TOPGOLF เปลี่ยนสนามไดร์ฟกอล์ฟให้เป็นพื้นที่ของทุกคนด้วย เทคโนโลยี-ความบันเทิง

TOPGOLF เปลี่ยนสนามไดร์ฟกอล์ฟให้เป็นพื้นที่ของทุกคนด้วย เทคโนโลยี-ความบันเทิง

กีฬากอล์ฟนั้นเป็นรู้กันว่า หากจะเข้าสู่วงการนี้อาจจะต้องควักเงินก้อนโต เพื่อซื้ออุปกรณ์ ฝึกฝนในสนามไดร์ฟ ก่อนจะลงสนามจริง นอกจากนี้กีฬากอล์ฟในประเทศไทย ยังถูกมองเป็นกีฬาของคนมีฐานะ เป็นกีฬาเฉพาะกลุ่ม

แต่เมื่อเทคโนโลยีของการเล่นกอล์ฟถูกพัฒนาควบคู่กับความบันเทิง ก็จะทำให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น เป็นทางเลือกของสถานที่นัดรวมตัวทำกิจกรรมกันมากขึ้น คล้ายกับการนัดรวมกลุ่มเพื่อโยนโบว์ลิ่ง

TOPGOLF เป็นธุรกิจที่มองเห็นโอกาสของการเปลี่ยนมุมมองของกีฬากอล์ฟ จึงนำเอากีฬา มาผสานกับเทคโนโลยีและความบันเทิง ทำให้เกิดธุรกิจรูปแบบใหม่ และเปิดสาขาแล้วถึง 70 แห่ง ในหลายทวีปทั่วโลก ตั้งแต่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ดูไบ(สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) เม็กซิโก ออสเตรเลีย เยอรมัน และล่าสุด คือประเทศไทย ที่มีแผนจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 นี้

TOPGOLF เปลี่ยนสนามไดร์ฟกอล์ฟให้เป็นพื้นที่ของทุกคนด้วย เทคโนโลยี-ความบันเทิง

กลุ่มเป้าหมาย คือ ทุกคน

ด้วยความที่ต้องสร้างความแตกต่างจากสนามไดร์ฟกอล์ฟทั่วไป TOPGOLF ได้ออกแบบสถานที่ให้มีความเป็น Entertainment Complex มากกว่าความเป็น Sport Complex โดยเมื่อเข้ามาแล้ว จะพบกับบาร์ โซนขายอาหาร แม้กระทั่งโซนไดร์ฟกอล์ฟก็ยังมีบาร์ มีการจัดโต๊ะสำหรับนั่งสังสรรค์กัน รวมถึงมี Rooftop สำหรับคนที่ชอบนั่งรับลมในช่วงอากาศเย็นๆ

สำหรับกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจนั้น แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ คือ

-กลุ่มมืออาชีพ จะเป็นสนามไดร์ฟกอล์ฟที่จะสามารถฝึกความแม่นยำและทักษะได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย

-ครอบครัวและเพื่อน จะทำให้เกิดการใช้เวลาว่างร่วมกัน ได้เล่นเกมร่วมกัน

-องค์กร จะเป็นที่จัดงานอีเวนต์ จัดกิจกรรมสัมมนาสร้างความสัมพันธ์ ภายในองค์กรได้

TOPGOLF เปลี่ยนสนามไดร์ฟกอล์ฟให้เป็นพื้นที่ของทุกคนด้วย เทคโนโลยี-ความบันเทิง

“เราเป็น Sport & Entertainment เราสร้างความบันเทิงให้กับทุกคน ไม่ว่าจะเล่นแบบจริงจัง เล่นเพื่อความสนุกสนาน ซึ่งก็มี Academy ที่จะช่วยสอนคนที่อยากจะฝึกฝนการตีกอล์ฟ มีพื้นที่สำหรับองค์กรที่รวมตัวกันมาสังสรรค์” แอนดรูว์ นาธาน กรรมการผู้จัดการ ท็อปกอล์ฟ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว

ซึ่งพื้นที่ต่อ 1 Bay นั้นสามารถนั่งได้ 8 คน แต่เล่นเกมได้เพียง 6 คน เท่านั้น

TOPGOLF เปลี่ยนสนามไดร์ฟกอล์ฟให้เป็นพื้นที่ของทุกคนด้วย เทคโนโลยี-ความบันเทิง

สำหรับการใช้อุปกรณ์ มีให้ 3 ทางเลือก คือ ใช้ไม้กอล์ฟที่จัดให้ฟรี หรือจะเช่าไม้กอล์ฟที่ดีกว่า ถนัดมือกว่าภายในสนาม หรือจะนำไม้กอล์ฟส่วนตัวมาใช้ในสนามก็ได้

ชู 3 เทคโนโลยีจุดเด่น TOPGOLF

อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่าท็อปกอล์ฟนั้นนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การเล่นกอล์ฟสนุกขึ้น และแตกต่างจากการเดินเข้าไปในคลับกอล์ฟที่อื่นๆ ซึ่งความแตกต่างนี้ ประกอบไปด้วย 3 เทคโนโลยี คือ

Radio Frequency Identification (RFID) – เป็นไมโครชิปที่ฝังอยู่ด้านในลูกกอล์ฟทุกลูก เข้ามาช่วยพัฒนาฝีมือของนักกอล์ฟ โดยเซ็นเซอร์ที่ติดอยู่นั้นผู้เล่นจะสามารถติดตาม (Tracking) ลูกกอล์ฟได้แบบเรียลไทม์

Toptracer – เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการจับความเคลื่นไหวของลูกกอล์ฟ ว่ามีความแรงแค่ไหน ตีได้ระยทางเท่าไร วิถีลูกเป็นแบบไหน โดยจะแสดงผลในหน้าจอให้เห็น เช่นเดียวกับการแข่งขันกอล์ฟระดับโลก ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะถูกติดตั้งไว้ในบริเวณสนามกอล์ฟ จะทำงานร่วมกับไมโครชิพที่ฝังอยู่ในลูกบอล

Virtual Reality – เป็นการนำเกม เข้ามาทำงานร่วมกับเทคโนโลยี RFID และ Toptracer ช่วยทำให้การตีกอล์ฟแตกต่าง และสนุกมากขึ้นผ่านหน้าจอที่แสดงผลในสนาม เช่น เมื่อผู้เล่นเลือกเล่นเกม Angry Bird ในหน้าจอก็จะแสดงผลว่า จุดไหนที่ผู้เล่นจะต้องตีไปให้ถึงเพื่อทำลายแก๊งหมู และมีคะแนนให้ เหมือนกับการเล่นในสมาร์ทโฟน ซึ่งปัจจุบันมีเกมให้เลือกเล่นถึง 7 เกม นอกจากนี้งมี Virtual Course ที่ผู้เล่นสามารถเลือกสนามกอล์ฟระดับโลกได้ โดยได้ความรู้สึกเสมือนได้ตีในสนามจริง ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขลูกที่อยู่ในบังเกอร์ หรือการตีตกน้ำ

TOPGOLF เปลี่ยนสนามไดร์ฟกอล์ฟให้เป็นพื้นที่ของทุกคนด้วย เทคโนโลยี-ความบันเทิง

“เราไม่เหมือนสนามกอล์ฟทั่วไป เรารองรับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย โดยมีเทคโนโลยีเข้ามาสร้างความสนุก สร้างความท้าทาย เราเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับทุกคน ทำให้ทุกคนรู้สึกสนุก แม้แต่กับคนที่ไม่มีประสบการณ์การตีกอล์ฟมาก่อน จะไม่รู้สึกอายและเขินที่เล่นกอล์ฟไม่เป็น” แอนดรูว์ กล่าว

ถึงแม้ว่าสาขาแรกที่ Mega City จะยังไม่เปิดให้บริการ แต่ TOPGOLF เองก็มีแผนจะขยายสาขาไปตามหัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีแผนจะจัดแข่งกอล์ฟแบบ Pro League โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการแข่งขัน และในอนาคตอาจจะมีการแข่งขันแบบอีสปอร์ตเข้ามาเสริมด้วย

TOPGOLF เปลี่ยนสนามไดร์ฟกอล์ฟให้เป็นพื้นที่ของทุกคนด้วย เทคโนโลยี-ความบันเทิง

สำหรับค่าบริการเฉลี่ยสำหรับเล่น 4 คน ต่อ 1 Bay ในวันจันทร์เช้าจะอยู่ที่ประมาณ 200 บาท/คน/ชั่วโมง แต่ถ้ามาวันศุกร์เย็น จะอยู่ที่ประมาณ 350 บาท บาท/คน/ชั่วโมง

Scroll to Top