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น ตัวเลขการว่างก็เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลหมดลง อาจมีการเลิกจ้าง ปิดกิจการกันอีกระรอกหนึ่ง
.
ด้านคุณชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ก็บอกว่า ให้รัฐบาลตั้งกองทุนท่องเที่ยว วงเงิน 1 แสนล้านบาท ที่มีภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วม เข้าถึงสินเชื่อได้จริง ไม่ใช่เพียงการออกสินเชื่อที่เอกชนเข้าไม่ถึง ทั้งยังขอให้ขยายเวลาสิทธิประโยชน์ว่างจากประกันสังคม ที่จะสิ้นสุดในเดือนสิงหาคมนี้ไปจนถึงสิ้นปี และให้พิจารณามาตรการทราเวล บับเบิล
.
ถัดมาที่คุณไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย แผนการผลักดันตลาดทุนไทย ต้องใช้การส่งเสริมและให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ดันให้เกิดการออมระยะยาว และจะเสนอให้ต่ออายุกองทุนรวมเพื่อการออม SSF อีก 10 ปี ลดระยะเวลาถือครอง และเสนอยกเว้นภาษีเงินปันผลหากถือครองหุ้นยาวเกิน 12 เดือนขึ้นไป
.
ส่วนคุณกัญญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ ชี้ว่ารัฐบาลต้องเร่งเข้ามาแก้ไขปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้ซ้ำเติมผู้ประกอบการส่งออก ให้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อ และหาวิธีขยายระยะเวลาชำระเงินกู้ตาม พรก.เงินกู้ฯ จากเดิม 2 ปี เป็น 5 ปี
.
ปิดท้ายอีกหนึ่งความเห็นที่รัฐบาลควรฟัง คือ เจ้าสัวบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บมจ.สหพัฒนพิบูล ที่ให้คำแนะนำรัฐบาลว่า ต้องชัดเจนกับมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างมาก และต้องกล้าใช้งบประมาณให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
.
ความเห็นเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงจากการสะท้อนมาของผู้ประกอบการ ซึ่งหลายอย่างน่าตะได้รับการตอบสนองที่ดี เพราะอย่างรัฐมนตรีคลัง ก็เคยนั่งอยู่ใน กกร.ที่มีหอการค้า-สภาอุตฯ อยู่ด้วยคุ้นเคยกันอยู่แล้ว
.
แต่ที่น่าคิดคือ… เมื่อเข้ามาอยู่ภายใต้ระบอบการเมือง จะทำได้แค่ไหน ฝีไม้ลายมือที่หลายคนคาดหวังว่า “คนนี้ตัวจริง” เพราะได้มาจากภาคเอกชนโดยตรงแล้ว จะสามารถโชว์อิทธิฤทธิ์ได้หรือไม่ยังคงต้องจับตา
.

Scroll to Top