Thailand Privilege Card ผู้ให้บริการเอกสิทธิ์ทางด้านวีซ่าพำนักระยะยาวพร้อมสิทธิประโยชน์เหนือระดับ ภายใต้การกำกับดูแลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2567 ว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหลักมาจากการขยายฐานสมาชิกใหม่ ควบคู่ไปกับการรักษาฐานสมาชิกเดิม ด้วยการมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับ รวมถึงการบูรณาการกลยุทธ์การสื่อสารทั้งในและต่างประเทศ ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพ โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นยกระดับสิทธิประโยชน์และบริการต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของชาวต่างชาติที่พำนักระยะยาวในประเทศไทย
มนาเทศ อันนวัฒน์ เพรสซิเดนท์ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด กล่าวว่า “ภาพรวมการดำเนินงานของ Thailand Privilege Card ประจำปี 2567 เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินงานในหลายมิติ อาทิ การเปิดตัวบัตรสมาชิกประเภทใหม่ ‘Bronze Card’ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ด้วยค่าธรรมเนียมเริ่มต้นที่ 650,000 บาท พร้อมสิทธิประโยชน์พื้นฐาน อาทิ บริการสนามบิน (Fast Track Immigration) และบริการผู้ช่วยส่วนตัว (Elite Personal Assistant – EPA) เพื่ออำนวยความสะดวกสบายแก่สมาชิก”
“นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำ ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น Stay, Travel, Leisure, Health & Well-being และ Wealth เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุด และยกระดับประสบการณ์เหนือระดับให้แก่สมาชิก รวมถึงการจัดกิจกรรมโรดโชว์ในต่างประเทศ เพื่อประชาสัมพันธ์บัตรสมาชิก และเข้าร่วมงานเทรดแฟร์ต่างๆ ตลอดจนการร่วมมือกับตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ (GSSA) เพื่อเสริมสร้างการรับรู้ของแบรนด์ และกระตุ้นยอดขายในตลาดเป้าหมาย ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทฯ มียอดสมาชิกจำนวน 37,603 ราย” มนาเทศ กล่าวเสริม
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2568 Thailand Privilege Card ยังคงมุ่งเน้นการขยายฐานสมาชิก ทั้งในกลุ่มเป้าหมายเดิม และกลุ่มเป้าหมายใหม่ เช่น รัสเซีย อินเดีย ตะวันออกกลาง พม่า เกาหลี และประเทศอื่นๆ ที่มีศักยภาพ ผ่านช่องทางการสื่อสารรูปแบบใหม่ ควบคู่ไปกับการพัฒนาการบริการ และการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร อาทิ BDMS ในฐานะพันธมิตรด้าน Health & Wellness เพื่อเจาะกลุ่มตลาดใหม่ เช่น กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ที่มีกำลังซื้อสูง และให้ความสำคัญกับสุขภาพ รวมถึงกลุ่มผู้ที่ต้องการเดินทางเพื่อการแพทย์ (Medical purpose) ซึ่งจะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมีประเทศที่ต้องรุกทำตลาดมากขึ้นคือ ญี่ปุ่น มีปัญหาค่าเงินเยนอ่อนลงทำให้ปีที่ผ่านมาลูกค้าเข้ามาน้อยลง เช่นเดียวกัน ไต้หวัน เริ่มเดินทางเข้ามาที่ไทยมากขึ้นจากปัจจัยด้านความขัดแย้งกับจีน ส่วนจีนที่เป็นลูกค้าอันดับ 1 แต่ปีนี้อาจมีการชะลอลงไป จากปัจจัยด้านความเชื่อมั่นในประเทศไทย และเศรษฐกิจในจีนเอง รวมถึงจีนมีนโยบายเที่ยวในปะเทศมากขึ้น
ส่วนกลุ่ม LGBTQIA+ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโอกาสในการดึงชาวต่างชาติมาจดทะเบียนในไทย เข้ามาจัดงานอีเวนต์มากขึ้น หลังไทยผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม
“บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า กลยุทธ์ต่างๆ ที่วางไว้ จะช่วยดึงดูดชาวต่างชาติกลุ่มเป้าหมายคุณภาพสูง เข้ามาพำนักระยะยาวในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และตอกย้ำภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางยอดนิยมระดับโลก” มนาเทศ กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ บัตรสมาชิก Thailand Privilege Card มีทั้งหมด 5 ประเภท ได้แก่
- BRONZE บัตรเริ่มต้น อัตราค่าธรรมเนียมสุดคุ้มเพียง 650,000 บาท สำหรับอายุการเป็นสมาชิก 5 ปี
- GOLD อัตราค่าธรรมเนียม 900,000 บาท อายุการเป็นสมาชิก 5 ปี พร้อมรับคะแนนสะสมปีละ 20 คะแนน
- PLATINUM อัตราค่าธรรมเนียม 1.5 ล้านบาท อายุการเป็นสมาชิก 10 ปี พร้อมรับคะแนนสะสม
- ปีละ 35 คะแนน
- DIAMOND อัตราค่าธรรมเนียม 2.5 ล้านบาท อายุการเป็นสมาชิก 15 ปี พร้อมรับคะแนนสะสมปีละ 55 คะแนน
- RESERVE อัตราค่าธรรมเนียม 5 ล้านบาท อายุการเป็นสมาชิก 20 ปี++ พร้อมรับคะแนนสะสมปีละ 120 คะแนน บัตรสุดเอ็กคลูซีฟ สำหรับกลุ่ม Ultra High Net Worth ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงสุดและบริการเฉพาะที่สะดวกรวดเร็วสำหรับสมาชิกบัตร Reserve จำกัดจำนวนสมาชิกปีละไม่เกิน 100 ท่านเท่านั้น
–อโกด้า เผย กรุงเทพฯ ฮอตสุด เทศกาลตรุษจีน ทั้งไทยเที่ยวไทย และ ต่างชาติเที่ยวไทย