ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 แคสเปอร์สกี้ (Kaspersky) บริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้บล็อกมัลแวร์หรือซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์จำนวน 2,375 รายการที่มีเป้าหมายโจมตีธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางหรือ SMB ซึ่งมีจำนวนสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 257.68%
แคสเปอร์สกี้ประกาศรายงานสถิติภัยคุกคาม SMB ล่าสุดสำหรับประเทศไทยช่วงเดือนมกราคม – มิถุนายน 2566 รายงานฉบับใหม่แสดงให้เห็นว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 พนักงานของ SMB จำนวน 251 รายประสบกับปัญหามัลแวร์หรือซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ซึ่งปลอมตัวเป็นแอปพลิเคชันทางธุรกิจ โดยเป็นไฟล์ที่ไม่ซ้ำกัน 270 ไฟล์ที่แพร่กระจายด้วยวิธีนี้ และจำนวนการตรวจพบไฟล์ทั้งหมดคือ 2,375 ไฟล์
–ผลสำรวจจาก พาโล อัลโต เน็ตเวิร์กส์ เผยองค์กรในไทยมั่นใจในมาตรการระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์เพิ่มขึ้น
“มัลแวร์” เป็นคำทั่วไปที่หมายถึง “ซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย” ได้รับการออกแบบโดยอาชญากรไซเบอร์และใช้งานโดยอาชญากรไซเบอร์มืออาชีพเพื่อทำอันตรายต่ออุปกรณ์หรือเครือข่ายของผู้ใช้ ครอบคลุมภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่หลากหลาย เช่น โทรจันและไวรัส แรนซัมแวร์ก็เป็นมัลแวร์รูปแบบหนึ่ง การโจมตีด้วยมัลแวร์เป็นอันตรายต่อธุรกิจขนาดเล็ก เนื่องจากมัลแวร์สามารถทำลายอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องจ่ายซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ในราคาแพง มัลแวร์ยังช่วยให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงและขโมยข้อมูลได้ ทำให้ทั้งลูกค้าและพนักงานตกอยู่ในความเสี่ยง
เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตัวเลขปี 2566 ของประเทศไทยเพิ่มขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 แคสเปอร์สกี้พบพนักงานของ SMB ที่ประสบภัยมัลแวร์เพียง 68 คน และพบไฟล์ที่เป็นอันตราย 81 ไฟล์
จำนวนการตรวจจับทั้งหมดในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 สูงกว่าช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ถึง 257.68% ซึ่งแคสเปอร์บันทึกไฟล์ได้เพียง 664 ไฟล์เท่านั้น
ข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ประเทศไทย พบว่ามีธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางหรือ SMB จำนวน 3.178 ล้านราย คิดเป็น 99.57% ของจำนวนวิสาหกิจทั้งหมดในประเทศ มีการจ้างงานมากกว่า 12.6 ล้านคน คิดเป็น 71.86% ของการจ้างงานทั้งหมด ไม่ต้องสงสัยเลยว่า SMB เป็นกระดูกสันหลังสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ
เซียง เทียง โยว ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า “การรับรู้ของคนส่วนมากก็คือองค์กรขนาดใหญ่นั้นดึงดูดความสนใจของอาชญากรไซเบอร์ได้มากกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาชญากรไซเบอร์สามารถกำหนดเป้าหมายโจมตีใครก็ได้ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ค่อยมีการปกป้องทางไซเบอร์ ธุรกิจ SMB มักจะมีทรัพยากรที่จำกัดและอาจไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ซับซ้อนในระดับเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้ธุรกิจเหล่านี้ตกเป็นเป้าหมายของอาชญากรไซเบอร์ได้ง่าย”
อาชญากรไซเบอร์พยายามส่งมัลแวร์และซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ไปยังอุปกรณ์ของพนักงานโดยใช้วิธีการต่างๆ ที่ทำได้ เช่น การแสวงหาประโยชน์จากช่องโหว่ อีเมลฟิชชิง และข้อความปลอม แม้แต่สิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ อย่างเช่น ลิงก์ YouTube ก็อาจถูกใช้เพื่อกำหนดเป้าหมายโจมตี SMB เนื่องจากพนักงานมักใช้อุปกรณ์ชิ้นเดียวกันในการทำงานและใช้ในเรื่องส่วนตัว
“สมิชชิ่ง” (smishing) เป็นหนึ่งในวิธีที่มักใช้ในการแฮ็กเข้าสู่สมาร์ตโฟนของพนักงาน เป็นการผสมผสานระหว่าง SMS และฟิชชิง เหยื่อได้รับลิงก์ทาง SMS, WhatsApp, Facebook Messenger, WeChat หรือแอปส่งข้อความอื่น ๆ หากผู้ใช้คลิกลิงก์ โค้ดที่เป็นอันตรายจะถูกอัปโหลดไปยังระบบ
มิจฉาชีพมักเข้าถึงพนักงานทางอีเมล โดยใช้เทคนิควิศวกรรมสังคมเพื่อพยายามหลอกพนักงานให้ติดตามลิงก์ฟิชชิง เปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับของบริษัทหรือโอนเงิน
“ผลกระทบของการโจมตีทางไซเบอร์ต่อธุรกิจ SMB สามารถสร้างความเสียหาย ส่งผลให้เกิดการสูญเสียทางการเงิน ความเสียหายต่อชื่อเสียง และในบางกรณีอาจถึงขั้นปิดธุรกิจ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องจัดลำดับความสำคัญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับธุรกิจ SMB เพื่อปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัล รักษาความไว้วางใจของลูกค้า รับประกันการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและความสำเร็จของธุรกิจที่สร้างการเติบโตสูงให้ประเทศ” โยว กล่าวเสริม