InvestHK ชวนผู้ประกอบการ SME – Startup ไทย ปักหมุดธุรกิจในฮ่องกง ชี้เป็นศูนย์กลางขยายธุรกิจไปทั่วโลก

InvestHK ชวนผู้ประกอบการ SME - Startup ไทย ปักหมุดธุรกิจในฮ่องกง ชี้เป็นศูนย์กลางขยายธุรกิจไปทั่วโลก

สำนักงานส่งเสริมการลงทุนฮ่องกง (InvestHK) เผยฮ่องกงยังเป็นตลาดสำคัญของประเทศไทยในการขยายการส่งออก โดยเฉพาะ “อาหารและเครื่องดื่ม” และ “แฟชั่น” พร้อมส่งเสริมโอกาสทางการตลาด ทั้ง Startup และ SME และบริษัทข้ามชาติของไทย ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม, แฟชั่นและเครื่องประดับ ไปจนถึงการค้าปลีก และเทคโนโลยีการเงิน ตลอดจนเชื่อมโยงตลาดกระจายสินค้าไทยไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ และขยายไปทั่วโลก

แอลฟ่า เลา อธิบดีสำนักงานส่งเสริมการลงทุนฮ่องกง (InvestHK) กล่าวว่า “ถึงแม้ฮ่องกงจะเป็นส่วนหนึ่งของจีน แต่ก็มีความแตกต่าง เรามีระบบกฎหมายที่แตกต่างจากจีน เป็นเมือง Free Trade ทำให้ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางที่ทุกคนรู้จัก สินค้าหลายอย่างแทบจะไม่เสียภาษีนำเข้า (ยกเว้น เหล้า และบุหรี่)”

การทำธุรกิจในฮ่องกง วันนี้แทบจะไม่มีภาษีนิติบุคคลเลย สำหรับบริษัทที่ทำกำไรได้ 2 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง จะเสียภาษีแค่ 8.25% เท่านั้น

ด้านการสื่อสารและภาษา เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่นักลงทุนไม่ต้องกังวล เพราะฮ่องกงมีความเป็นนานาชาติ ใช้ภาษาอังกฤติกันได้ดีเท่ากับภาษาจีน ช่วยให้คนเข้าไปลงทุนได้ง่าย นอกจากนี้ฮ่องกงยังเป็นประตูไปสู่ตลาดประเทศจีนได้ด้วย

แอลฟ่า เลา ยังกล่าวต่อว่า คนฮ่องกงค่อนข้างคุ้นเคยกับประเทศไทยในด้านการท่องเที่ยว และในด้านการค้าขาย ปีที่ผ่านมา มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับฮ่องกงอยู่ที่ 19.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การค้าจากไทยข้ามไปจีนโดยผ่านฮ่องกงมีมูลค่าประมาณ 12.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ฮ่องกงฟื้นตัวเต็มที่หลังผ่านโควิด

ภาพรวมเศรษฐกิจในฮ่องกงปีที่ผ่านมาถือว่ากลับมาฟื้นตัวแล้ว โดย GPD ฮ่องกงโตอยู่ที่ 3.2% ขณะที่ปีนี้คาดว่าจะโตได้ 3.5%

ด้านคนที่เดินทางมายังฮ่องกงทั้งนักท่องเที่ยวและธุรกิจมีมากถึง 34 ล้านคน ถึงแม้สายการบินจะยังไม่กลับมาให้บริการ 100%

สำหรับปีนี้ฮ่องกงจะกลับมาจัดอีเวนต์เต็มตัวตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นงาน

  • ComplexCon Hong Kong เป็นเทศกาลและนิทรรศการที่รวบรวมวัฒนธรรมป๊อป ดนตรี ศิลปะ อาหาร กีฬา นวัตกรรม และการศึกษา เข้ามาอยู่ในที่เดียวกัน
  • One Earth Summit งานที่เน้นด้านความยั่งยืน
  • งาน Milken การประชุมสัมมนานักลงทุนระดับโลกที่ฮ่องกง
  • Hong Kong Sevens การแข่งขันรักบี้ที่จัดขึ้นทุกปีในฮ่องกง
  • Hong Kong Fashion Week งานแสดงด้านแฟชั่น
  • Hong Kong FinTech Week การรวมตัวของผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการเงิน
  • StartmeupHK Festival 2024 งานสัมมนาที่สตาร์ทอัพจะมารวมตัวกัน

ชวนผู้ประกอบการ SME และ Startup ปักหมุดฮ่องกง

แอลฟ่า เลา กล่าวว่า อาเซียนเป็นภูมิภาพที่มีศักยภาพน่าสนใจ แต่เราเลือกเดินทางมาที่ไทยเป็นประเทศแรก ซึ่งที่ผ่านมาไทยทำได้ดีในด้านธุรกิจท่องเที่ยว นำเข้าส่งออก ค้าปลีก และด้านการเงิน ปีที่ผ่านมา Big C เข้าไปขยายธุรกิจในฮ่องกง 29 สาขา โดยมีเป้าจะขยายถึง 99 สาขา และจะใช้ฮ่องกงเป็นสะพานเปิดตลาดไปจีน นอกจากนี้ยังมีเครือ CP และกลุ่มที่ทำเกี่ยวกับสปาเข้ามาทำธุรกิจในฮ่องกง

สำหรับในปีนี้ คาดว่าจะมีธุรกิจแฟชั่นเสื้อผ้าและรองเท้า และครีเอทีฟ ที่เป็นจุดแข็งของไทยเข้ามาอีกด้วย

ด้านธุรกิจที่ InvestHK สนใจและอยากชวนให้เข้ามาลงทุนคือกลุ่ม สินค้าอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรมภาพยนตร์ และอัญมณี ซึ่งปีที่ผ่านมามีการนำเข้าอัญมณีจากไทยสูงถึง 280 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนธุรกิจด้านเทคโนโลยีที่สนใจ เช่น เทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาด (Green Energy), ปัญญาประดิษฐ์ (AI), เทคโนโลยีการเงิน (Fintech), วิทยาศาสตร์ชีวภาพ รวมไปถึง เทคโนโลยีขั้นสูงด้านเซมิคอนดักเตอร์

นอกจากนี้ยังมี นวัตกรรมด้านอาหาร (FoodTech), เทคโนโลยีด้านการอยู่อาศัย (PropTech)

“สตาร์ทอัพที่เพิ่งเริ่มต้นเราก็เปิดรับ เรามีระบบนิเวศที่ช่วยพัฒนาสตาร์ทอัพให้เติบโต ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มนักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนกับกลุ่มที่เริ่มต้น ที่มาผ่านมีกลุ่มสตาร์ทอัพ Series C ที่พร้อม IPO เข้ามาทำธุรกิจในฮ่องกงเพื่อเป็นช่องทางขยายตลาด และยังเป็นโอกาสจะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงด้วย”

ด้านความช่วยเหลือจากสำนักงานส่งเสริมการลงทุนฮ่องกง แอลฟ่า เลา กล่าวว่า ทางสำนักงานจะช่วยนักลงทุนไทยตั้งแต่การให้คำแนะนำการเริ่มต้นธุรกิจในฮ่องกง การเชื่อมต่อกับพาร์ทเนอร์ และเรื่องกฎหมายฮ่องกง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

“ปี 2023 เราช่วยบริษัทจากทั่วโลกจัดตั้งธุรกิจในฮ่องกงรวม 412 บริษัท เติบโต 28% จากปีก่อนหน้า ซึ่งในปีนี้เราคาดว่าจะมีบริษัทเข้ามามากขึ้น ซึ่งการจัดตั้งธุรกิจในฮ่องกงทำได้ง่ายภายใน 2 วัน”

นอกจากนี้ยังช่วยหาแหล่งเงินทุนที่มาจากทั่วโลกรวมถึงจีนเข้ามาลงทุนอีกด้วย เข้ามาทำ Dual Listing หรือมาจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซึ่งฮ่องกงจะเป็นประตูไปสู่ประเทศจีน เป็นโอกาสของบริษัทไทยที่จะเข้าไปทำธุรกิจในจีน โดยใช้ฮ่องกงเป็นจุดเริ่มต้น รวมถึงการขยายเข้าสู่อาเซียน และประเทศต่างๆ ได้อีกด้วย เพราะทุกคนรู้จักฮ่องกงในฐานะที่เป็นศูนย์กลางของการขยายธุรกิจ

Xiaomi เผยปี 66 กำไรสุทธิ 19.3 พันล้านหยวน พุ่ง 126.3%

Scroll to Top