Honda e:N1 ยนตรกรรมพรีเมียมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% เปิดตัวแล้วในไทยใน Motor Show 2024

Honda e:N1 ยนตรกรรมพรีเมียมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100%

Honda e:N1 ยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของฮอนด้าในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่น แบรนด์หลักที่ผลิตในประเทศไทยเป็นแบรนด์แรก ภายใต้มาตรฐานการผลิตด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของฮอนด้า พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ของขุมพลังขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบที่ลงตัวกับการใช้งานในยุคปัจจุบัน

Honda e:N1 พัฒนาภายใต้แนวคิดการออกแบบที่คำนึงถึงผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง (Human-centered Development) โดยมุ่งเน้นการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานอันเป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้า มาพร้อม แพลตฟอร์ม e:N Architecture F แพลตฟอร์มที่รองรับการขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าที่มีประสิทธิภาพสูงจากฮอนด้า ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ ขุมพลังไฟฟ้าตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจจากการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 3-in-1 (Motor, Power Drive Unit และ Gearbox) ให้กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า (PS) มอบสมรรถนะที่แรงเร้าใจให้แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร ที่ผสานการทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 68.8 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ส่งผลให้สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 500 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ต่อการชาร์จ ครั้ง

โดดเด่นด้วยดีไซน์อันสวยงาม เป็นเอกลักษณ์ บ่งบอกความเป็นยนตรกรรมไฟฟ้าด้วยโลโก้H Mark ใหม่ สไตล์พรีเมียมมินิมอล ที่มาพร้อมกับคำว่า Honda ภายใต้ฟอนต์ใหม่ที่ด้านหลังของตัวรถ ผสมผสานกับการตกแต่งภายในระดับพรีเมียม ห้องโดยสารกว้างสะดวกสบายพร้อมไฟสร้างบรรยากาศภายในสีฟ้า ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายในแบบยนตรกรรมเอสยูวี ที่สามารถเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้าย ด้วยการพับเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังแบบ 60:40พร้อมเชื่อมต่อไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายเข้าด้วยกันผ่านฟังก์ชันและเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่ใช้งานง่ายในทุกสัมผัส เช่น ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 15.1 นิ้วแบบ Advanced Touch ที่รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto ช่องเชื่อมต่อ USB 4 ตำแหน่งอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) อีกทั้งเทคโนโลยีการขับขี่และความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Information – BSI) ระบบเตือนเมื่อมีรถผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor – CTM) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) เซนเซอร์กะระยะ 8 จุด (8-position Parking Sensors) ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold มาพร้อมสีภายนอก สีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก)

ดีไซน์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ในแบบพรีเมียมมินิมอล

การออกแบบภายนอก

Honda e:N1 ได้รับการออกแบบให้มีดีไซน์ที่พรีเมียม ล้ำสมัย มีเอกลักษณ์เฉพาะที่สะท้อนความเป็นยนตรกรรม
เอสยูวี ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่เรียบหรูที่เชื่อมต่อกับไฟหน้าพร้อมจุดชาร์จแบตเตอรี่ และเส้นสาย LED แสดงสถานะขณะกำลังชาร์จไฟในรูปแบบเฉพาะตัว ตอบรับกับการใช้เส้นสายในแนวนอนที่ยาวต่อเนื่องจากไฟหน้าไปจนถึงไฟท้าย มอบความรู้สึกสปอร์ตโฉบเฉี่ยวล้ำสมัย

  • กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ สะท้อนความเป็นยนตรกรรมไฟฟ้า
  • ช่องชาร์จแบตเตอรี่ด้านหน้าพร้อมไฟแสดงสถานการณ์การชาร์จ ทำให้รู้สถานะการชาร์จได้ง่ายและรวดเร็ว
  • โลโก้ H Mark ใหม่ สไตล์พรีเมียมมินิมอล ที่จะเป็นสัญลักษณ์ของยนตรกรรมไฟฟ้าของฮอนด้า ที่มาพร้อมกับคำว่า Honda ภายใต้ฟอนต์ใหม่ที่ด้านหลังของตัวรถ
  • ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
  • ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
  • ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential 
  • ไฟท้ายแบบ LED Light Strip สี Smoke แบบเต็มความยาวที่เชื่อมต่อกับไฟท้ายทั้งสองข้าง
  • ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบอัตโนมัติ และระบบปัดน้ำฝนด้านหลังแบบหน่วงเวลา
  • สปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต
  • เสาอากาศครีบฉลาม
  • ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED
  • กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมพับเก็บอัตโนมัติ
  • กระจกมองข้างด้านซ้ายปรับลดอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง
  • ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ขนาด 18 นิ้ว

การออกแบบภายใน

ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบเพื่อเน้นความสะดวกสบายเหนือระดับด้วยการใช้วัสดุคุณภาพสูง
ออกแบบด้วยแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ทำให้บรรยากาศภายในห้องโดยสารผ่อนคลายจากการจัดวางแสงที่นุ่มนวลพร้อมพื้นที่กว้างขวางสะดวกสบาย ยกระดับประสบการณ์ภายในห้องโดยสารด้วยไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารสีฟ้า (Blue Ambient Light) คอนโซลกลางได้รับการออกแบบใหม่ โดดเด่นด้วยหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.1 นิ้ว และมาตรวัดแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 10.25 นิ้ว การจัดวางปุ่มเกียร์ที่เรียบง่ายเข้ากับสวิตช์เบรกมือไฟฟ้า ฟังก์ชันในการขับขี่ต่างๆ จัดวางอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานง่าย ไม่ต้องละสายตาจากการขับขี่ สะดวกสบายทุกการเดินทางในทุกที่นั่ง ด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา ที่มาพร้อมระบบ Air Diffusion Systemมอบทิศทางลมที่หมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ กระจายลมได้อย่างเหมาะสม ทั่วถึงทั้งห้องโดยสาร พร้อมด้วยช่องปรับอากาศตอนหลัง 

ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะหนังดีไซน์สปอร์ตสีดำตกแต่งด้วยขอบสีขาวและด้ายสีฟ้า พร้อมปรับผังที่นั่งใหม่ให้รองรับสรีระและการบุนุ่มเพื่อรองรับส่วนที่สัมผัสบ่อย มอบความสบายตลอดการใช้งาน เบาะผู้โดยสารด้านหลังสามารถแยกพับแบบ 60:40 ที่สามารถปรับเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้อย่างสูงสุด โดยสามารถปรับเปลี่ยนได้ รูปแบบ พร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ ได้แก่ 

  • Utility Mode: เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง 
  • Long Modeเบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
Honda e:N1 ยนตรกรรมพรีเมียมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100%

เชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน 

  • ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 15.1 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay แบบ
    ไร้สาย และ Android Auto และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ใช้งานได้ง่ายด้วยการจัดวางเมนูแบ่งเป็นสัดส่วน 3 โซนบนหน้าจอ ที่สามารถเลือกใช้ได้สะดวก รวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียสมาธิในการขับขี่  ประกอบไปด้วย
  • โซนบนเป็นโซน ‘Connect’ ที่รวม ระบบการนำทาง นาฬิกา และจอแสดงผลของกล้องมองหลัง
  • โซนกลางเป็นโซน ‘Driver Assist’ หรือระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ที่จะแสดงสถานะการทำงานของรถยนต์ การตั้งค่าระบบเสียงและการสื่อสาร พร้อมด้วยเมนูการแสดงการทำงานของระบบ EV
  • โซนล่างจะเป็นโซนควบคุมระบบปรับอากาศ ที่แสดงข้อมูลการปรับอากาศภายในห้องโดยสาร
  • ช่องเชื่อมต่อ USB จำนวน 4 ช่อง ด้านหน้า ช่อง และด้านหลัง ช่อง (USB-A 1 ช่อง ในช่องหน้า และUSB-C ในช่องหน้า 1 ช่อง และช่องหลัง 2 ช่อง)
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา
  • แผ่นกรองอากาศกรองฝุ่น PM 2.5 
  • ระบบสตาร์ทรถยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Climate Pre-conditioning)
  • พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง, ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์และปุ่มควบคุมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING
  • กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ
  • อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
  • ลำโพง ตำแหน่ง 
  • ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารสีฟ้า
  • เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง  
  • ช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง
  • แผ่นกั้นห้องสัมภาระท้าย 

ขุมพลังการขับเคลื่อนไฟฟ้า 100 % ตอบสนองเร็วทันใจ และมอบการขับขี่ที่นุ่มนวลตามสไตล์ฮอนด้า 

Honda e:N1 ได้รับการพัฒนาบนแพลตฟอร์มขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า e:N Architecture Fของฮอนด้าที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานและมั่นใจ โดยผสมผสานจิตวิญญาณด้านสมรรถนะการขับขี่ของฮอนด้า กับสมรรถนะของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเข้าด้วยกันผ่านการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 3-in-1 (Motor, Power Drive Unit และ Gearbox) ให้กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์หรือ 204 แรงม้า (PS) มอบสมรรถนะที่แรงเร้าใจให้แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร ที่ทำงานเป็นทั้งระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ผสานการทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 68.8 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh)ทำให้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 500 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ต่อการชาร์จ ครั้ง ทำงานกับระบบเกียร์ไฟฟ้าแบบสวิตช์ที่ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เพียงการกดปุ่มที่แผงเกียร์ที่บริเวณคอนโซลกลาง

จุดชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้าอยู่บริเวณกระจังหน้าของตัวรถใต้โลโก้ H Mark จะมีปุ่มสีดำด้านหน้าเพื่อกดเปิดจุดชาร์จ ซึ่งสามารถรองรับหัวชาร์จ แบบ DC CCS 2 และแบบ AC Type 2 มาพร้อมไฟสีต่างๆ แสดงสถานะการชาร์จ มอบประสบการณ์ใหม่ที่ง่ายต่อการใช้งาน โดยขณะกำลังชาร์จไฟ แถบไฟแนวนอนจะกะพริบเบาๆ จากซ้ายไปขวาอย่างมีชีวิตชีวา และเมื่อชาร์จเสร็จ แถบชาร์จจะสว่างอยู่ตลอดเพื่อให้รู้ว่า แบตเตอรี่ชาร์จเต็มแล้ว นอกจากนี้ หากเกิดข้อผิดพลาดในการชาร์จ จะมีไฟสีแดงกะพริบ เมื่อชาร์จเสร็จและถอดสายไฟออก รถจะส่งสัญญาณไฟกะพริบเพื่อแสดงสถานะว่าได้ถอดสายชาร์จออกแล้ว

โดย Honda e:N1 ใหม่ ยังมาพร้อมกับสวิตช์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้อย่างง่ายดาย ตามความต้องการ ซึ่งมีให้เลือก 3 โหมด ได้แก่

  • โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) ที่ช่วยปรับการทำงานของมอเตอร์ให้พร้อมตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้น มอบประสบการณ์ที่ตื่นเต้นเร้าใจมากขึ้น 
  • โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Modeโดยระบบจะขับเคลื่อนโดยมอบอัตราเร่งที่นุ่มนวลและทรงพลัง
    ให้ประสิทธิภาพการขับขี่ที่เหมาะสมและมอบความสะดวกสบายในห้องโดยสาร
  • โหมดการขับขี่แบบประหยัด (ECON Mode) พร้อมปรับการทำงานของมอเตอร์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดพลังงานมากขึ้น ตามรูปแบบการขับขี่

นอกจากนี้ Honda e:N1 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ระดับพรีเมียมที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่และทำให้การขับขี่ราบรื่นในทุกเส้นทาง ได้แก่

  • มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.25 นิ้ว
  • ระบบเกียร์ไฟฟ้าแบบสวิตช์
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) พร้อม ระบบ Auto Brake Hold
  • ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors)
  • ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA)
Honda e:N1 ยนตรกรรมพรีเมียมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100%

มั่นใจทุกเส้นทาง ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน

Honda e:N1 มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSINGที่ทำงานร่วมกับกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลักๆ ดังนี้

  • ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)  

ระบบช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะ
ไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนอง หรือในกรณีที่อยู่ในระยะเสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ

  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)

กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วย
ผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางปกติ และลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่

  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)

ระบบจะใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัย เพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทางปกติ ช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร

  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) 

ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือรถยนต์ด้านหน้า

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)

ระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง

  • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

ระบบที่ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง เพื่อให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ตามรถคันหน้า

พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ

  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Information – BSI)
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor – CTM)
  • เซนเซอร์กะระยะ 8 จุด (หน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด)
  • ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)สามารถล็อกรถอัตโนมัติ เมื่อเดินออกห่างจากตัวรถในระยะ 1.5 เมตรขึ้นไป
  • ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้าและด้านหลัง
  • ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)
  • ระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ (AHA)
  • กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera)
  • จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)
  • ถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS) ถุงลมด้านข้าง (Side Airbags) และ ม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags)
  • ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ช่วยป้องกันล้อล็อกเมื่อเบรกกะทันหัน และระบบกระจายแรงเบรก (EBD) 
    บนพื้นถนนที่ลื่น
  • ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA)
  • เสียงเตือนคนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า (AVAS)
  • ระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง (TPMS)
  • ชุดซ่อมยางชั่วคราว (TPRK)

ยกระดับชีวิตให้สมาร์ตขึ้นไปอีกขั้นกับ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนประกอบด้วย 9 ฟังก์ชันหลัก ได้แก่ 

  1. My Service ตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ รวมทั้งการประเมินรายการอะไหล่และค่าใช้จ่ายเบื้องต้น โดยจะมีการแจ้งเตือนกำหนดการเข้ารับบริการครั้งต่อไป
  2. Car Log ข้อมูลการขับขี่จะประกอบด้วยพฤติกรรมการขับขี่ ที่สามารถแสดงผลเป็นรายวัน รายเดือน หรือรายปี และบันทึกการเดินทางที่สามารถเลือกทริปโปรดและแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น ไลน์
    อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์เดิม) เป็นต้น
  3. WiFi สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายจากรถยนต์ โดยจะใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง 5 อุปกรณ์ มีระยะการส่งสัญญาณห่างจากตัวรถยนต์อยู่ที่ 40 เมตร โดยต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง

*ลูกค้าสามารถสมัครแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการเครือข่าย (เอไอเอส) โดยลูกค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย

  • Airbag Deployment เมื่อเกิดอุบัติเหตุและถุงลมทำงาน กล่องอุปกรณ์ TCU จะส่งสัญญาณเตือนให้ทราบทันทีผ่านทางแอปพลิเคชัน พร้อมทั้งส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้าเพื่อทำการติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ หรือเบอร์โทรฉุกเฉินที่ลูกค้าผู้ใช้งานระบุไว้ในระบบ เพื่อทำการประสานงานให้ความช่วยเหลือขั้นต้น 
  • Car Status แจ้งเตือนสถานะรถยนต์ เมื่อเกิดความผิดปกติจากระบบของรถยนต์ และแจ้งเตือนสัญญาณกันขโมย เมื่อเกิดความผิดปกติกับรถยนต์จากภายนอก เช่น การเปิดประตู กระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้ายของรถยนต์อย่างผิดปกติ
  • Remote Vehicle Control สามารถสั่งการล็อกและปลดล็อกประตูทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถสั่งสตาร์ทรถยนต์ พร้อมทั้งตั้งค่าระดับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศในรถยนต์ และการสั่งดับรถยนต์ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสั่งเปิดสัญญาณไฟ ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย โดยผู้ใช้งานจะต้องกำหนดรหัสส่วนตัวเป็นตัวเลข 4 หลัก (PIN) และจะต้องป้อนรหัสส่วนตัวทุกครั้งก่อนการใช้งาน 
  • Geo Fence & Speed Alert สามารถกำหนดขอบเขตการขับขี่รถยนต์ทั้งเข้าและออกตามพื้นที่ที่กำหนดไว้ และยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนความเร็วตามกำหนดได้อีกด้วย
  • Find My Car สามารถตรวจสอบพิกัดรถยนต์ โดยระบบจะส่งพิกัดรถยนต์บนแผนที่ล่าสุด แสดงผลบน
    แอปพลิเคชัน ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องใส่รหัสส่วนตัว 4 หลัก (PIN) ก่อนการใช้งาน
  • Charging Status สามารถติดตามสถานะ หรือปรับตั้งค่าการชาร์จแบตเตอรี่ของHonda e:N1 ได้ โดยสามารถปรับตั้งค่าให้เข้ากับสภาพการชาร์จต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการชาร์จที่ ‘บ้าน’ หรือการชาร์จไฟเมื่อตนเอง ‘ไม่อยู่’ ใกล้รถ โดยมี 3 ระดับให้เลือก ตั้งแต่ ‘LOW’ ซึ่งจํากัดกำลังไฟฟ้าไว้ที่ 6 แอมป์ ไปจนถึง ‘HIGH’ ที่รองรับกระแสไฟสูงสุดจากเครื่องชาร์จได้เท่ากับกำลังสูงสุดที่แบตเตอรี่จะรับได้

รุ่นและสี

Honda e:N1 มีให้เลือก 1 รุ่นย่อย มาพร้อม สีภายนอก 1 สี ได้แก่ สีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก) สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.honda.co.th/en1

เปิดตัว “NETA V-II” รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ราคาคาดการณ์เริ่มต้น 549,000 บาท

Scroll to Top