ไฮเออร์ “Haier” รุกขยายการเติบโตทางธุรกิจครั้งยิ่งใหญ่ เดินหน้าแผนการลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท ปักฐานตั้งโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศแห่งแรกในประเทศไทย รองรับดีมานด์ตลาดเครื่องปรับอากาศที่ยังเติบโตต่อเนื่อง บนพื้นที่กว่า 324,000 ตร.ม. ณ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3 (WHA ESIE 3) จ.ชลบุรี โดยมุ่งเน้นการเป็นฐานผลิตส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศเต็มรูปแบบผ่านเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงตามมาตรฐานระดับโลก พร้อมดันประเทศไทยเป็นฮับการผลิตที่ครบวงจร และก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผลิตและจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกทั่วโลกในอนาคต ตั้งเป้าผลิตเครื่องปรับอากาศกว่า 6 ล้านเครื่องต่อปี คาดการณ์จ้างงานกว่า 3,000 ตำแหน่ง
โจว หยุนเจี๋ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ กรุ๊ป กล่าวว่า “นับเป็นก้าวสำคัญภายใต้วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ในการมุ่งขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของโลก เพื่อตอกย้ำศักยภาพอันแข็งแกร่งของการเป็นผู้นำด้านการผลิตและการจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในระดับโลก ซึ่งการขยายการเติบโตในครั้งนี้ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่แห่งใหม่และเป็นแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน ด้วยศักยภาพเชิงพื้นที่ที่แข็งแกร่งของประเทศไทย ซึ่งนับเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค ประกอบกับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดเครื่องปรับอากาศในประเทศไทยที่มีมูลค่ากว่าหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งไฮเออร์ยังคงเป็นผู้นำในตลาดโดยมีส่วนแบ่งกว่า 13% เป็นยอดขายอันดับ 1 ในแง่ของจำนวนในช่องทางออฟไลน์”
โรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศของไฮเออร์แห่งนี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 324,000 ตร.ม. ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3 (WHA ESIE 3) จ.ชลบุรี ภายใต้งบการลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท โดยพื้นที่ดังกล่าวนับเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญภายใต้โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของประเทศไทย ห่างจากท่าเรือแหลมฉบังใน จ.ชลบุรี 49 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 131 กิโลเมตร รวมถึงสามารถเชื่อมต่อด้านคมนาคมได้หลายเส้นทาง โดยโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศของไฮเออร์แห่งนี้ มุ่งมั่นเป็นฐานผลิตที่ครบวงจร และครบครันด้วยเครื่องจักรกลอัตโนมัติที่ทันสมัย มาพร้อมกระบวนการผลิตผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงตามมาตรฐานระดับโลก เพื่อสร้างความสามารถทางการแข่งขันในตลาด และรองรับกำลังการผลิตเครื่องปรับอากาศสูงสุดถึง 6 ล้านเครื่องต่อปี
โจว หยุนเจี๋ย กล่าวต่อว่า “โรงงานดังกล่าวมีแผนการดำเนินการก่อสร้างแบ่งเป็น 3 เฟส และมีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2570 ซึ่งเฟสแรกจะเปิดในส่วนของการผลิต 3 ล้านเครื่องในเดือนกันยายน 2568 เฟสที่สองและเฟสสามจะเสร็จสิ้นพร้อมเปิดดำเนินการในปี 2569 และ 2570 ตามลำดับ ทั้งนี้หลังจากดำเนินการก่อสร้างเสร็จสิ้น โรงงานแห่งนี้จะกลายเป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศของไฮเออร์
พร้อมกันนี้ ไฮเออร์ยังมุ่งส่งเสริมการกระจายความรู้ทางด้านเทคโนโลยีอันโดดเด่นเฉพาะตัวของแบรนด์ทั้งด้านการวิจัย การผลิต และการขาย แก่บุคลากรเพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพ ผ่านความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมและชุมชนท้องถิ่น โดยในอนาคตอีก 2 ปีข้างหน้า เมื่อโรงงานดำเนินการสร้างเสร็จสมบูรณ์ คาดว่าจะกระตุ้นตลาดแรงงาน สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจกระจายรายได้สู่ชุมชน พร้อมสามารถสร้างงานให้ผู้คนในจังหวัดชลบุรีได้กว่า 3,000 ตำแหน่ง นับเป็นการส่งเสริมการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศไทยอีกหนึ่งช่องทาง
“การเข้ามาลงทุนในประเทศไทยของไฮเออร์ แสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันดีระหว่างประเทศจีนและไทยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างประเทศให้เติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดวิสัยทัศน์ของไฮเออร์ที่พร้อมจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีมาตรฐานในระดับสากล สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคทั่วโลก พร้อมส่งต่อพลังแห่งการสร้างสรรค์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ตามแนวคิด More Creation, More Possibility” โจว หยุนเจี๋ย กล่าวสรุป