นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือของไต้หวันเมื่อกลางดึกวันที่ 17 กันยายนและเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมา ความรุนแรงขนาด 6.8 ริกเตอร์นั้น ท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวและมีความห่วงใยคนไทยทุกคนที่พำนักอยู่ในไต้หวัน และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งเตือนคนไทยในไต้หวันให้เพิ่มความระมัดระวัง ในส่วนของกระทรวงแรงงาผมได้สั่งการให้ทูตแรงงานแจ้งเตือนแรงงานไทยทุกคนให้เพิ่มความระมัดระวัง เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ ข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางการอย่างเคร่งครัด เพราะอาจเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายระลอก ซึ่งหากประสบเหตุหรือต้องการความช่วยเหลือขอให้ติดต่อมาที่เฟสบุ๊คของสำนักงานแรงงานไทเป พร้อมทั้งขอให้เตรียมหนังสือเดินทางและพร้อมเดินทางหากมีความจำเป็นฉุกเฉิน
นายสุชาติ กล่าวว่า จากรายงานของนางสาวประภาวดี แก้วศิริพงษ์ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน)สำนักงานแรงงาน ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2) กรุงไทเป พบว่า เหตุแผ่นดินไหวดังกล่าว ส่งผลทำให้มีผู้บาดเจ็บ 142 ราย เป็นชาวไต้หวันและชนพื้นเมือง ในจำนวนนี้ที่เมืองฮัวเหลียน 76 ราย ไถตง 55 ราย เกาสง 4 ราย นครนิวไทเป 2 ราย เถาหยวน 2 ราย ผิงตง 2 ราย และเจียอี้ 1 ราย และผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชายชาวไต้หวันอายุ 65 ปีเสียชีวิตขณะทำงานอยู่ในโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ ถูกปล่องเก็บฝุ่นที่พังถล่มลงมาทับหลังส่งรักษาเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ ยังทำให้ภาคตะวันออกของเกาะไต้หวันไฟฟ้าดับ 24,834 ครัวเรือน น้ำประปาไม่ไหล 5,442 ครัวเรือน
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีแรงงานไทยที่ยังทำงานอยู่ในประเทศไต้หวัน ทั้งหมด 64,311 คน
เป็นแรงงานภาคผลิต 57,443 คน ก่อสร้าง 6,318 คน เกษตร 137 คน และภาคสวัสดิการสังคม เช่น แม่บ้าน/ผู้อนุบาล 413 คน ซึ่งเมืองที่เป็นศูนย์กลางแผ่นดินไหวในไต้หวันครั้งนี้ คือ เมืองไถตง มีแรงงานไทยอยู่ 6 คน
แต่เมืองที่ได้รับผลกระทบรุนแรง อาคารถล่ม สะพานขาด คือ ฮวาเหลียน มีแรงงานไทยทำงานอยู่ 302 คน แรงงานไทยไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ส่วนใหญ่แรงงานไทยจะทำงานในเมืองเถาหยวน 18,746 คน ไทจง 10,868 คน และนิวไทเป 7,593 คน ซึ่งอยู่ไกลจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวครั้งนี้ ทั้งนี้ สำนักงานแรงงาน ณ กรุงไทเปและเกาสง และสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ได้ติดตามสถานการณ์และแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารไปยังแรงงานผ่านทางเฟสบุ๊ค และไลน์ อย่างต่อเนื่อง