วิจัยพบ องค์กรทั่วโลกเร่งผลักดัน Edge เพื่อยกระดับการแข่งขัน กว่า 70% จัดการความท้าทายสำคัญทางธุรกิจได้สำเร็จ

วิจัยพบ องค์กรทั่วโลกเร่งผลักดัน Edge เพื่อยกระดับการแข่งขัน กว่า 70% จัดการความท้าทายสำคัญทางธุรกิจได้สำเร็จ

เอ็นทีที (NTT Ltd.) เผยแพร่รายงานเรื่องข้อได้เปรียบของเทคโนโลยี Edge (Edge Advantage Report) โดยหนึ่งในข้อค้นพบที่สำคัญจากรายงานคือ 2 ใน 3 ขององค์กรที่ลงทุนในเทคโนโลยี edge ประสบความสำเร็จในการรับมือกับความท้าทายทางธุรกิจ และ 8 ใน 10 องค์กรคาดว่าจะต้องพึ่งพาบริการ edge ของบริษัทอื่น (third-party) เพิ่มขึ้นในช่วง 2 ปีข้างหน้า แต่องค์กรกว่า 40% ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับความสามารถของโครงสร้างพื้นฐานในปัจจุบัน ที่อาจไม่เพียงพอต่อการรองรับการทำงานของระบบ edge

Gartner เผยผู้บริหาร 45% ระบุตรงกันว่า ChatGPT กระตุ้นการลงทุน AI เพิ่มขึ้น

ปัจจุบัน องค์กรทั่วโลกต่างตระหนักถึงข้อดีของเทคโนโลยี edge โดยใช้ประโยชน์จากเครื่องมือดิจิทัล เพื่อเร่งให้เกิดการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล การรักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์ที่จับต้องได้และสินทรัพย์เสมือน (Physical and Virtual Assets) และควบคุม การดำเนินงานที่ยืดหยุ่นเต็มประสิทธิภาพ แต่ในขณะที่ ผู้บริหาร ที่มีอำนาจตัดสินใจด้านเทคโนโลยีในองค์กรกว่า 80% ชี้ว่าความคาดหวังจากการลงทุนที่ edge นั้น เป็นไปตามเป้าหมายหรือเกินกว่าเป้าหมาย หลายองค์กรยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับวิวัฒนาการทางเทคโนโลยี ที่รวดเร็วและต้นทุนระยะยาวที่อาจเกิดขึ้น

ความสามารถของโครงสร้างพื้นฐาน:

ผู้ใช้งานปัจจุบันพบว่าการจัดการระบบคอมพิวเตอร์ การเชื่อมต่อ และอุปกรณ์ IoT ที่กระจัดกระจาย เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการดึงศักยภาพของเทคโนโลยี edge ออกมาใช้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้ องค์กรที่รวม private 5G และเทคโนโลยี edge เข้าด้วยกันจึงเป็นกลุ่มที่ระบุว่าได้รับประโยชน์สูงสุดเมื่อเทียบกับองค์กรที่ใช้วิธีการแบบแยกส่วนเหมือนระบบดั้งเดิม หรือไม่มีการปรับใช้เทคโนโลยีเก็บข้อมูลที่ edge เลย

รายงานยังเผยให้เห็นด้วยว่า แม้องค์กรส่วนใหญ่เชื่อว่าโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายของบริษัทนั้นสามารถรองรับข้อกำหนดของ edge ในปัจจุบันได้ แต่เกือบ 40% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีแผนที่จะอัปเกรดเครือข่าย เพื่อพัฒนาให้ทันการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ และแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในอีกไม่นาน 2 ใน 3 ขององค์กรที่เริ่มใช้ edge แล้ว ได้ทำการปรับโฉมเครือข่ายบริเวณกว้างเป็นที่เรียบร้อย (WAN: Wide Area Network)

โดยหลายองค์กร กำลังวางแผนที่จะขอความช่วยเหลือจากพันธมิตรเพื่อแรงสนับสนุนในการปรับใช้ edge สถิติพบว่า 88% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าองค์กรที่สังกัดอยู่นั้นจะต้องพึ่งพาบริการ edge ของบริษัท third-party เพิ่มขึ้นในอีก 24 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ 91% แสดงความชื่นชอบในการใช้บริการ edge จากพาร์ทเนอร์รายเดียวเพื่อให้มั่นใจถึงความรับผิดชอบจากบริษัทเดียวเท่านั้น ขณะที่ 94% ให้ความสำคัญกับการมีตัวเลือกบริการแมนเนจเซอร์วิสที่มากกว่า (managed service) เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปรับใช้เทคโนโลยี edge ได้เร็วขึ้น

ชาฮิด อัมเหม็ด (Shahid Ahmed) รองประธานฝ่ายนวัตกรรมและการลงทุนใหม่ บริษัท เอ็นทีที จำกัด เน้นย้ำถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับสถาปัตยกรรมดิจิทัลแบบกระจายและการประมวลผลที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ว่า “การขยายตัวของความต้องการระบบประมวลผลที่รวดเร็วยิ่งขึ้น และสถาปัตยกรรมดิจิทัลแบบกระจาย กำลังผลักดันให้เกิดการใช้ private 5G และเทคโนโลยี edge อย่างรวดเร็ว การจะบรรลุความได้เปรียบของ edge นั้นต้องใช้โซลูชันแบบ end-to-end ที่ควบคุมโดยการจัดการแบบองค์รวม และเสถียรภาพที่มั่นคง ด้วยการใช้ประโยชน์จากโซลูชันเหล่านี้ องค์กรต่างๆ จะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทันทีโดยมีความหน่วงเกือบเป็นศูนย์ สามารถขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

มุมมองอุตสาหกรรม:

แรงจูงใจในการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ที่ edge นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละอุตสาหกรรม สำหรับบริษัทผู้ผลิต ตัวขับเคลื่อนหลักคือประสิทธิภาพการดำเนินงาน รองลงมาคือความปลอดภัยของข้อมูล โดยองค์กรภาคการผลิต ล้วนมุ่งมั่นที่จะเป็นหน่วยงานที่สามารถตอบความต้องการของตลาดได้ทันเวลา จึงสามารถใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนข้อมูลเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขัน การสำรวจพบว่า 4 เหตุผลหลักในการปรับใช้โซลูชัน edge ได้แก่:

  • การเพิ่มความปลอดภัย ประสบการณ์ และประสิทธิภาพของพนักงาน (79%)
  • การปรับปรุง/ทำให้กระบวนการทางธุรกิจเป็นดิจิทัล (76%)
  • ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า/การตอบสนองความคาดหวังของลูกค้า (74%)
  • การใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจ (72%)

การสำรวจยังพบว่า 100% ขององค์กรด้านการดูแลสุขภาพ การขนส่ง และภาคการผลิต ต่างได้เห็นความคาดหวังขององค์กรเกิดขึ้นตามเป้าหมายหรือเกินกว่าเป้าหมาย ทั้งในแง่ของการปรับปรุงประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน ในทำนองเดียวกัน อุตสาหกรรมในภาคพลังงานก็ได้เห็นผลลัพธ์เชิงบวกในการเพิ่มความปลอดภัย ประสบการณ์ และประสิทธิภาพของพนักงาน

แอปพลิเคชันที่ปรับแต่งสำหรับใช้ที่ edge นั้นมีจุดเด่นเรื่องความหน่วงต่ำ สามารถคาดการณ์ได้ และมีแบนด์วิธสูง ทำให้สามารถรวบรวมข้อมูลที่เกิดขึ้นแบบเรียลไทม์หรือตามเวลาจริง ตามความต้องการเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรม ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดของเทคโนโลยี edge นั้น พบว่า 9 ใน 10 (93%) ของผู้ตอบแบบสอบถาม มองว่า edge จะช่วยเพิ่มข้อได้เปรียบทางการแข่งขันภายในอุตสาหกรรม

สภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน:

จากที่หลายองค์กรได้นำเทคโนโลยี edge ไปใช้งาน การสำรวจพบว่า เหตุผลหลักในการลงทุนคือการใช้ระบบอัตโนมัติและการรวม AI เข้าสู่กระบวนการทางธุรกิจ รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ อย่างไรก็ตาม การบรรลุวัตถุประสงค์เหล่านี้ยังถือเป็นความท้าทายที่สำคัญ เนื่องจากองค์กรยังมีความต้องการด้านอื่นด้วย ได้แก่:

  • การประสานกันอย่างรัดกุมของฮาร์ดแวร์ แพลตฟอร์ม ระบบ และอุปกรณ์ต่างๆ
  • ประสิทธิภาพการดำเนินงานที่สม่ำเสมอโดยไม่ลดทอนความปลอดภัยลง
  • การเอาชนะโครงสร้างพื้นฐานเดิม และค่าใช้จ่ายทางเทคนิคหรือการลงทุนเทคโนโลยีที่องค์กรเคยลงทุนในระบบเดิม

ดังนั้น หลายองค์กรจึงยัง ต้องการความช่วยเหลือในการแนะนำวิธีปรับใช้เทคโนโลยี edge ที่ไม่ซับซ้อน และรองรับพัฒนาการในเจเนอเรชั่นถัดไป ที่จะทำให้สามารถใช้บนสภาพแวดล้อมแบบดั้งเดิม ที่ซับซ้อนและมีความแตกต่างกัน การจัดการโปรโตคอลและระบบงานเดิมอย่างระมัดระวังจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อทำให้แน่ใจว่าการผลิตจะไม่หยุดชะงักระหว่างการย้ายข้อมูล

ความท้าทายที่องค์กรต่างเผชิญนั้นมีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจเลือกเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการเทคโนโลยี edge โดย 94% ขององค์กรเลือกที่จะแสวงหาองค์กรที่เชี่ยวชาญด้าน edge และ 90% ต้องการร่วมงานกับพันธมิตรรายเดียวที่สามารถให้บริการโซลูชั่น edge ที่ครอบคลุมทั้งเครือข่าย จุดนี้พบว่าองค์กรที่ประสบความสำเร็จในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี edge สามารถผลักดันธุรกิจให้เติบโต มีความคล่องตัวมากขึ้น ยกระดับการนำแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนมาใช้กับธุรกิจ รวมถึงสามารถควบคุมคุณภาพการดำเนินงานได้ดีขึ้น

“องค์กรที่ต้องการจะเป็นองค์กรที่สามารถจัดการการดำเนินงานได้แบบเรียลไทม์ ต้องการความช่วยเหลือมากกว่าเพียงแค่การออกแบบและการเปิดใช้งานโซลูชั่น edge” คามิลล์ เมนดเลอร์ (Camille Mendler) หัวหน้านักวิเคราะห์ของ Omdia กล่าว “โมเดลบริการแมนเนจเซอร์วิส (Manage Service) เป็นตัวช่วยในการแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด โดยหลักการประยุกต์ใช้ข้อมูลที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาที่ซับซ้อน”

การเดินทางสู่ edge:

NTT ได้เปิดตัวบริการ Edge-as-a-Service ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เพื่ออำนวยความสะดวกและปลอดภัยในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลหรือ Digital Transformation ขององค์กรให้เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายทั่วโลกของ NTT รวมถึงบริการการจัดการแพลตฟอร์มการประมวลผลที่ edge (Managed Edge) ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถปรับใช้และจัดการแอปพลิเคชันที่ edge ได้อย่างรวดเร็ว และมีการตรวจติดตามได้อย่างปลอดภัยและใกล้ชิด edge มากขึ้น

ในช่วงท้ายของรายงาน NTT ได้สรุปเส้นทางสำหรับองค์กร ตั้งแต่การพิจารณาก่อนเริ่มดำเนินการตลอดเส้นทางพัฒนาระบบ edge ผู้สนใจอ่านรายงาน Edge Advantage Report ปี 2023 ฉบับเต็ม โปรดคลิกที่นี่

Scroll to Top