Facebook ประเทศไทย จาก Meta ประกาศเปิดตัวโซลูชันใหม่จาก Messenger เพื่อช่วยให้ผู้คนและธุรกิจทั่วประเทศเชื่อมต่อกันได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งตอกย้ำถึงการลงทุนในภูมิภาคอย่างต่อเนื่องของบริษัท โดยการประกาศดังกล่าวยังรวมถึงการเปิดตัวฟีเจอร์ Recurring Notifications บน Messenger ที่ช่วยให้คนไทยมีส่วนร่วมกับแบรนด์ที่พวกเขาชื่นชอบได้อย่างต่อเนื่องยิ่งขึ้น
ฟีเจอร์ใหม่นี้ถูกเปิดตัวในระหว่างงานประชุมระดับโลกของ Meta ที่มีชื่อว่า Conversations ที่จัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ในช่วงที่ผ่านมา โดยบริษัทยังได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีการที่ธุรกิจต่าง ๆ ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือการส่งข้อความทางธุรกิจ เพื่อพัฒนาประสบการณ์ออนไลน์สำหรับลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น
การประกาศในวันนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของวิธีการที่ผู้คนใช้โต้ตอบกันผ่านช่องทางออนไลน์ และวิธีการที่พวกเขาต้องการเชื่อมต่อกับธุรกิจในลักษณะเดียวกับที่พวกเขาพูดคุยกับเพื่อนและครอบครัว โดย 76 เปอร์เซ็นต์ของคนไทยชอบการส่งข้อความมากกว่าการส่งอีเมล์และการพูดคุยผ่านโทรศัพท์ และ 81 เปอร์เซ็นต์รู้สึกเชื่อมต่อกับธุรกิจที่พวกเขาสามารถส่งข้อความถึงโดยตรงได้อย่างใกล้ชิดมากกว่า
–Facebook ประเทศไทย ฉลอง Pride Month สนับสนุนความหลากหลายทางเพศและกลุ่มครีเอเตอร์ LGBTQ+
ด้วยจำนวนผู้ใช้กว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วโลก และการศึกษาพบว่า 78 เปอร์เซ็นต์ของคนไทย มีการเชื่อมต่อกับบัญชีธุรกิจผ่านบริการการส่งข้อความในเครือของ Meta ทุกสัปดาห์ รวมถึงปริมาณการสนทนารายวันระหว่างผู้คนและธุรกิจที่เพิ่มขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ในปีที่ผ่านมา ทำให้ Messenger ยังคงเป็นช่องทางสื่อสารชั้นนำที่ช่วยให้ผู้คนสามารถเริ่มต้นบทสนทนากับธุรกิจที่พวกเขาสนใจได้
อังกูร ปราสาด ผู้อำนวยการฝ่ายการส่งข้อความทางธุรกิจสำหรับ Facebook และ Instagram จาก Meta ได้กล่าวในงานไว้ว่า “แม้กระทั่งก่อนสถานการณ์แพร่ระบาด เราได้เห็นธุรกิจในประเทศไทยและในภูมิภาคเป็นผู้นำด้านการส่งข้อความทางธุรกิจ ที่จริงแล้ว ฟีเจอร์มากมายที่เราสร้างขึ้นได้รับแรงบันดาลใจจากวิธีการที่เราเห็นธุรกิจต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกใช้แพลตฟอร์มของเราในการค้นหาและเชื่อมต่อกับลูกค้าในลักษณะที่เป็นส่วนตัว เกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม และตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละคน นอกจากนี้ เราจะยังคงเดินหน้าลงทุนในฟีเจอร์ที่สร้างประสบการณ์การค้นหาและการส่งข้อความที่ไร้รอยต่อ เพื่อช่วยให้ธุรกิจและผู้บริโภคชาวไทยได้เชื่อมต่อกันอย่างมีความหมาย”
การลงทุนเพื่อสร้างประสบการณ์ส่งข้อความที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า
การสนทนามีความสำคัญต่อทุกขั้นตอนในเส้นทางการซื้อของลูกค้า และด้วยการเปลี่ยนแปลงสู่โลกออนไลน์มากขึ้นในปัจจุบัน ช่วงเวลาในการนำเสนอบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละคนจึงมีความสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจมากยิ่งขึ้น ภายในงานที่จัดขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์ในวันนี้แสดงให้เห็นว่า Meta ได้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย พร้อมลงทุนเพื่อพัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ครอบคลุม 3 ประเด็นสำคัญที่ช่วยเปิดโอกาสให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถใช้การส่งข้อความในขั้นตอนการดำเนินธุรกิจของพวกเขาได้
นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้คนไทยสามารถสนทนากับธุรกิจได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใหม่หรือธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น โฆษณาที่คลิกไปยังการส่งข้อความ (Click to Message Ads) ที่นำลูกค้าไปสู่ประสบการณ์ส่วนตัวผ่านช่องทางการสื่อสารที่พวกเขาเลือก และช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงผู้คนในที่ที่การสนทนามักจะเกิดขึ้นมากที่สุด
ในปัจจุบัน เมื่อลูกค้าสื่อสารกับธุรกิจออนไลน์ พวกเขามักมีความคาดหวังที่จะได้รับบริการที่ดีที่สุดจากธุรกิจมากขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่ง Meta กำลังพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้โดยอัตโนมัติ โดย Meta Business Suite ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือการจัดการด้านธุรกิจได้ถูกใช้งานโดยธุรกิจกว่า 30 ล้านแห่งทั่วโลก ช่วยให้ธุรกิจท้องถิ่นสามารถตอบสนองลูกค้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และช่วยให้ผู้ดูแลเพจธุรกิจสามารถจัดการข้อความจาก Facebook, Messenger และ Instagram ได้ในพื้นที่เดียว
ในขณะที่ธุรกิจต่าง ๆ มีความตั้งใจที่จะตอบคำถามของลูกค้าแต่ละรายโดยตรง ผลการศึกษาที่ถูกจัดทำขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่พบว่า 62 เปอร์เซ็นต์ของคนไทยรู้สึกว่าการโทรหาธุรกิจและต้องรอสายเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิด แต่การจะตอบโจทย์ด้านการสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างทันท่วงนี้อาจต้องใช้ทรัพยากรอย่างมาก ดังนั้น Meta จึงได้ลงทุนเพื่อช่วยเหลือธุรกิจต่าง ๆ ในการตั้งค่าข้อความตอบกลับอัตโนมัติที่สามารถปรับแต่งได้ (customized automated responses) ไม่ว่าจะเป็นการทักทาย ข้อความแจ้งเตือนสถานะว่าไม่อยู่ คำตอบสำหรับคำถามที่พบบ่อยที่สุดถึง 5 คำถาม รวมถึงการตอบกลับข้อความที่บันทึกไว้ในแบบฟอร์ม เพื่อตอบกลับในลักษณะที่รวดเร็วและสอดคล้องกันมากขึ้น
นอกจากนี้ Meta เข้าใจดีว่าเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น พวกเขาจำเป็นต้องสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าด้วยประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ โดยผู้บริโภคทั่วไปมักจะติดต่อธุรกิจตลอดวงจรการซื้อสินค้า โดยจากการศึกษาพบว่ามี 83 เปอร์เซ็นต์ที่ส่งข้อความหาธุรกิจในช่วงก่อนซื้อ และมี 70 เปอร์เซ็นต์ส่งข้อความถึงธุรกิจในขณะที่กำลังซื้อสินค้า และอีก 58 เปอร์เซ็นต์ส่งข้อความหาธุรกิจหลังการซื้อสินค้า
การเปิดตัวฟีเจอร์ Recurring Notifications บน Messenger ในวันนี้ ทำให้น ธุรกิจต่าง ๆ สามารถปรับแต่งและส่งข้อความให้กับลูกค้าได้ในเวลาที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละคนมากขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการค้นหาสินค้า การพิจารณาการซื้อ การเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายให้กลายเป็นลูกค้า (conversion) และการมีส่วนร่วมกับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทุกเมื่อตลอดเส้นทางการซื้อสินค้า นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเห็นหัวข้อและความถี่ของการแจ้งเตือนล่วงหน้า เพื่อช่วยในการจัดการประสบการณ์ให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของพวกเขา และช่วยให้ธุรกิจแน่ใจว่าจะสามารถสร้างบทสนทนาที่มีคุณภาพสูงที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ต่อแบรนด์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นได้
เมธิศร์ มุกดาสิริ หัวหน้ากลุ่มลูกค้าภาคอุตสาหกรรมของ Facebook ประเทศไทย จาก Meta กล่าวว่า “ด้วยการเติบโตของการซื้อขายผ่านการแชทอย่างมีนัยสำคัญทั่วโลก โดยมีคนไทย 74 เปอร์เซ็นต์เผยว่าพวกเขาส่งข้อความถึงธุรกิจบ่อยขึ้นตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาด ลูกค้าจึงต้องการที่จะได้รับการตอบสนองความต้องการบนช่องทางที่พวกเขาใช้อยู่ได้อย่างไม่มีการสะดุดซึ่งในปัจจุบันผู้คนได้หันมาใช้แพลตฟอร์มในการส่งข้อความมากขึ้น ดังนั้น เราจึงยังคงลงทุนและสร้างโซลูชันเพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กและลูกค้าบนแพลตฟอร์มของเราอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน”
การยกระดับธุรกิจไทยสู่อีกขั้นด้วยโซลูชันการส่งข้อความแห่งอนาคต
ในโอกาสนี้ พันธมิตรทางธุรกิจของ Meta นำโดย เซ็นทรัล รีเทลผู้นำด้านค้าปลีกและแพลทฟอร์มที่นำเสนอสินค้าและบริการหลากรูปแบบและหมวดหมู่ ได้เข้าร่วมพูดคุยภายในงาน บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด พร้อม ซีวิซ เอไอ (Zwiz.AI) ผู้ให้บริการโซลูชันด้านการค้าขายผ่านช่องทางดิจิทัลชั้นนำ และพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจด้านโซลูชั่นของ Meta(Meta Business Partner) ที่ช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถขยายการเติบโตบนโซเชียลมีเดียด้วยการพัฒนาประสบการณ์อัตโนมัติสำหรับ Messenger
ในระหว่างการเสวนากลุ่มภายในงาน เซ็นทรัลได้เจาะลึกถึงความสำคัญของการส่งข้อความทางธุรกิจและความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์ลูกค้าอย่างไร้รอยต่อตั้งแต่ต้นจนจบ โดย อดิศัย ธรรมร่มดี ผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาดดิจิทัล บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด และบริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล อธิบายไว้ว่า “ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ตอกย้ำความเป็นผู้นำแห่งวงการค้าปลีก ขานรับนโยบายกลุ่ม CRC พร้อมพุ่งทะยานสู่องค์กรค้าปลีกอัจฉริยะอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยรากฐานอันแข็งแกร่งของ Next-Gen Omni Retail ที่วางโครงสร้าง Digital Infrastructure เต็มศักยภาพเชื่อมโยงลูกค้าและห้างเพื่อประสบการณ์ช้อป ไร้ขีดจำกัดและไร้พรมแดน เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตธุรกิจอย่างยั่งยืน”
นอกจากนี้ ซีวิซ เอไอ ยังได้แบ่งปันวิธีการที่พวกเขาช่วยเหลือธุรกิจต่าง ๆ ให้ประสบความสำเร็จ เช่น การช่วยเหลือให้แบรนด์เอราวอน (era-won) แบรนด์เครื่องแต่งกายของไทยขยายการเติบโตของธุรกิจ เพื่อรองรับคำสั่งซื้อและการสอบถามที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ด้วยการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มภายในเครือของ Meta ผ่านตัวช่วยดิจิทัลจาก Messenger ที่สร้างผลตอบแทนจากค่าโฆษณาถึง 8 เท่า และยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีและโซลูชันล่าสุดของธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและทำให้ประสบการณ์ช้อปปิ้งมีความเพลิดเพลินและไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้น
ชนกานต์ ชินชัชวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง ซีวิซ เอไอ สรุปว่า “ในยุคที่ลูกค้ามองหาวิธีการที่ง่ายที่สุดเพื่อสื่อสารกับธุรกิจเมื่อซื้อหรือขายสินค้า การส่งข้อความทางธุรกิจช่วยมอบโอกาสครั้งสำคัญที่ทุกแบรนด์ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน”