บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์ ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล หรือ “PROSPECT REIT” เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ ผู้จัดการกองทรัสต์ มีมติอนุมัติจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ประจำไตรมาส 3/2565 ในอัตรา 0.2265 บาทต่อหน่วย โดยมีรายได้รวม 111.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย 0.27% และกำไรสุทธิ 70.13 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 1.27% เทียบจากไตรมาสก่อน สืบเนื่องจากไตรมาสนี้มีค่าใช้จ่ายปรับปรุงอาคารเพิ่มขึ้น เพื่อรักษาคุณภาพของทรัพย์สินให้ดีอย่างต่อเนื่อง ส่วนภาพรวมธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าปี 2565 มีทิศทางเติบโตที่ดี เสริมความสามารถในการรักษาอัตราผลตอบแทน (Yield) ของ PPOSPECT REIT ปีนี้ให้อยู่ที่ประมาณ 8-9% ได้
ขณะเดียวกัน ดีมานด์การใช้พื้นที่โรงงานและคลังสินค้าของกลุ่มธุรกิจอาหาร ธุรกิจ E-Commerce ธุรกิจผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ขยายตัวอย่างมาก รวมถึงได้รับแรงหนุนจากธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV car) ที่ขยายฐานการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนเข้ามาในประเทศไทย ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะเข้ามาขับเคลื่อนการเติบโตของ PROSPECT REIT ในอนาคต ด้วยที่ตั้งโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน (BFTZ) ถนน บางนา-ตราด กม.23 อยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ด้านโลจิกสติกส์ของไทย รวมถึงมีอาคารคุณภาพในรูปแบบต่าง ๆ ที่หลากหลายให้บริการ ทั้งแบบสำเร็จรูป (Ready Built) และสร้างตามความต้องการ (Built-to-Suit) อีกทั้งอาคารทั้งหมดในโครงการสามารถใช้งานได้ตามความต้องการของผู้เช่า ไม่ว่าจะเป็นโรงงานหรือคลังสินค้า ซึ่งสามารถรองรับความต้องการของผู้เช่าได้ครอบคลุม
–ฟู้ดแพชชั่น ชูกลยุทธ์ “Go Beyond” พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน
อรอนงค์ ชัยธง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า “ผลงานของ PROSPECT REIT ช่วง 9 เดือนของปีนี้ เดินตามโรดแมปที่ได้วางไว้ ตั้งแต่การเข้าลงทุนรูปแบบกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในโครงการ X44 ถนน บางนา-ตราด กม.18 จาก ผู้พัฒนาโครงการรายอื่นนอกจาก Sponsor หลักเป็นครั้งแรก มีผู้เช่าเป็นผู้ประกอบการธุรกิจสีรถยนต์ ด้วยสัญญาเช่าระยะยาว อีกทั้งครึ่งปีหลังที่เศรษฐกิจฟื้นตัว นักลงทุนต่างชาติเริ่มเดินทางเข้ามาดูพื้นที่อาคารคลังสินค้าและโรงงานก่อนตัดสินใจเช่า ดันอัตราการเช่าในไตรมาส 3 ยังอยู่ในระดับที่สูงถึง 94.4% ซึ่งเรามุ่งเน้นเรื่องคุณภาพของทรัพย์สินและการให้บริการที่ครบวงจร (one stop service) เป็นสำคัญ ผู้เช่าหลักจึงยังวางใจต่อสัญญาครบ 100% ในไตรมาสที่ 3 พร้อมผู้เช่ารายใหม่ในกลุ่มธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต ได้แก่ ธุรกิจอาหาร และ ธุรกิจผลิตโซล่าเซลล์ ทำให้มีความหลากหลายของผู้เช่าในแต่ละอุตสาหกรรม เป็นอีกจุดเด่นของ PROSPECT REIT ที่สามารถกระจายความเสี่ยงจากฐานผู้เช่า นำมาซึ่งการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยในอัตราที่ดีและสม่ำเสมอต่อเนื่องทุกไตรมาส”
ทั้งนี้ PROSPECT REIT จะทำการปิดสมุดทะเบียนเพื่อกำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่มีสิทธิ์ได้รับประโยชน์ตอบแทนในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ และจ่ายเงินออกให้แก่ผู้ถือหน่วยในวันที่ 7 ธันวาคม 2565
สำหรับแนวโน้มในปี 2566 ยังคงปีทองของอสังริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม จากแรงหนุนทั้งด้านนโยบายส่งเสริมการลงทุนและสิทธิประโยชน์ของนักลงทุนต่างชาติในการเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย ซึ่งข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในช่วง 9 เดือนของปีนี้ พบว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีมูลค่ารวม 275,624 ล้านบาท โดยการลงทุนจากจีน มีเงินลงทุนมากที่สุด ตามด้วยไต้หวัน และญี่ปุ่น ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าการลงทุนใน 2 สาขานี้ จะขยายตัวต่อเนื่อง
“ปัจจุบัน PROSPECT REIT มีมูลค่าสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 3,544.48 ล้านบาท โดยพื้นที่เช่าในโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน บางนา-ตราด กม.23 เป็นพื้นที่เขตปลอดอากร (Free Zone) ถึง 61% ซึ่งผู้เช่าจะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีในการนำเข้าและส่งออกสินค้า ที่ผ่านมา ผลตอบรับนอกจากลูกค้าไทยที่ให้ความสนใจติดต่อเช่าพื้นที่ นักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะลูกค้าจากจีน สหรัฐอเมริกา เป็นกลุ่มที่น่าจับตามองเช่นกัน ปีหน้าเราได้วางแผนเข้าลงทุนในโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 2 ถนน เทพารักษ์ และ บางกอกฟรีเทรดโซน 3 ถนน บางนา-ตราด กม.19 ที่ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพด้านโลจิสติกส์ รองรับลูกค้ากลุ่มโลจิสติกส์และโรงงานขนาดใหญ่ขึ้น พื้นที่ให้เช่ารวม 2 โครงการ 70,129 ตร.ม. มูลค่าเข้าลงทุนไม่เกิน 1,800 ล้านบาท โดยออกหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมจำนวนไม่เกิน 180,000,000 หน่วย และ ยื่น ก.ล.ต. นับ 1 Filing ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อสร้างรากฐานการเติบโตอย่างยั่งยืนและเติมทรัพย์สินคุณภาพเข้าสู่กองทรัสต์เสริมความมั่นคงระยะยาว” อรอนงค์ กล่าวปิดท้าย