สิงห์ เอสเตท กางแผนทุ่มงบกว่า 3.2 หมื่นล้านบาท จ่อรุกตลาดบ้านระดับลักชัวรี่เต็มรูปแบบ ผ่าน 3 เซ็กเมนท์ใหม่ ต่อยอดความสำเร็จโครงการ SANTIBURI The Residences มั่นใจโครงการที่พักอาศัยเซ็กเมนต์ระดับบน คือกลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตให้บริษัทฯ ในอนาคต ตั้งเป้ามูลค่าโครงการรวมทั้งหมด 5.2 หมื่นล้านใน 5 ปี พร้อมสร้างรายได้ต่อปีสูงกว่าหมื่นล้านในปี 2569 ชูจุดขายแนวคิดการพัฒนาโครงการคุณภาพเพื่อส่งมอบคุณค่าการอยู่อาศัยที่เหนือระดับและประสบการณ์ Best-in-class ภายใต้แนวคิด “RISE ABOVE” ของสิงห์ เอสเตท เรสซิเดนซ์
ณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจพักอาศัย บมจ. สิงห์ เอสเตท เผยถึงแผนการพัฒนาธุรกิจพักอาศัยของ สิงห์ เอสเตท ว่า “ด้วยเทรนด์ในปัจจุบันที่คนอยู่บ้านนานขึ้น มองหาบ้านที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิต และใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ บ้านจึงต้องให้ความสุขได้ตลอด 24 ชม. ที่สำคัญต้องตอบโจทย์ฟังก์ชั่นที่หลากหลายมากขึ้น นอกจากเป็นที่อยู่อาศัยแล้ว ยังต้องเป็นที่สังสรรค์ และที่ทำงานแบบ Work from home ได้ด้วย สิงห์ เอสเตทจึงได้นำแนวคิดนี้มาออกแบบโครงการที่พักอาศัยแนวราบ และเพื่อต่อยอดจากความสำเร็จที่สามารถปิดการขายโครงการบ้านสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภคของตลาดระดับบน
–ศุภาลัย ส่งสัญญาณปลุกชีพจรอสังหาฯเชียงใหม่ ผุดเมกะโปรเจกต์ “ศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์” บนทำเลที่ดีที่สุดใน อ.แม่ริม
–เกาะติดทิศทางอสังหาฯ พร้อมฝ่าขวากหนาม ลุ้นฟื้นตัวท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน
“โดยสิงห์ เอสเตท ตอกย้ำจุดยืนในการสร้างคุณค่าและความยั่งยืนให้ทุกชีวิต หรือ Enriching Life ด้วยความพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ใส่ใจ และมุ่งมั่นพัฒนาโครงการให้เป็น Best In Class เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ด้วยคุณภาพในระดับสากล ควบคู่ไปกับการดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม”
ณัฐวุฒิ เผยถึงแผนธุรกิจในปีนี้ว่า “สิงห์ เอสเตท พร้อมเดินหน้ารุกตลาดบ้านแนวราบเต็มตัวในปี 2565 นี้ โดยSingha Estate Residential เป็นส่วนหนึ่งที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่มีคุณค่าให้กับลูกค้า ซึ่งกลยุทธ์ในการพัฒนาของเราคือ “RISE ABOVE” ที่เรามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสินค้าให้เหนือกว่ามาตรฐาน เพื่อส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในทุกๆ segment ที่เราพัฒนา โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก โดยมีรายละเอียดของแนวคิดทั้ง 3 ส่วน อันประกอบด้วย
ABOVE THE NUMBER ที่นอกเหนือจากแผนการลงทุน และการพัฒนาโครงการเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันแล้ว ยังโฟกัสการตั้งเป้าตัวเลขที่ท้าทายขึ้นอีกด้วย สืบเนื่องจากเทรนด์ของโครงการอสังหาฯ แนวราบได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น สะท้อนจากตัวเลขที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องของโครงการบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ สิงห์ เอสเตท จึงได้วางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการบ้านแนวราบที่เพิ่มสูงขึ้น โดยในช่วง 5 ปีต่อจากนี้บริษัทฯ มีแผนสร้างโครงการรวมมูลค่า 52,000 ล้านบาท วางสัดส่วนบ้านแนวราบต่อคอนโดมิเนียมที่ไว้ 75% ต่อ 25% เน้นทำเลศักยภาพ ประกอบด้วยโครงการตั้งแต่ระดับ 10 – 100 ล้านบาท ใน 3 เซ็กเมนท์ ซึ่งพร้อมเปิดตัวภายในปีนี้ 1 โครงการมูลค่า 2,900 ล้าน และจะทยอยเปิดตัวอย่างต่อเนื่องปีละประมาณ 3,000 – 14,000 ล้านบาท โดยคาดว่าธุรกิจที่พักอาศัยจะสร้างรายได้รวมต่อปีสูงกว่า 10,000 ล้านบาท ในปี 2569
ABOVE THE DESIGN & SERVICE ด้วยการออกแบบที่สอดรับกับ New Trend of Living ที่บ้านถูกออกแบบให้มีพื้นที่รองรับรูปแบบการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน พื้นที่ใช้สอยสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน เพื่อให้บ้านเป็นพื้นที่สำหรับทุกๆคนในครอบครัว ด้วยแนวคิด
Smart Living
-Smart Layout ออกแบบ space และ function ต่างๆ ภายในบ้านให้ตอบโจทย์การใช้งานและความต้องการของคนทุก generation โดยบ้านถูกออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยที่รองรับกับพฤติกรรมของการใช้ชีวิตในปัจจุบัน และยังคำนึงถึงสภาพแวดล้อมของผู้อยู่อาศัยในทุกๆ ด้าน ทั้งเรื่องของแสงแดด ความร้อม ลมธรรมชาติ การระบายอากาศ
-Security for Families เพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้อยู่อาศัยด้วยระบบรักษาความปลอดภัยรอบด้านที่รัดกุม เติมเต็มความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัว รวมถึงการวางระบบต่างๆ อาทิ ระบบติดตั้งสายไฟใต้ดิน (underground cable) เพื่อความปลอดภัย และความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสร้างทัศนียภาพที่สวยงามซึ่งจะเป็นอีกมาตรฐานของโครงการบ้านจากสิงห์ เอสเตท
-Easy for Maintenance ด้วยระบบ Maintenance Alert ที่บ้านสามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าเมื่อถึงเวลาบำรุงรักษา ป้องกันความเสียหายของระบบต่างๆ เจ้าของสามารถตรวจเช็คสุขภาพบ้านด้วยตัวเองได้ผ่านแอพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว
Healthy Living
-Clean Air มีระบบกรองอากาศภายในบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัยและการพักผ่อนอย่างเต็มที่
-Clean Water มีระบบกรองน้ำเพื่อให้น้ำที่นำมาใช้และบริโภคในโครงการบริสุทธิ์และสะอาดมากยิ่งขึ้น
-Cool & Quiet นวัตกรรม “บ้านเย็น” ที่ช่วยให้อากาศในบ้านเย็น ถ่ายเทอากาศได้ดี ด้วยผนังกันความร้อน เพื่อการอยู่อาศัยที่สบายทั้งกลางวันและกลางคืน อีกทั้งยังเงียบสงบปราศจากเสียงรบกวนจากภายนอก
Sustainable Living
-Existing Tree Conservation มีการเก็บรักษาต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่เดิม เพื่อการอยู่อาศัยภายใต้บรรยากาศที่ร่มรื่น เย็นสบายและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพระบบนิเวศดั้งเดิมไว้ให้ได้มากที่สุด
-Clean Energy แบ่งเบาภาระของลูกบ้านด้วยการใช้พลังงานธรรมชาติ อาทิ การใช้พลังงานจากเซลล์แสงอาทิตย์
-Water Reuse ระบบการบำบัดน้ำเสีย เพื่อนำกลับมาใช้รดน้ำต้นไม้รอบโครงการ
-Material Selection & Long Lasting ออกแบบบ้านให้สวยงามอยู่คู่กาลเวลา โดยคำนึงถึงการใช้งานที่ดีทั้งในวันนี้และในอนาคต ที่ต้องตอบโจทย์เจ้าของบ้านในทุก Generation ดีไซน์ และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ทันสมัยอยู่เสมอ
Exclusive Services
-Warranty Extension ขยายเวลารับประกันเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มความสบายใจในการเข้าอยู่อาศัย
-Homecare Service อุ่นใจด้วยบริการ homecare ดูแลบ้าน แจ้งเหตุฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน
-Concierge Service เติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยกับบริการผู้ช่วยส่วนตัวที่พร้อมให้บริการลูกบ้านอย่างเหนือระดับ
ABOVE THE LIVING EXPERIENCE กับ Privileges ต่างๆ ภายใต้ ‘S life’ที่รวบรวมสิทธิประโยชน์จากบริษัทในเครือและ Partners ที่ตอบรับกับ Lifestyle ของลูกบ้านทุกคน ทั้งในส่วนของ
-S Hotels & Resorts กลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทชั้นนำต่างๆ ในเครือ สิงห์ เอสเตท ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
-Activities กิจกรรมสันทนาการ อาทิ กอลฟ์ กิจกรรมนั่งบอลลูนเพื่อชมทิวทัศน์ แคมปิ้ง
-Food & Beverage สิทธิพิเศษที่ร้านอาหารชั้นนำ รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มในเครือ
-Entertainment คอนเสิร์ต และกิจกรรมบันเทิงต่างๆ ที่น่าสนใจที่จัดขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งปี
“จากทั้งหมดนี้ จึงเรียกได้ว่าบ้านแบบสิงห์ เอสเตท จะมีตัวตนที่ชัดเจน ทั้งในเรื่องการออกแบบ ก่อสร้าง และบริการ นอกจากนี้ยังเป็นบ้านที่มีระบบ Maintenance Alert ที่บ้านสามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าเมื่อถึงเวลาบำรุงรักษา ป้องกันความเสียหายของระบบต่างๆ กล่าวคือบ้านที่ถูกออกแบบมาให้สวยงามอยู่คู่กาลเวลา และใช้งานได้อย่างดี พร้อมยังใช้นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม อาทิเช่น ระบบประหยัดพลังงาน และเทคโนโลยีที่ดูแลคุณภาพอากาศในบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ ผู้อยู่อาศัยจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสะดวกสบาย มีเวลาดูแลครอบครัว และได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ได้รับประสบการณ์การใช้ชีวิตที่เหนือกว่า และได้มีความสุขกับคนที่รักอย่างแท้จริง ด้วยแนวคิด RISE ABOVE” ณัฐวุฒิ กล่าว
ณัฐวุฒิ กล่าวถึงการเปิดตัวบ้านแบบใหม่เพิ่มเติมด้วยว่า สิงห์ เอสเตท เตรียมจะเปิดตัวโครงการใหม่ใน 3 เซ็กเมนท์ คือ บ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury ในทำเล Premium Location ด้วยราคา 50-100 ล้านบาท เพื่อเป็นการต่อยอดจากการพัฒนาโครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ที่ประสบความสำเร็จมา โดย character ของโครงการนี้จะมีสถาปัตยกรรมที่ Timeless สวยงามยาวนาน แม้จะถูกส่งมอบจาก generation สู่อีก generation หนึ่ง ทุกรายละเอียดถูกคิด มา อย่างดี สร้างอย่างประณีตเสมือนงาน masterpiece สะท้อนความ สง่างามของผู้อยู่อาศัย โดยแบรนด์นี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วยชื่อ ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส (Siraninn Residences)
ถัดมาคือ บ้านเดี่ยวระดับ Luxury บน Premium Location ที่สะท้อน Lifestyle การใช้ชีวิตของคนเมือง ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ด้วยราคา 20-50 ล้านบาท โครงการจะถูกออกแบบให้โดดเด่นด้วยการผสมผสานธรรมชาติให้เข้ากับการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัย เสมือนพักผ่อนในรีสอร์ทตากอากาศในทุกๆ วัน สะท้อน Stylish Luxury Lifestyle ของผู้พักอาศัย และสุดท้าย บ้านเดี่ยวระดับ Affordable Luxury ในทำเลที่ Premium เดินทางสะดวก เข้าถึงใจกลางเมืองได้ง่ายๆ ด้วยระดับราคา 10-20 ล้านบาท โครงการนี้จะเน้นเรื่องของการออกแบบที่มีความเป็นคนรุ่นใหม่ ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการ Design โดยยังเน้นเรื่องของ Form และ Function ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต
“สำหรับในปีนี้ เราจะได้เห็นการเปิดตัวโครงการ ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส (Siraninn Residences) มูลค่ารวม 2,900 ล้าน ในเดือนกันยายน โดยโครงการตั้งอยู่ในซอยพัฒนาการ 32 ซึ่งเป็นทำเลที่อยู่อาศัยสำหรับโครงการแนวราบเขตเมือง ที่พรีเมียมที่สุดในปัจจุบัน สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังโซนธุรกิจสำคัญได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะไปยังสุขุมวิท ทองหล่อ เอกมัย หรือเชื่อมต่อไปโซนเศรษฐกิจหลักบนถนนพระราม 9 ก็สามารถทำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว คาแรกเตอร์ของโครงการจะเป็น Horizontal Luxury House ในรูปแบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้นท่ามกลางสังคมคุณภาพ โดยนำเสนอแบบเอ็กซ์คลูซีฟจำกัดจำนวนเพียง 32 หลังเท่านั้นส่วนอีก 2 เซ็กเมนท์ใหม่ จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมชื่อแบรนด์ในปี 2023 นี้แน่นอน” ณัฐวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย