AIS – True ร่วมมือ กสทช. และ สตช. ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์

AIS - True ร่วมมือ กสทช. และ สตช. ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์

AIS และ True สนับสนุนการทำงานของภาครัฐ ทุกภาคส่วน อย่างศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้ยุทธการ ระเบิดสะพานโจร ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงภัยที่เกิดจากมิจฉาชีพที่หลอกลวงประชาชน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างมาก

วรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “โดยวันนี้ AIS ทำงานอย่างสอดประสานเพื่อปกป้องการใช้งานให้กับลูกค้าและคนไทยภายใต้ภารกิจอุ่นใจไซเบอร์ ซึ่งแบ่งการทำงานเป็น 3 ส่วน ทั้งการสนับสนุนการติดตาม จับกุม จากการทำงานด้านวิศวกรรมเครือข่ายของทีมวิศวกรทุกภาคทั่วประเทศ ที่พร้อมอำนวยความสะดวกให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการเข้าจับกุมตามแหล่งกบดานของมิจฉาชีพ, การจับสัญญาณ False Base ในย่านชุมชน เป็นต้น รวมไปถึง การเข้าร่วมภารกิจปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน ด้วยการบริหารจัดการกำลังส่งของสัญญาณสื่อสาร เพื่อทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขาดช่องทางที่จะเข้ามาหลอกลวงคนไทย ซึ่งเมื่อจับกุมแล้วเราจะดำเนินการปิดกั้นเบอร์เหล่านั้นทันที

ส่วนต่อมาคือ การรณรงค์ให้ประชาชนยืนยันตัวตนอย่างถูกต้องเมื่อใช้บริการระบบสื่อสาร ไม่นำบัตรประชาชนไปให้มิจฉาชีพสวมสิทธิ์ โดยได้ทำงานร่วมกับ กสทช. ในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างช่องทางในการลงทะเบียนและการตรวจสอบการถือครองเลขหมายผ่าน myAIS app ซึ่งหากพบความผิดปกติ ก็สามารถไป AIS Shop เพื่อตรวจสอบและดำเนินการแก้ไข หรือจะตรวจสอบว่าบัตรประชาชนของเรามีการลงทะเบียนกับมือถือค่ายไหนบ้าง สามารถทำได้ผ่าน app 3 ชั้น ของทาง กสทช. และติดต่อไปยังผู้ให้บริการแต่ละค่ายได้ทันทีเช่นกัน รวมถึงหากต้องการทราบว่าเบอร์นี้ลงทะเบียนไว้กับหมายเลขบัตรประชาชนของท่านหรือไม่ สามารถกด 179ตามด้วยเลข ID#แล้วโทรออก จากเบอร์นั้น ๆ เพื่อตรวจสอบได้เช่นกันด้วย

และสุดท้ายซึ่งสำคัญไม่ต่างกัน คือ การรณรงค์สร้างทักษะดิจิทัล ให้รู้เท่าทัน และมีภูมิคุ้มกันในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบัน ผ่านโครงการ “อุ่นใจไซเบอร์” ที่มีทั้งหลักสูตรให้เรียนรู้ พร้อมเครื่องมือด้านดิจิทัล อย่าง Digital Health Check ตรวจวัดสุขภาพด้านดิจิทัลของเราว่าอยู่ในระดับไหน, ช่องทางให้แจ้งเบอร์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ 1185 หรือ บริการ AIS Secure Net ที่เป็นเครื่องมือป้องกันภัยไซเบอร์ ด้วยการกรองเว็บไซต์อันตรายทั้งในและต่างประเทศ เป็นต้น โดยพวกเราชาว AIS ขอยืนยันถึงความพร้อมในการสนับสนุนทุกภารกิจของภาครัฐและสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างเต็มที่ เพื่อร่วมกันสร้างความมั่นคงทางไซเบอร์ให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม”

ด้าน จักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สร้างความเดือดร้อนอย่างหนักให้แก่ประชาชนคนไทยในขณะนี้ เราห่วงใยประชาชนผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือ โดยต้องการร่วมแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง ทรูได้เฝ้าระวังและตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เมื่อพบการใช้งานผิดปกติในบางพื้นที่ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพการให้บริการ ประกอบกับมีลูกค้าแจ้งเบอร์ต้องสงสัยผ่านสายด่วน 9777 ทางบริษัทจึงรีบประสานงานกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB), กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงาน กสทช. จนนำไปสู่การชี้เป้าจับกุมครั้งใหญ่ โดยยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก รวมถึงซิมการ์ดและอุปกรณ์มือถือ ซึ่งถือเป็นการทำลายวงจรของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ายังมีตัวการใหญ่อยู่เบื้องหลัง และจะมีการสืบสวนขยายผลต่อไป ทั้งนี้ ทรูยืนยันว่าจะยังคงทำงานอย่างจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหาและสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือทุกคน”

ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ประกาศมาตรการเข้มงวดเพื่อต่อต้านการกระทำผิดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีรายละเอียดดังนี้:

  1. ตรวจสอบการใช้งาน Sim Box: แจ้งตำรวจหากพบการโทรผิดปกติจากหมายเลขเดียวในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง
  2. ระงับเบอร์ต้องสงสัย: ส่ง SMS และระงับการใช้งานเบอร์ที่มีการโทรออกผิดปกติ พร้อมให้ยืนยันตัวตน
  3. เปิดสายด่วนรับแจ้งเบาะแส: หมายเลข 9777 สำหรับแจ้งเบอร์ต้องสงสัยหรือ SMS หลอกลวง
  4. ร่วมมือกับแอปพลิเคชัน Whoscall: ส่งข้อมูลเบอร์ต้องสงสัยเพื่อเพิ่มในระบบแจ้งเตือน
  5. ปิดเสาสัญญาณตามแนวชายแดน: ป้องกันการใช้สัญญาณโทรศัพท์เพื่อก่ออาชญากรรมข้ามพรมแดนตามข้อกำหนดของสำนักงาน กสทช.
  6. AI และ Data Analytics: วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคัดกรองและหยุดการกระจายซิมเสี่ยง ลดจำนวนซิมที่อาจถูกใช้ผิดกฎหมายได้ถึง 500,000 ซิมต่อปี
  7. เข้มงวดการลงทะเบียนซิม: กำหนดให้คู่ค้าต้องลงทะเบียนซิมทันทีทุกครั้งที่มีการขาย เพื่อป้องกันการแอบอ้างและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  8. บทลงโทษสำหรับคู่ค้าที่ไม่ปฏิบัติตาม: เริ่มจากการตักเตือน ลดค่าตอบแทน ไปจนถึงยกเลิกการเป็นคู่ค้า
  9. สนับสนุนการทำงานของตำรวจ: ให้ข้อมูลเพื่อช่วยปิดตู้ซิมที่ช่วยเหลือคนร้ายใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย
  10. เฝ้าระวังการซื้อซิมผิดปกติ: แจ้งเบาะแสทันทีเมื่อพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยซื้อซิมจำนวนมาก

มาตรการเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทรู คอร์ปอเรชั่น ในการร่วมปราบปรามอาชญากรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปกป้องประชาชน โดยเน้นการป้องกัน การตรวจจับ ปราบปราม และการดำเนินการอย่างรวดเร็วเมื่อพบเหตุต้องสงสัย และได้ทำอย่างต่อเนื่องด้วยความห่วงใยเพื่อประชาชน

Synology เผยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ พุ่ง 22% ต่อสัปดาห์ – ข้อมูลรั่วไหล 81% แนะองค์กรปรับเกม เปิด 4 โซลูชันใหม่รับดีมานด์ตลาด

Scroll to Top