บริษัท วรุณา (ประเทศไทย) จำกัด หรือ VARUNA ในกลุ่มบริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ ARV เดินหน้าผลักดันประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคม Net Zero ผ่านการนำเทคโนโลยีด้าน AI & Robotics ช่วยบริหารโครงการคาร์บอนเครดิต และพร้อมส่งมอบคาร์บอนเครดิตมาตรฐานสากลเพื่อตอบโจทย์นโยบายหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ในการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกและบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) อย่างเป็นรูปธรรม
นางสาวพณัญญา เจริญสวัสดิ์พงศ์ ผู้บริหารด้านธุรกิจและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท วรุณา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในตลาดโลกสำหรับปีที่ผ่านมาถือว่าเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เช่นเดียวกับประเทศไทยที่มีปริมาณการซื้อขายคาร์บอนเครดิตรวมทั้งสิ้น 857,102 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) และมีมูลค่าการซื้อขายไปแล้วมากกว่า 68.32 ล้านบาท โดยปัจจุบันทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างมีนโยบายและโครงการที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับมาตรการของประเทศเกี่ยวกับการลดก๊าซเรือนกระจก และการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาทิ การปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมการผลิตให้มีการใช้ทรัพยากรให้น้อยลง รวมถึงการเพิ่มแหล่งกักเก็บก๊าซเรือนกระจก สำหรับประเทศไทยการปลูกป่าและสร้างพื้นที่สีเขียวทดแทนมีความน่าสนใจ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งในแง่ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และรวมถึงมีองค์ความรู้ และการสนับสนุนนโยบายจากภาครัฐ ที่จะส่งผลให้ประเทศไทยมีศักยภาพขอรับรองคาร์บอนเครดิตจากภาคป่าไม้ได้มากยิ่งขึ้น
“สำหรับการปลูกป่าหรือการสร้างพื้นที่สีเขียวถือเป็นวิธีที่ยั่งยืนและเกิดประโยชน์ที่สุด โดยเฉพาะการปลูกต้นไม้ในป่าเขตร้อนที่พบว่า ต้นไม้ 1 ต้น สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เฉลี่ย 9 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี นอกจากนี้ยังมีการสร้างองค์ความรู้สู่ชุมชนผ่านศูนย์การเรียนรู้ และให้ชุมชนได้รับรายได้เพิ่มจากการปลูกป่าและดูแลรักษาป่า”
นางสาวพณัญญา กล่าวต่อว่า อุปสรรคในการปลูกป่าและสร้างพื้นที่สีเขียวจำเป็นต้องใช้แรงงานคนในการปลูกต้นไม้ รวมถึงการประเมิน การวัดพื้นที่ และการคำนวณปริมาณการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งใช้เวลาและค่าใช้จ่ายสูง วรุณา จึงได้พัฒนา Drone Plantation หรือ โดรนปลูกป่า เพื่อให้การดำเนินงานปลูกป่าทำได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้วรุณายังพัฒนา Smart Forest Solution เพื่อให้ผู้พัฒนาโครงการ รวมถึงผู้ซื้อคาร์บอนเครดิตเกิดความมั่นใจในการบริหารจัดการพื้นที่สีเขียวเพื่อให้ได้มาซึ่งคาร์บอนเครดิต โดย Smart Forest Platform มีการนำ 3 เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ได้แก่ ส่วนแรก เทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียม ซึ่งจะทำให้เห็นภาพรวมของโครงการช่วยในการวางแผนฟื้นฟูพื้นที่สีเขียว ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ รวมถึงการช่วยตรวจจับพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดไฟป่าหรือพื้นที่เผาไหม้ (Wildfire Hotspot Detection) ได้
ส่วนที่สอง เทคโนโลยีโดรนมัลติสเปกตรัม เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกในพื้นที่ โดยภาพถ่ายจากโดรนจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และลดเวลาการสำรวจพื้นที่ได้มากกว่าการใช้คนสำรวจถึง 10 เท่า นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนและความเสี่ยงของการใช้แรงงานคนในการปฏิบัติงานลงพื้นที่
ส่วนที่สาม เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เพื่อวิเคราะห์และประเมินศักยภาพในการดูดซับคาร์บอน โดยวรุณาได้นำเทคโนโลยีดังกล่าวมาบริหารจัดการโครงการป่าไม้แบบ End-to-End Solution ซึ่งช่วยวางแผนฟื้นฟูเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้อย่างแม่นยำและส่งมอบคาร์บอนเครดิตที่มีคุณภาพได้
“นวัตกรรมจากวรุณาพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้พัฒนาโครงการสามารถบริหารจัดการฟื้นฟูป่า ปลูกป่าและได้คาร์บอนเครดิต นอกจากนี้สำหรับหน่วยงานที่ไม่ได้มีโครงการคาร์บอนเครดิต วรุณาก็มีคาร์บอนเครดิตพร้อมจำหน่ายทั้งมาตรฐานไทยและสากลเพื่อให้หน่วยงานต่างๆ บรรลุเป้าหมาย Net Zero โดยตั้งเป้าจะส่งมอบคาร์บอนเครดิตได้ 1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปีภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) วรุณาพร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศในการจัดการคาร์บอนเครดิตของไทย โดยเชื่อว่าในปี 2567 เป็นต้นไปจะยังมีอีกหลาย ๆ หน่วยงานที่หันมาให้ความสนใจเรื่องการจัดการคาร์บอนเครดิตภายในองค์กรมากขึ้น และวรุณาจะสนับสนุนเทคโนโลยีที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2608 (ค.ศ. 2065)”
–เปิดตัว Samsung AI TV พร้อมตั้งเป้าผู้นำผลิตภัณฑ์ภาพและเสียง AI ครบทุกหมวด