บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศราคาพร้อมเปิดจำหน่าย ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ อย่างเป็นทางการ โดยรุ่น e:HEV E ราคา 979,000 บาท รุ่น e:HEV EL ราคา 1,079,000 บาท และรุ่น e:HEV RS ราคา 1,179,000 บาท ตั้งเป้าขึ้นเป็นอันดับ 1 ของตลาดเอสยูวีในประเทศไทย พร้อมรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปีและรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
โนริยุกิ ทาคาคุระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้า เอชอาร์-วี นับเป็นรถยนต์ที่ลูกค้ารอคอยและให้ความสนใจ อีกทั้งประสบความสำเร็จด้านยอดขายในตลาดเอสยูวีมาอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่การเปิดตัว ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมด้วยยอดการจองสิทธิ์ประมาณ 2,500 คัน ภายในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์ ในวันนี้หลังจากการเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ จะมีส่วนช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์ในภาพรวมที่กำลังฟื้นตัวให้กลับมาคึกคักยิ่งขึ้น และจะสามารถสร้างมิติใหม่ให้กับตลาดเอสยูวีในประเทศไทยได้อีกครั้ง อีกทั้งจะช่วยให้ฮอนด้าก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำในตลาดเอสยูวีของประเทศไทย ในฐานะของการเป็นเอสยูวีสำหรับทุกคน ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ทั้งด้านระบบขับเคลื่อนและด้านความปลอดภัย ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างแท้จริง พร้อมตั้งเป้าจำหน่าย 20,000 คัน ภายในหนึ่งปีนับจากเปิดตัว”
โดยทุกรุ่นย่อย มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่ทำงานร่วมกับกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประกอบไปด้วยฟังก์ชันการทำงานหลักๆ ดังนี้
-ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
-ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
-ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
-ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
-ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
-ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอันล้ำสมัยและเทคโนโลยีด้านการขับขี่ อาทิ
-ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC)
-ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors)
-ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold
-ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)
-ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
-ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเตือนผู้โดยสารด้านหลัง (Front and Rear Passenger Seat Belt Reminder) ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)
นอกจากนี้ยังมาพร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่และเบาะนั่งด้านหลังแบบอเนกประสงค์แยกพับแบบ 60:40 ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ 3 รูปแบบ อันเป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้าได้แก่
-Utility Mode: เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฮอนด้า ที่เบาะผู้โดยสารด้านหลังสามารถพับลงแนวราบได้เรียบ ช่วยเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้าย
-Long Mode: เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
-Tall Mode: เอกลักษณ์ความอเนกประสงค์ที่โดดเด่นของ ฮอนด้า ที่สามารถพับเบาะด้านหลังขึ้น เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง ซึ่งมีเพียง ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ รุ่นเดียวในเซกเมนต์ที่สามารถพับเบาะในโหมดนี้ได้
มาพร้อมสีภายนอก 5 สี ได้แก่ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) ที่มาพร้อมหลังคาสีดำสไตล์ทูโทน (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) พร้อมด้วย สีใหม่ สีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก) และสีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) รวมทั้งสีขาวแพลทินัม (มุก) และสีดำคริสตัล (มุก) ในทุกรุ่นย่อย
สำหรับใครที่สนใจสามารถสัมผัสกับ ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ ได้ที่
-ลานโปรโมชันชั้น G ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ในวันที่ 19 – 20 พฤศจิกายน 2564 ตั้งแต่เวลา 11.00 น. – 21.30 น.
-บูทฮอนด้า (A14) ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 38 (Motor Expo 2021) ตั้งแต่วันที่ 2 – 12 ธันวาคม 2564 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
-โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป