สวัสดีครับ วันนี้ Biztalk Gadget จะมา รีวิว Xiaomi 14T Pro รุ่นน้องเรือธงอีกปี ที่มาพร้อมเลนส์ LEICA แต่….เป็นรุ่นแรกของแบรนด์ที่เปิดตัวมาพร้อม Advanced AI มาครบทั้งด้านการแต่งภาพ การแปลภาษา ตัวช่วยสรุปความ แถมราคาเป็นมิตรสุดๆ เพราะเริ่มต้นที่ 21,990 บาท เดี๋ยวเรามาดูกันเลยครับ ว่าเจ้าตัวนี้มันดีที่สุดในสมาร์ทโฟนรุ่นน้องเรือธงจริงมั้ย
ดูแล้วอยากได้ กดที่ลิงก์นี้ได้เลย https://s.shopee.co.th/6fPV17TOrh
ก่อนจะไปดูเรื่องกล้องและ AI เรามาเริ่มต้นกันที่สเปคตัวเครื่องกันก่อนครับ โดยหลักๆ จะเป็นการอัพความแรงจากรุ่นก่อนหน้า ตั้งแต่ ชิปเซ็ตที่ยังใช้ค่าย MediaTek แต่ในครั้งนี้เลือกใช้ Dimensity 9300+ และยังจับคู่กับ GPU Immortalis-G720 ซึ่งเขาก็เคลมว่าการทำงานของกราฟิกดีขึ้นถึง 44% เลยครับ
ซึ่งจากการทดสอบการเล่นเกม ROV ผมต้องบอกเลยว่าตัวเครื่องโหลดเกมได้เร็ว และภาพเนียนตามากจริงๆ
ด้านหน้าจอใช้ AMOLED CrystalRes ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (2712 x 1220) พร้อมอัตรารีเฟรช 144Hz ไม่ต่างจากตัวเดิมเท่าไรครับ แต่ส่วนที่ต่างคือ ความสว่างสูงสุดตัวนี้ทำได้ดีขึ้นมากจากรุ่นก่อนหน้าได้ 2,600 nits ตัวนี้ได้ที่ 4,000 nits ชนแดดได้สบาย และยังรองรับ Dolby Atmos ด้วย
ด้านตัวเครื่องใช้กรอบโลหะ ที่ยืดหยุ่นและทนทานกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 116% มาพร้อมการกันน้ำและกันฝุ่นระดับ IP68 ซึ่งตัวนี้กันน้ำได้ลึก 2 เมตร นาน 30 นาที ดีขึ้นกว่าตัวก่อนหน้าที่ได้แค่ 1.5 เมตร
ส่วนแบตเตอรี่ให้มา 5000mAh รองรับ HyperCharge 120W เท่ากับรุ่นก่อนหน้า แต่สิ่งที่ต่างไปคือ เจ้าตัวนี้รองรับชาร์จไร้สาย 50W แล้ว
กล้อง LEICA
สเปคประสิทธิภาพตัวเครื่องก็ประมาณนี้ครับ เรามาดูเรื่องกล้องกันดีกว่า หากจะพูดรวมๆ ต้องบอกเลยว่า สเปคกล้องของมันเกือบจะเทียบเท่ากับรุ่นพี่อย่าง Xiaomi 14 ตัวเริ่มต้นเลยครับ โดยเจ้าตัวนี้ให้เลนส์หลักมา 3 ตัว เป็น LEICA
- ตัวแรกเป็น กล้องหลัก 50 MP, f/1.6 ระยะ 23mm มี OIS
- ตัวที่ 2 เป็น Telephoto 50 MP, f/2.0 ระยะ 60mm และยังซูมได้สูงสุดที่ 120mm
- ตัวสุดท้ายเป็น Ultrawide 12 MP, f/2.2 ระยะ 15mm
สำหรับการถ่าย Video ได้สูงสุด 8K 30fps ส่วนถ้าจะถ่าย 4K ได้ที่ 60fps
เรามาลองดูรูปกันเลยดีกว่าครับ
เริ่มต้นกันที่ถ่ายภาพวิวทั่วไป เจ้าตัวนี้ให้สีท้องฟ้า และสีต้นไม้เป็นธรรมชาติดีทีเดียว ซึ่งภาพชุดนี้ผมถ่ายตอนเที่ยงที่แดดแรงมากๆ ตรงนี้ตัวเลนส์ปรับแสงออโต้ได้โอเคเลยครับ
หรือแม้แต่ตอนฟ้าครึ้มๆ ก็ยังถ่ายทอดสีสันออกมาได้ดี จะเห็นสีของใบไม้ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แถมยังคมชัดถึงแม้แสงจะน้อยอีกด้วย
หรือจะถ่ายคนขณะเคลื่อนไหวในช่วงฟ้าครึ้มๆ ภาพก็หยุดนิ่งดีครับ ลองดูเส้นผมที่พริ้วไปตามการวิ่งดูครับ
เอาไปลองถ่าย Art Toy หรือดอกไม้ก็ทำได้ดีครับ การโฟกัสตัววัตถุ และการเบลอหลังดูเป็นธรรมชาติ ไม่มีเบลอผิด เบลอพลาดให้เห็นเลยครับ
ส่วนวัตถุชิ้นเล็กๆ อย่างก้อนหินหรือหญ้า รายละเอียดก็ออกมาดี คมชัดทีเดียวครับ รวมถึงสีสันก็ถ่ายทอดออกมาดีเช่นกัน
ส่วนรูปดอกไม้ที่ถ่ายติดแมลงด้วย พอซูมเข้าไปก็จะเห็นตัวแมลงชัดเจน ถึงแม้จะถ่ายตอนที่บินอยู่ก็ตาม
มาดูภาพถ่ายในที่ร่มกันบ้าง ผมลองเอาไปถ่ายงานศิลปะ ต้องบอกว่าเจ้าตัวนี้ถ่ายทอดสีสันออกมาได้ค่อนข้างแม่นยำเลยครับ
ด้านการถ่าย Portrait ถ้ามองในภาพรวมของความคมชัด การเบลอฉากหลัง สีสันโดยรวม ก็คงต้องบอกว่าไม่ผิดหวังในความเป็น LEICA ครับ ส่วนโทนสีผิว อันนี้ต้องบอกเลยว่าแล้วแต่ชอบครับ เพราะโทนสีผิวของ LEICA ก็จะมีความเฉพาะตัว
แต่ที่น่าสนใจ ก็คือการมี Filter ให้เลือกมากมาย ซึ่งเราสามารถเลือกโทนสีของแต่ละภาพให้เหมาะกับสภาพแสงโดยรวมได้ ไม่ว่าจะเลือกก่อนถ่าย หรือถ่ายเสร็จแล้วค่อยเลือก Filter ก็ทำได้เหมือนกัน
การถ่ายอาหาร ตัวกล้องก็เก็บรายละเอียดของอาหารได้ดีครับ มีความคมชัดถึงแม้จะซูมเข้าไปใกล้ๆ ก็ตาม ซึ่ง LEICA เองก็เป็นกล้องตัวนึงที่คนนิยมใช้ถ่ายเมนูอาหารครับ
สุดท้ายคือการซูม 120mm ความคมชัดยังอยู่ครบถึงแม้จะซูมภาพไปสุดระยะ Optical ที่ให้มา ใครที่ชอบเก็บภาพแบบไม่อยากเข้าไปใกล้ตัวแบบ เจ้าตัวนี้ตอบโจทย์เลยครับ
ด้าน Video ผมทดสอบที่ 1080p 60fps นะครับ รอบนี้ผมทดสอบกันสั่นไปในตัวเลย ด้วยการวิ่งไปด้วยถ่ายวิดีโอไปด้วยครับ ลองดูคลิปแล้วตัดสินกันเองนะครับ ว่าดีมั้ย
ส่วนกล้องหน้า ให้มา 32 MP, f/2.0 ระยะ 25mm แน่นอนว่าภาพที่ได้นี่จัดเต็มอยู่แล้วครับ ทั้งความคมชัด สีสัน การเก็บรายละเอียด สายเซลฟี่ถูกใจแน่นอน ด้านการถ่าย Video ก็ได้สูงสุด 4K 30fps ทำคอนเทนต์ลงโซเชียลได้สบายๆ
Advanced AI
มาต่อกันที่ส่วนสุดท้าย ที่เป็นไฮไลต์ของเจ้าตัวนี้กันเลยครับ นั่นคือ Advanced AI ที่ทางเสียวหมี่ร่วมมือกับ Google Gemini เป็นอีกแบรนด์ที่มี AI มากกว่าแค่การประมวลผลหลังบ้านธรรมดา
สำหรับ AI ที่เปิดให้ใช้ได้แล้ว และที่กำลังจะเปิดให้ใช้เร็วๆ นี้ก็มีตั้งแต่ Circle to Search, AI Notes, AI Image Editing, AI Recorder, AI Portrait และ AI Interpreter
สำหรับฟีเจอร์ที่จะลองให้ดู เรามาเริ่มต้นกันที่ Circle to Search กันก่อนเลยครับ วิธีการใช้ก็ง่ายๆ หลังจากเปิดภาพที่อยากค้นหาแล้ว ก็กดปุ่ม HOME ค้างเอาไว้ จากนั้นก็วงจุดที่อยากค้นหาได้เลย
มาต่อกันที่ AI Notes วิธีใช้ก็แค่เปิด NOTES ในแอปฯ ขึ้นมาใช้งาน เหนือแป้นพิมพ์เราจะเห็นคำว่า AI อยู่ทางซ้ายบน พอกดเข้าไปก็จะเห็นว่ามันสามารถทำได้ 4 อย่างครับ คือ AI Summary หรือการสรุปความ AI Layout คือการจัดรูปแบบหน้า AI Proofreading คือการตรวจคำผิดต่างๆ และ AI Translate คือการแปลภาษา
สำหรับฟังก์ชันต่างๆ ตอนนี้ยังไม่รองรับภาษาไทยทั้ง 100% นะครับ ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ก็คาดว่าทางเสียวหมี่จะพัฒนาให้รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ
ในส่วนของ Gallery ปัจจุบันถึงแม้จะยังไม่เป็นฟังก์ชันที่ขึ้นเป็น AI แต่หากเข้าไป Edit รูปภาพ แล้วเลือกเมนู Erase ก็จะเห็นว่ามันมีฟังก์ชันในการลบวัตถุ หรือลบคนออกจากภาพได้อยู่แล้ว ซึ่งในรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง 13T ก็ใช้ได้ครับ
สรุป รีวิว Xiaomi 14T Pro
ก็ประมาณนี้ครับ สำหรับการ รีวิว Xiaomi 14T Pro เป็นยังไงบ้างครับ การแข่งขันจากค่ายจีนรอบนี้ต้องถือว่าดุเดือดทีเดียว ถ้าถามความเห็นส่วนตัว ผมคงบอกได้เลยว่า หลังจากนี้ AI ต่างๆ ที่ Gemini ทำได้ มันจะทยอยเข้ามาให้ใช้งานเรื่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่าเสียวหมี่เองก็แบรนด์หนึ่งที่พัฒนาได้รวดเร็ว นอกจากนี้ยังมี LEICA ที่เป็นจุดเด่นด้านการถ่ายภาพอีก ทำให้เพิ่มน่าสนใจมากขึ้นทีเดียว
สำหรับราคา ในรุ่นความจุ 12GB+512GB อยู่ที่ 21,990 บาท ส่วนความจุ 12GB+1TB อยู่ที่ 24,990 บาท แต่หากใครที่คิดว่า ไม่ PRO ก็ได้ ก็จัดตัวเริ่มต้นได้ครับ สเปคต่างกันเล็กน้อยเท่านั้น เริ่มต้นความจุ 12GB+256GB ที่ 15,990 บาท
แล้วคุณผู้ชมคิดเห็นอย่างไรก็คอมเมนต์มาพูดคุยกันได้ครับ สำหรับวันนี้ผม แสบ ทรงกลด ลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ
