งานสัมมนาส่งเสริมผลิตภัณฑ์นมยุโรปที่ยั่งยืนจากไอร์แลนด์ คณะผู้แทนการค้าไทยกระชับสัมพันธ์และขยายโอกาสการส่งออกผลิตภัณฑ์นมอย่างยั่งยืน

งานสัมมนาส่งเสริมผลิตภัณฑ์นมยุโรปที่ยั่งยืนจากไอร์แลนด์ คณะผู้แทนการค้าไทยกระชับสัมพันธ์และขยายโอกาสการส่งออกผลิตภัณฑ์นมอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมาถือเป็นก้าวสำคัญในความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างยุโรปและไอร์แลนด์กับประเทศไทย เมื่อคณะกรรมการอาหารแห่งสาธารณรัฐไอร์แลนด์ (Bord Bia – Irish Food Board) เป็นเจ้าภาพจัดงานสัมมนาหัวข้อ ผลิตภัณฑ์นมยุโรปที่ยั่งยืนจากไอร์แลนด์ (Sustainable European Dairy from Ireland) ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ งานสัมมนานี้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจทางการค้าไอร์แลนด์ครั้งแรกในประเทศไทย โดยมีผู้นำตลาดในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไทยเข้าร่วม เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ทางการค้าที่แข็งแกร่งและยั่งยืนระหว่างไทยและไอร์แลนด์

งานสัมมนาดังกล่าวเปิดโดย พิปปา แฮ็คเก็ตต์ (Pippa Hackett T.D.) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร อาหาร และการเดินเรือของไอร์แลนด์ โดยมี แพทริก เบิร์น (H.E. Pat Bourne) เอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย และ จิม โอทูล (Jim O’Toole) ซีอีโอของ Bord Bia กล่าวต้อนรับ ทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญจำนวน 48 ท่านซึ่งเป็นตัวแทนผู้นำตลาดในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไทยเข้าร่วมงาน วิทยากรรับเชิญได้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับตลาดผลิตภัณฑ์นมโลก โดยเน้นที่การผลิตและแนวโน้มของผู้บริโภค รวมถึงความมุ่งมั่นของภาคอุตสาหกรรมนมยุโรปจากไอร์แลนด์ในการผลิตนมคุณภาพสูงอย่างยั่งยืน ในฐานะผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์นมเชิงเทคนิค (Technical dairy products) ที่มีชื่อเสียงจากยุโรป ภาคอุตสาหกรรมนมของไอร์แลนด์ยังคงให้ผู้บริโภคชาวไทยเข้าถึงส่วนผสมผลิตภัณฑ์นมคุณภาพสูงที่ไม่เพียงแต่ตรงตามมาตรฐานความยั่งยืนและความปลอดภัยระดับสูงของสหภาพยุโรปเท่านั้น แต่ยังตอบสนองความต้องการด้านคุณภาพและการใช้งานของผู้บริโภคอีกด้วย

แคมเปญ ‘Working with nature’ ของผลิตภัณฑ์นมยุโรปจากไอร์แลนด์ ช่วยให้ Bord Bia สามารถสานต่อและขยายการสนับสนุนบริษัทในไอร์แลนด์ในการดำเนินธุรกิจในตลาดไทยได้อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการส่งมอบผลิตภัณฑ์นมที่ยั่งยืน คุณภาพสูง ตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการในไทย

สัมมนาส่งเสริมผลิตภัณฑ์นมยุโรปอย่างยั่งยืนจากไอร์แลนด์

งานสัมมนานี้ยังนับเป็นปีที่ 3 ของแคมเปญผลิตภัณฑ์นมยุโรปและไอร์แลนด์ในประเทศไทย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหภาพยุโรปและไอร์แลนด์ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของไอร์แลนด์ในการเป็นต้นแบบของการผลิตอาหารที่ยั่งยืนในยุโรป

ในงานครั้งนี้ยังได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของผลิตภัณฑ์นมยุโรปจากไอร์แลนด์ในการผลิตส่วนผสมผลิตภัณฑ์นมคุณภาพสูงอย่างยั่งยืน เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรม โดยวิทยากรรับเชิญจาก Bord Bia, EverAg และ Global Data ยังแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโอกาสความร่วมมือในอนาคตระหว่างผู้ประกอบการในไทยและไอร์แลนด์

  • คุณมาร์กาเร็ต บัตเลอร์ จาก Bord Bia นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมการผลิตและการส่งออกผลิตภัณฑ์นมยุโรปจากไอร์แลนด์ในตลาดไทยและระดับโลก
  • คุณทิม ฮิลล์ (Tim Hill) จาก Global Data ให้การวิเคราะห์แนวโน้มผู้บริโภคในประเทศไทยเกี่ยวกับความต้องการผลิตภัณฑ์นม เน้นถึงปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตและโอกาสใหม่ๆ ในตลาดเอเชียแปซิฟิก
  • คุณสตีฟ สเปนเซอร์ (Steve Spencer) จาก EverAg ได้แบ่งปันความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับแนวโน้มการผลิตนมทั่วโลก โดยเน้นถึงตลาดส่งออกหลักและปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตของการผลิต

ไอร์แลนด์ ประเทศที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าสีเขียวขจี

อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมของไอร์แลนด์มีรากฐานมาจากการทำฟาร์มภายในครอบครัวของหลายครัวเรือนที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ปัจจุบันมีฟาร์มที่ดำเนินการภายในครอบครัวประมาณ 17,000 แห่ง แต่ละแห่งสะท้อนให้เห็นถึงการสั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการผลิตนมที่มีมายาวนาน นอกจากนี้สภาพภูมิอากาศที่โดดเด่นของประเทศไอร์แลนด์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของยุโรป ยังได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม (Gulf Stream) ช่วยให้ไอร์แลนด์มีฤดูเพาะปลูกพืชที่ยาวนานที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป โดยฝนที่ตกตลอดปียังส่งผลให้ทุ่งหญ้ามีความอุดมสมบูรณ์ และทำให้วัวในไอร์แลนด์สามารถมีหญ้ากินได้เฉลี่ยถึง 240 วันต่อปี และทำให้หญ้ากลายเป็นอาหารหลักของวัวในไอร์แลนด์ซึ่งนับเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 95% ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้ผลิตภัณฑ์นมจากไอร์แลนด์มีความยั่งยืนและเป็นธรรมชาติ

ในปี 2023 ไอร์แลนด์ผลิตนมได้ถึง 8.7 พันล้านลิตร และส่งออกผลิตภัณฑ์นมให้กับ140 ตลาดทั่วโลก (ภายใต้ Bord Bia Dairy Sector Profile) ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ในปี 2023 ไอร์แลนด์มีการส่งออกผลิตภัณฑ์นมไปยังประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งในด้านปริมาณและมูลค่า ซึ่งเกิดจากความต้องการผลิตภัณฑ์นมที่มีคุณภาพสูงและการผลิตอย่างยั่งยืนที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการขยายตลาดและความร่วมมือเพิ่มเติมในตลาดไทยต่อไปในอนาคต

ภายใต้แคมเปญ ‘European Dairy – Ireland, Working with Nature’ งานสัมมนาการค้าครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นมที่ผลิตอย่างยั่งยืนจากยุโรป พร้อมกับส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือกับผู้นำเข้าในประเทศญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม นอกจากนี้ตัวแคมเปญยังเน้นย้ำถึงข้อได้เปรียบของระบบการผลิตที่เน้นการเลี้ยงวัวด้วยหญ้า และโครงสร้างพื้นฐานที่รับประกันถึงการจัดหาผลิตภัณฑ์นมที่มีคุณภาพสูงและสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้

คณะผู้แทนการค้าของรัฐบาลไอร์แลนด์จะดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดสัปดาห์นี้ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรหลักที่มีศักยภาพ ส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไอร์แลนด์ และสำรวจโอกาสใหม่ ๆ ในการเพิ่มอัตราการส่งออกในหลายภาคส่วน

ไบเออร์สด๊อรฟ เปิดบ้านโชว์โซลาร์ฟาร์ม เดินหน้ารักษ์โลกด้วยการใช้พลังงานทดแทน

Scroll to Top