Nestle ครบรอบ 130 ปี ในไทย ปรับกลยุทธ์รับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่

เนสท์เล่ครบรอบ 130 ปี ในไทย ปรับกลยุทธ์รับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่

เนสท์เล่ (Nestle) แถลงครบรอบ 130 ปี ในประเทศไทย ชูกลยุทธ์ “ขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค” สานต่อความมุ่งมั่นในเรื่องโภชนาการเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี และกลยุทธ์ “ขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา” เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการดําเนินงานของเนสท์เล่มีความยั่งยืน ซึ่งสองกลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยให้เนสท์เล่ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีและยังช่วยให้โลกน่าอยู่ขึ้น

ZEN Group เผยปี 66 เดินหน้าขยาย 90 สาขา พร้อมดัน AKA สู่ Premium Mass

“เนสท์เล่มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานกว่า 130 ปี เราภูมิใจกับโอกาสครบรอบครั้งยิ่งใหญ่ในปีนี้” วิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าว และเสริมว่า  “เราเชื่อมั่นในการสร้างคุณค่าร่วมกันกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และสังคมไทย ตลอดจนยึดมั่นต่อเจตนารมณ์ในการเปิดพลังแห่งอาหาร เพื่อเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อทุกคนในวันนี้ และในอนาคต”

สำหรับผลประกอบการและการลงทุน เนสท์เล่มีการเติบโตในปี 2565 อยู่ที่ 3.5-4 % เมื่อเทียบกับปี 2564 มีการลงทุนในสายการผลิตของหน่วยธุรกิจเนสท์เล่ เพียวริน่า เพ็ทแคร์ (Purina Pet Care) จำนวน 500 ล้านฟรังก์สวิส ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 5 ปี และในปีนี้จะมีการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นถึง 50%

สำหรับการลงทุนโดยรวมในปี 2566 จำนวนประมาณ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในโรงงาน ประมาณ 6,500 ล้านบาท และลงทุนในด้านธุรกิจและการตลาด ประมาณ 3,500 ล้านบาท

“สำหรับต้นทุนที่สูงขึ้น 8% เป็นค่าเฉลี่ยของสินค้าทุกกลุ่ม หากดูเป็นสินค้าแต่ละตัว บางสินค้ามีต้นทุนขึ้นสูงมากกว่านั้น ซึ่งเราไม่เคยประกาศว่าจะไม่ขึ้นราคา แต่บริษัทตระหนักดีถึงสถานการณ์ที่น่าหนักใจที่ผู้บริโภคชาวไทยต้องเผชิญในเวลานี้ เนสท์เล่จึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อลดผลกระทบต่อผู้บริโภค โดยหันไปมองเรื่องการประหยัดต้นทุนที่เป็นไปได้ตลอดห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดของเรา ก่อนที่จะพิจารณาการปรับราคาเป็นทางออกสุดท้าย” วิคเตอร์ กล่าว

ประวัติศาสตร์อันยาวนานของเนสท์เล่ตลอด 130 ปี

เนสท์เล่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาเป็นเวลา 130 ปี โดยได้สร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับสังคมไทยตามหลักการ ESG ทุกมิติ ซึ่งได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยมุ่งเน้นการปกป้อง และฟื้นฟูดูแลสิ่งแวดล้อมภายใต้แผนงานด้านความยั่งยืน Net Zero 2050

ปัจจุบัน เนสท์เล่มีผลิตภัณฑ์ 100 รายการที่ได้รับการรับรอง สัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice Logo) ผลิตภัณฑ์โภชนาการสำหรับเด็กของเนสท์เล่ทั้งหมด 100% ยังมีการเสริมแร่ธาตุและวิตามิน เพื่อช่วยป้องกันการขาดสารอาหารในเด็กวัยหัดเดินและเด็กเล็ก รวมทั้งยังได้ดำเนินโครงการให้ความรู้ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีแก่ประชาชนคนไทยมาหลายทศวรรษ

เนสท์เล่มีบทบาทสำคัญในการร่วมพัฒนาเศรษฐกิจไทยผ่านการสร้างงาน  โดยเนสท์เล่ประเทศไทยมีพนักงานราว 4,000 คน และทำให้เกิดการจ้างงานทางอ้อมอื่น ๆ อีกกว่า 10,000 ตำแหน่งจากพันธมิตรทางธุรกิจ

เนสท์เล่ครบรอบ 130 ปี ในไทย ปรับกลยุทธ์รับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่

นอกจากนี้ ยังลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยกว่า 13,600 ล้านบาทในการเปิดโรงงานใหม่ 2 แห่งในไทยในช่วงปี 2018 -2022 รวมไปถึงการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทยหลายชนิดไปนานาประเทศ

ปรับทิศทางธุรกิจ จากเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

เมื่อก้าวสู่โลกยุคหลังโควิด-19 ผู้บริโภคนอกจากจะมีการบริโภคนอกบ้านมากขึ้น และเกิดการบริโภคจากความอยากซื้อทันทีโดยไม่ได้วางแผนมาก่อนแล้ว วิคเตอร์ ยังได้เปิดเผยถึงเทรนด์ผู้บริโภคระยะกลางถึงระยะยาวจากการวิจัยล่าสุด ซึ่งพบว่า คนไทยหันมาใส่ใจกับการรับประทานอาหารอย่างสมดุล หรือ Balanced Diet และการมีไลฟ์สไตล์ที่รักษ์โลกมากขึ้น

ปัจจุบัน ผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ด้วยการเติมเต็มชีวิตในด้านสังคมและจิตใจ หมายถึง การรับประทานอาหารอย่างสมดุล และทำให้สุขภาพดีขึ้น ซึ่งผู้บริโภคปรับสมดุลการบริโภคโดยเลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น แต่ยังคงรับประทานของหวานหรือขนมที่สร้างความสุขสุนทรีย์เล็ก ๆ น้อยๆ ให้กับจิตใจ ที่สำคัญคือ ผู้บริโภคจะไม่ประนีประนอมเรื่องรสชาติ คือทุกอย่างต้องมีรสชาติอร่อยเท่านั้น

ขณะที่ผู้บริโภคที่มีอายุมากกว่า 45 ปี เริ่มตระหนักถึงความยั่งยืนมากขึ้น คนรุ่นใหม่ที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปี ก็ต้องการสนับสนุนแบรนด์ที่มีแนวทางด้านความยั่งยืน และคาดหวังมากขึ้นว่า แบรนด์จะทําหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และมีความโปร่งใสมากขึ้น สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์รักษ์โลก ผู้บริโภคใส่ใจว่าผลิตภัณฑ์มีที่มาจากไหนและผลิตมาอย่างไร ทุกวันนี้ คนไทย 62% ระบุว่า ได้นําแนวการบริโภคอย่างยั่งยืนมาใช้ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์

เนสท์เล่ครบรอบ 130 ปี ในไทย ปรับกลยุทธ์รับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่

“เนสท์เล่มีความเชื่อมั่นและมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนตลาดประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้และในอนาคตข้างหน้า เนสท์เล่จะเน้นสองกลยุทธ์หลักคือการขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค (Good for You) ที่จะสานต่อความมุ่งมั่นของเราในเรื่องโภชนาการเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมรสชาติที่อร่อย และขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา (Good for the Planet) เพื่อให้มั่นใจว่า ผลิตภัณฑ์และการดําเนินงานของเนสท์เล่มีความยั่งยืน ทั้ง 2 กลยุทธ์สำคัญนี้จะช่วยให้เราสามารถ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยในการรับประทานอาหารอย่างสมดุล ด้วยทางเลือกที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ ในราคาที่เข้าถึงได้ พร้อม ๆ กับการช่วยให้โลกเราน่าอยู่มากขึ้นด้วย” วิคเตอร์ กล่าวเสริม

ขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค

ด้วยกลยุทธ์การขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค เนสท์เล่จะมุ่งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่อร่อยขึ้นและดีต่อสุขภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมพัฒนาพอร์ตผลิตภัณฑ์ให้มีรสชาติที่อร่อยและมีโภชนาการสูงกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรม ผ่านเกณฑ์โภชนาการของบริษัทที่เข้มงวดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์

เราจะเดินหน้านำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อให้เป็นตัวเลือกที่ “ดีต่อสุขภาพ” ให้กับผู้บริโภค เช่น การนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่ลดน้ำตาล ลดโซเดียม การเสริมวิตามินและแร่ธาตุ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำจากพืชให้เป็นตัวเลือกสําหรับผู้บริโภค เช่น ผลิตภัณฑ์แบรนด์ฮาร์เวสต์ กูร์เมต์ ในรูปแบบขายปลีก

เนสท์เล่จะเดินหน้าดำเนินกิจกรรมการให้ความรู้ในปี 2023 อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้ด้านการรับประทานอาหารที่ถูกต้องเหมาะสม เสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ และสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและมีความสุข โดยมีกิจกรรมหลัก ได้แก่

-เนสท์เล่คาราวานครอบครัวแข็งแรง กิจกรรมให้ความรู้เรื่องโภชนาการเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีในพื้นที่ต่าง ๆ พร้อมทั้งส่งเสริมเรื่องการจัดการขยะและให้ความรู้เกี่ยวกับการรีไซเคิล โดยตั้งเป้าในการเข้าถึงผู้บริโภค 300,000 คนใน 130 ชุมชนทั่วประเทศ

-โครงการสาสุขอุ่นใจ โดยร่วมมือกับกรมอนามัย เพื่อขับเคลื่อน 130 ชุมชนทั่วประเทศสร้างสุขนิสัยในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงยิ่งขึ้น

เนสท์เล่ครบรอบ 130 ปี ในไทย ปรับกลยุทธ์รับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่

ขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลก

ด้วยความมุ่งมั่นในการดูแลและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม เนสท์เล่ยังมีอีกหนึ่งกลยุทธ์หลักในขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา (Good for the Planet) เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 ซึ่งจะเป็นสิ่งที่กําหนดทิศทาง และการดำเนินงานหลัก ๆ ของบริษัท

จากการดำเนินงานตามแผนงานด้านความยั่งยืนของเนสท์เล่ ในประเทศไทย ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ได้มีความคืบหน้าเป็นอย่างมากในทุกด้าน อาทิ 95% ของบรรจุภัณฑ์เนสท์เล่ประเทศไทย ได้รับการออกแบบให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ มีการใช้พลังงานทดแทนในกระบวนการผลิต และได้มีการใช้เมล็ดกาแฟที่มีการจัดหาอย่างยั่งยืน 100%

ในปีนี้ เนสท์เล่จะดำเนินสองโครงการใหม่เพื่อช่วยให้ก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero ซึ่งโครงการแรกเป็นการต่อยอดความสําเร็จของโครงการเยาวชนพิทักษ์สายน้ำที่อยุธยา โดยขยายไปสู่โครงการใหม่ในการพิทักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำหนองทุ่งทองในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์น้ำของโรงเรียนและชุมชนโดยรอบพื้นที่ชุ่มน้ำริมแม่น้ำตาปี ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานสุราษฎร์ธานี ที่ใช้ผลิตน้ำดื่มของเนสท์เล่

นอกจากนี้ เนสท์เล่ในประเทศไทย ยังได้จับมือกับ PUR Projet ปลูกต้นไม้ 800,000 ต้นในไร่กาแฟที่จังหวัดระนองและชุมพร โดยมีเป้าหมายเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ประมาณ 200,000 ตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ระดับโลกในการลดคาร์บอนเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050

ทั้งนี้ เนสท์เล่ ได้จัดทำภาพยนตร์ครบรอบการดำเนินธุรกิจของเนสท์เล่ 130 ปี เป็นเวลากว่า 130 ปีที่เนสท์เล่ได้มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น มีรสชาติที่อร่อยขึ้น ด้วยวิถีทางที่ยั่งยืนมากขึ้น ในโอกาสครบรอบปีนี้ เนสท์เล่จึงได้เปิดตัวสุดพิเศษ (ชมวิดีโอแคมเปญ) เพื่อสะท้อนบทบาทของเนสท์เล่ในการ “ส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้ไม่เคยเปลี่ยน” จากรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าความต้องการของผู้คนจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลามากแค่ไหนก็ตาม เพื่อตอกย้ำการเป็นบริษัทอาหารและเครื่องดื่มอันดับหนึ่งที่คนไทยเชื่อมั่นและไว้วางใจตลอดมา

Scroll to Top