เปิดตัว “PICO 4 Ultra” ในราคา 19,990 บาท พร้อมเปิดตัวอุปกรณ์เสริม Motion Trackers ครั้งแรกในราคา 2,990 บาท

เปิดตัว “PICO 4 Ultra” ในราคา 19,980 บาท มาพร้อม Motion Trackers ราคา 2,990 บาท

PICO บริษัทเทคโนโลยี XR เปิดตัว “PICO 4 Ultra” แว่น VR (Virtual Reality) และ MR (Mixed Reality) ครั้งแรกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ นับเป็นก้าวสำคัญในการปฏิวัติเทคโนโลยี MR ยกระดับการใช้ชีวิตด้วยประสบการณ์เสมือนจริงที่สมบูรณ์แบบ ทั้งภาพและเสียงครบทุกมิติ ปรับแต่งตอบโจทย์ตามไลฟ์สไตล์ส่วนบุคคล มาพร้อมกล้อง VST ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล 2 ตัว พร้อมกล้องวัดระยะลึก iToF เพื่อมอบประสบการณ์ 3 มิติที่มีความคมชัดสูง

ผู้ใช้งานสามารถเปิดหน้าต่างหลายรายการพร้อมกัน และจัดเรียงหน้าจอเสมือนขนาดใหญ่ภายในพื้นที่จริง การออกแบบนี้มุ่งเน้นยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะการทำงานแบบมัลติทัสก์ที่สะดวกและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังรองรับการทำงานของวิดีโอ 3 มิติแบบครบวงจร ตั้งแต่การถ่ายไปจนถึงการแสดงเนื้อหา ผู้ใช้งานจะได้สัมผัสประสบการณ์วิดีโอเสมือนจริงที่ลงตัว พร้อมสีสันคมชัดสมจริง

ตรวจจับการเคลื่อนไหวเต็มตัว

ในครั้งนี้ได้เปิดตัวอุปกรณ์เสริมใหม่ “PICO Motion Trackers” ที่ช่วยตรวจจับการเคลื่อนไหวของร่างกายทั้งหมด โดยติดตั้งได้ง่ายที่ข้อเท้าของผู้ใช้งาน อุปกรณ์มีน้ำหนักเบาและสวมใส่สบาย ใช้ร่วมกับโซลูชันการติดตามแบบมัลติโหมดเอกสิทธิ์ของ PICO ทำให้สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของทั้งร่างกายได้อย่างแม่นยำด้วยความหน่วงสัญญาณต่ำ นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันสื่อบันเทิงยอดนิยมอย่าง VRChat และ Tempo Club ได้อย่างลื่นไหล มอบประสบการณ์ที่เหนือชั้นให้กับผู้ใช้งานทุกคน

รวมถึงฟีเจอร์การใช้งานหลายหน้าต่างในเวิร์กสเปซแบบพาโนรามา ผู้ใช้สามารถปรับขนาดและจัดเรียงหน้าต่างของแอปพลิเคชันได้ตามอิสระในพื้นที่เสมือนจริงที่กว้างขวางไร้ขอบเขต ทำให้การทำงานแบบมัลติทัสก์จึงเป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถสลับระหว่างโหมดภาพเสมือนจริงและผสานรวมกับสภาพแวดล้อมจริงได้อย่างง่ายดายเพียงคลิกเดียวที่แถบนำทางของระบบยังนำเสนออีโคซิสเต็มของแอป MR/VR ชั้นนำระดับโลก เพื่อมอบประสบการณ์ความบันเทิงทั้งภาพและเสียงที่เหนือชั้น

ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพผ่านเทคโนโลยี MR ประกอบด้วยเซนเซอร์ภาพทั้งหมด 7 ตัว โดยมีกล้องตรวจจับสภาพแวดล้อม 4 ตัวที่ติดตั้งรอบตัวอุปกรณ์ เพื่อใช้ในการสร้างแผนที่และระบุตำแหน่งพร้อมกัน (Simultaneous Localization and Mapping: SLAM) โดยทำงานร่วมกับกล้องสี 2 ตัวและกล้องวัดระยะลึก iToF 1 ตัว สำหรับจับภาพและการทำแผนที่ในพื้นที่สำหรับการใช้งานแอปพลิเคชัน โดยกล้องสี 2 ตัวที่มีความละเอียด 32 ล้านพิกเซลช่วยจับภาพความละเอียดสูง ซึ่งเมื่อผ่านการประมวลผลแล้ว ภาพดังกล่าวจะแสดงผลบนหน้าจอความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ระดับ 20.6 PPD นอกจากนี้ ยังเสริมประสิทธิภาพในการลดความบิดเบี้ยวของภาพบริเวณขอบและลดภาพซ้อน ทำให้ได้ภาพสีคมชัดและมีการบิดเบี้ยวต่ำนอกจากนี้ กล้องวัดระยะลึก iToF สามารถวัดระยะได้อย่างแม่นยำในช่วง 3 เมตรในมุมกว้าง 60 องศา ซึ่งช่วยในการคำนวณระยะทางเชิงพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับหน้าจอ 4K+ Super Sense คุณภาพสูง ด้วยความละเอียดในการเรนเดอร์ภาพถึง 1920×1920 พิกเซล และอัตรารีเฟรชเรท 90Hz หน้าจอได้รับการเทียบสีจากโรงงานและมีความละเอียดสูงกว่ารุ่น PICO 4 ถึง 62% ทำให้ได้ภาพที่คมชัดและสมจริงมากยิ่งขึ้น

มาพร้อมซีพียู Snapdragon® XR2 Gen 2 พร้อมหน่วยความจำขนาดใหญ่ถึง 12GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 256GB นับเป็นฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลัง สร้างสรรค์ประสบการณ์ MR ที่เหนือชั้นและสมจริงเกินคาด

ดีไซน์ยังคงเน้นการออกแบบที่สมดุล ระหว่างความบางและเบา ตัวบอดี้ด้านหน้ามีน้ำหนักเพียง 304 กรัม และเบาะรองศีรษะด้านหลังเพียง 276 กรัม รวมทั้งหมดมีน้ำหนักเพียง 580 กรัม ทำให้สวมใส่สบายตลอดการใช้งาน นอกจากนี้ ยังมีคอนโทรลเลอร์รุ่นใหม่แบบไม่มีห่วงคล้องมือ ซึ่งช่วยลดน้ำหนักและความสูงของคอนโทรลเลอร์ได้อย่างมาก ทำให้ถือได้อย่างสบายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังติดตั้งมอเตอร์สั่นแนวราบเพื่อเพิ่มประสบการณ์การตอบสนองทางสัมผัสที่สมจริงและเต็มอารมณ์อีกด้วย

ปฏิวัติประสบการณ์วิดีโอเสมือนจริงด้วยประสิทธิภาพขั้นสูง

มาพร้อมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ประสิทธิภาพเยี่ยม เพื่อยกระดับและรองรับการทำงาน ช่วยสร้างประสบการณ์วิดีโอเสมือนจริงที่ยอดเยี่ยม ตั้งแต่ขั้นตอนการถ่ายทำไปจนถึงการแสดงเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกหรือการรับชมก็ทำได้อย่างสมจริง ทำให้คุณไม่พลาดทุกรายละเอียดในทุกช่วงเวลา

ใช้กล้อง RGB ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล 2 ตัวในการบันทึกวิดีโอเสมือนจริง โดยการจัดวางเลนส์จำลองการมองเห็นของมนุษย์ ในการถ่ายวิดีโอเสมือนจริงนั้นจะเว้นระยะห่างระหว่างเลนส์เพื่อจำลองการมองเห็นผ่านดวงตาทั้งสองข้าง ทำให้ผู้ใช้งานได้รับชมภาพ 3 มิติที่มีความลึกของพื้นที่อย่างสมจริง

นอกจากนี้ ยังสามารถถ่ายวิดีโอเสมือนจริงที่ความละเอียดสูงสุด 2048×1536 พิกเซล ด้วยรีเฟรชเรท 60FPS ทำให้สามารถบันทึกฉากแอ็กชันที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วได้อย่างลื่นไหลและเนียนตา

ทลายข้อจำกัดเรื่องการใช้งานอุปกรณ์ต่างแบรนด์ผู้ผลิต โดยรองรับการเล่นวิดีโอและภาพถ่ายเสมือนจริงจากอุปกรณ์ Apple ได้อย่างสมบูรณ์แบบ รวมถึงภาพและวิดีโอที่ถ่ายด้วย iPhone 15 Pro series และ Vision Pro ซึ่งผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดเนื้อหาเหล่านี้ไปยังแกลเลอรีของ PICO 4 Ultra และรับชมได้ทันที ทำให้การเชื่อมต่อและการใช้งานอุปกรณ์ต่างแบรนด์เป็นเรื่องง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอคุณภาพสูงหรือภาพถ่ายสุดประทับใจ คุณก็สามารถรับชมได้อย่างเต็มอิ่มในโลกเสมือนจริง

รองรับแอปพลิเคชันและประสบการณ์ MR ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สามารถใช้งานกับแอปพลิเคชัน MR และ VR ชั้นนำระดับโลกได้มากมาย ปัจจุบันรองรับแอป MR กว่า 20 แอป และแอป VR กว่า 778 แอป ซึ่งรวมถึงเกมกว่า 552 เกม และแอปอื่น ๆ อีกมากมาย ครอบคลุมทั้งความบันเทิงด้านภาพและเสียง รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในหลากหลายด้าน

อีโคซิสเต็มการเล่นเกมยังครอบคลุมประสบการณ์การเล่นเกมทุกรูปแบบ ตั้งแต่เกมปริศนาสำหรับการเล่นเพลิน ๆ ไปจนถึงเกมเชิงกลยุทธ์ระดับฮาร์ดคอร์ อุปกรณ์นี้ยังสามารถทำงานร่วมกับ SteamVR ทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายโอนเนื้อหาเกมจากพีซีไปยัง PICO 4 Ultra เพื่อขยายคลังเกมไปยัง SteamVR นับพันรายการ ผู้ใช้งานจึงสามารถเพลิดเพลินกับกราฟิกเกมที่คมชัดระดับ 3K ที่รองรับไฟล์แบบ AV1 CODEC ได้

ฟีเจอร์ PICO Connect ยังได้รับการอัปเกรดเพื่อลดความหน่วงสัญญาณในการสตรีมลดลงถึง 30% เมื่อใช้ร่วมกับเราเตอร์ Wi-Fi 7 นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อหน้าจอกับ PC, Mac หรือสมาร์ตโฟนได้ อย่างราบรื่น ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสลับใช้งานระหว่างอุปกรณ์ แชร์หน้าจอ และควบคุมจากระยะไกลได้อย่างง่ายดาย ด้วยความสามารถนี้ กลายเป็นอุปกรณ์อเนกประสงค์อันทรงพลัง ที่ตอบโจทย์ทั้งการทำงาน ความบันเทิง และการเล่นเกมในเครื่องเดียว

เปิดตัว “PICO 4 Ultra” ในราคา 19,980 บาท มาพร้อม Motion Trackers ราคา 2,990 บาท

PICO 4 Ultra เปิดตัวพร้อมอุปกรณ์เสริม PICO Motion Trackers

ภายในงานเปิดตัวยังมีการเปิดตัว PICO Motion Trackers อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวรุ่นแรกของบริษัท เพียงแค่ติดตั้งที่ข้อเท้า ก็สามารถจับการเคลื่อนไหวของร่างกายได้ทั้งหมด ตัวอุปกรณ์มีน้ำหนักเพียง 38.5 กรัม (รวมตัวติดตามและฐาน) และใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 25 ชั่วโมง ด้วยการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ที่จุดสัมผัส ทำให้ PICO Motion Trackers สวมใส่สบายแม้ในกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวหนัก เช่น การออกกำลังกายหรือการเต้น

เมื่อเปิดใช้งาน Motion Trackers จะจับคู่สัญญาณกับเฮดเซ็ท PICO โดยอัตโนมัติ ซึ่งการกำหนดความแม่นยำด้วยระบบ One-Glance Calibration ของ PICO ถือว่าทำได้ง่ายที่สุดในอุตสาหกรรม ผู้ใช้งานเพียงแค่ยืนและมองลงไปที่อุปกรณ์ก็สามารถปรับเทียบความแม่นยำได้อย่างง่ายดายและเข้าถึงการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากจะสวมใส่สบายและใช้งานง่าย ยังมีความสามารถในการตรวจจับที่ยอดเยี่ยม ผสานการทำงานของหน่วยตรวจวัดความเคลื่อนไหวภายใน (IMU) และแสงอินฟราเรด พร้อมระบบสนับสนุนด้านออปติคอลเพื่อการตรวจจับที่แม่นยำและเสถียรมากขึ้น ทำงานร่วมกับโปรโตคอลการส่งข้อมูลเฉพาะที่ช่วยลดความหน่วงสัญญาณและเพิ่มความต้านทานการรบกวน ทำให้การตรวจจับมีความแม่นยำสูง แอ็กชันต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกจริงจะถูกซิงค์กับโลกเสมือนจริงได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เข้าถึงอีโคซิสเต็มของแอปพลิเคชันที่หลากหลาย รองรับเกมยอดนิยมอย่าง VRChat และ Tempo Club ทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสัมผัสประสบการณ์การเล่นเกมสตรีมที่ครอบคลุมมากขึ้นผ่านการสตรีมทางพีซี นอกจากนี้ PICO Motion Trackers ยังไม่เพียงใช้งานร่วมกับ PICO 4 Ultra ได้เท่านั้น แต่ยังรองรับรุ่น PICO 4 ทำให้ผู้ใช้งานปัจจุบันสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์ MR ที่สมจริงในเวอร์ชันใหม่ล่าสุด ด้วยประสิทธิภาพการตรวจจับการเคลื่อนไหวที่สมบูรณ์แบบ

ราคาและการวางจำหน่ายในประเทศไทยประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว โดย PICO 4 Ultra เปิดตัวในราคา 19,990 บาท และ PICO Motion Trackers ราคา 2,990 บาท

Garmin FENIX 8 มัลติสปอร์ตสมาร์ทวอทช์ระดับพรีเมียม อัปเกรดนวัตกรรมเพื่อการผจญภัย พร้อมแบตอึดสูงสุดหลักเดือน

Scroll to Top