เทรนด์สุขภาพและความสวยความงาม ยังเติบโตต่อเนื่อง คลินิกใหม่ๆ หันมาแข่งขันทำตลาดผ่านโซเชียลมีเดียกันอย่างดุเดือด ขณะที่แนวโน้มลูกค้ามีอายุน้อยลงเด็กลง ขณะที่เทรนด์การรักสุขภาพกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต คนยุคนี้ใส่รองเท้ากีฬาเป็นสินค้าแฟชั่นมากขึ้น ด้าน KTC หันมาโฟกัสศึกษาพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ ออกโปรโมชั่นและสร้างคอมมูนิตี้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าบัตรเครดิต
เทรนด์ความสวยงามโตแรง ผู้ประกอบการแข่งขันสูง
หากมาดูส่วนแบ่งตลาดจะพบว่า ถึงแม้หมวดสุขภาพจะกินสัดส่วนไป 55% เพราะคนต้องใช้ตั้งแต่เกิด แต่ละคนมีความจำเป็นต้องเข้าไปรักษาตัวตามคลินิกหรือโรงพยาบาล ต่างกับความสวยความงามคนจะเริ่มเข้าวงการตั้งแต่อายุประมาณ 25 ปี ไปจนถึงช่วงอายุประมาณ 60 ปี ซึ่งจากข้อมูล KTC พบว่าปี 2023 ที่ผ่านมาการใช้จ่ายด้านความงามเติบโตขึ้นถึง 23% คาดว่าส่วนหนึ่งเกิดจากการยอมรับของสังคมกับด้านการทำศัลยกรรม
สิรีรัตน์ คอวนิช ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต (หมวดสุขภาพและความงาม) “KTC” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เทรนด์การรักสุขภาพกลุ่มลูกค้ามีแนวโน้มเด็กลง คนที่อายุน้อยเข้ามาใช้จ่ายดูแลด้านความงามมากขึ้น ซึ่งในสมัยก่อนจะเห็นว่าเป็นกลุ่มคนที่เห็นริ้วรอยก่อนจึงจะเข้ามาหาหมอ แต่ในยุคนี้พบว่า ความสวยความงามเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิต ขณะที่เทคโนโลยียุคใหม่ตอบโจทย์การทำศัลยกรรมมากขึ้น สร้างความมั่นใจให้กับคนที่กำลังมองหาการรักษาที่ตอบโจทย์ตนเอง
อีกส่วนคือ ลูกค้ายุคนี้หาข้อมูลผ่านโซเชียลมากขึ้น เช่น ถ้าจะทำตา จะไปคลินิกไหน มีคอมเมนต์จากผู้ใช้อย่างไร มีคอมเมนต์ด้านลบหรือไม่
เช่นเดียวกัน คลินิกต่างๆ หันมารุกทำคอนเทนต์เข้ามาตอบโจทย์ลูกค้า ให้ความรู้ด้านความงามมากขึ้น แบรนด์ไหนที่ทำคอนเทนต์ได้ดี ตรงใจลูกค้า จะเห็นการเติบโตที่แตกต่างจากร้านที่ไม่ทำอย่างชัดเจน
”เราพบว่าหากแบรนด์หยุดสร้างคอนเทนต์ หยุดสร้างการรับรู้และความน่าเชื่อถือ ก็จะเกิดเจ้าใหม่เข้ามาแซงไปได้ทันที“
รุกสำรวจตลาดสร้างความเข้าใจลูกค้า
สิรีรัตน์ เล่าว่า ในสมัยก่อนเราคุยกับทีมการตลาดว่าอยากทำแคมเปญอะไร จากการดูยอดใช้จ่ายผ่านบัตร แต่วันนี้เรานั่งดูลูกค้าแต่ละรายว่ามียอดการใช้จ่ายอย่างไร เป็นลูกค้ากลุ่มไหนเข้ามาใช้จ่าย และเข้าไปทำความรู้จักเพื่อศึกษาพฤติกรรมลูกค้า และดูว่าจะทำอะไรร่วมกันได้บ้าง ที่ผ่านมาเราทำคอนเทนต์ร่วมกับพาร์ทเนอร์ ซึ่งเราเชื่อว่าในตลาดไม่มีใครทำแบบเรา
ปัจจุบัน KTC มีพาร์ทเนอร์ด้านสุขภาพและความสวยความงามกว่า 4,000 รายทั่วประเทศ เราเชื่อมั่นว่าเรามีพาร์ทเนอร์มากที่สุด มีทีมงานสำรวจตลาดมากที่สุดว่าวันนี้ลูกค้าสนใจอะไร ชอบผ่อน ชอบส่วนลด ชอบของแถมวันเกิดหรือไม่ ซึ่งเราทำทุกองศา
“เราเชื่อว่าการทำตลาดรูปแบบนี้จะช่วยให้เกิด Brand Love กับ KTC โดยวัดจากผลสำรวจล่าสุด พบว่าในกลุ่มบิวตี้ มีสิทธิพิเศษจาก KTC มากที่สุดทั่ทุกภาคในไทย และหากเทียบการเติบโตก่อนช่วงโควิด-19 เราเติบโตมากกว่า 50% จากการที่เราร่วมมือกับพาร์ทเนอร์”
สปอร์ตแฟชั่นมาแรง
สำหรับธุรกิจด้านสุขภาพ ยังมีอีก 1 ขาที่น่าสนใจคือ การออกกำลังกาย หลังผ่านช่วงโควิด-19 ก็เริ่มฟื้นตัวขึ้น มีการจัดอีเวนต์ด้านกีฬากันเป็นปกติ ขณะที่ฟิตเนสเติบโตขึ้น 40-50% ในช่วงปีที่ผ่านมา
สิรีรัตน์ กล่าวว่า รองเท้าวิ่งยังเป็นอุปกรณ์กีฬาที่มียอดขายดีมากเมื่อเทียบกับอุปกรณ์กีฬาชนิดอื่น แต่ที่เห็นได้ชัดคือ สปอร์ตแฟชั่น (Sport Fashion) มีอัตราการเติบโตมากขึ้น จะเห็นว่าแบรนด์ใหญ่ๆ ปรับตัวกันมาก รองเท้ากีฬาที่เสริมประสิทธิภาพการวิ่งก็ยังขายได้ แต่ตัวที่เป็นแฟชั่นมันเติบโตกว่ามาก คนในยุคนี้ใส่รองเท้ากีฬาไปทุกที่ และวันนี้คนไม่ได้มีรองเท้ากีฬาเพียงคู่เดียว ด้านฟิตเนส ก็เป็นตัวเร่งการเติบโตของตลาดเสื้อผ้าออกกำลังกาย
“ซึ่งเรายังพบว่าแบรนด์กีฬาหันมาทำตลาดกันเองมากขึ้น ชูจุดเด่นของสินค้าที่ใส่ได้มากกว่าการใส่ออกกำลังกาย”
สร้างคอมมูนิตี้กลุ่มลูกค้ารักสุขภาพ
สิรีรัตน์ กล่าวว่า KTC ทำคอมมูนิตี้จริงจังผ่าน Facebook ในซื่อ KTC SPORTS ตัวจริงเรื่องกีฬา ปัจจุบันมีสมาชิกในกลุ่มประมาณ 9,400 คน โดยมีพาร์ทเนอร์เข้ามาช่วยทำคอนเทนต์ให้ความรู้การออกกำลังกาย กระตุ้นให้ลูกค้าออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องและถูกวิธี เพื่อให้ลูกค้าสุขภาพดี
นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมให้ลูกค้าที่ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องได้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ เป็น E-Coupon และสำหรับคนที่ร่วมสนุกอย่างต่อเนื่องตั้ง 4 เดือน 8 เดือน จนถึง 12 เดือน จะได้รับเสื้อ Finisher กลับไป โดยลูกค้าที่สมัครเข้ามาร่วมสนุกในกลุ่มจะได้รับ BIB ไปและเมื่อแต่ละคนทำกิจกรรมสำเร็จก็จะมาคอมเมนต์ใต้โพสต์ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยเก็บสถิติแต่ละคน
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม City Run กับลูกค้าครั้งละประมาณ 20-30 คน ซึ่งทั้งลูกค้าและพาร์ทเนอร์ต่างชื่นชอบ เป็นการทำกิจกรรมกลุ่มเล็กๆ แต่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้จริง ซึ่งกิจกรรมในแต่ละครั้งจะผ่านความคิดสร้างสรรค์ให้ออกมาสนุก และ Exclusive
“เราทำต่อเนื่องมา 4 ปี ทำอย่างจริงจัง และเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร ทีมงานของเราบริหารคอมมูนิตี้ด้วยการออกกำลังกาย ไปร่วมอีเวนต์ต่างๆ ตอบคอมเมนต์ลูกเพจด้วยตนเอง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เราทำได้ดีกว่าคู่แข่ง”“เราลงลึกในทุกองศา ทำการตลาดผ่านทีมงานที่มีแพชชั่นจริงๆ เราไม่ได้แค่พูดคุย แต่เป็นตัวแทนลูกค้า เราลงไปเล่นเอง ฟังเสียงลูกค้าทุกวัน ทุกกลุ่ม ทุกช่องทาง และเห็นความต้องการที่แตกต่างกัน ทำให้เราเข้าใจลูกค้า ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในการออกสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้า ทำให้เราเชื่อมั่นมากๆ ว่าเราโดดเด่นกว่าคู่แข่งในตลาด” สิรีรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย
–เคทีซีเปิดโฉม KTC TOUCH สาขาเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Biz Café