ไปรษณีย์ไทย ชู Green Hub ปลุกวัฒนธรรมแยกขยะ สร้างมูลค่าใหม่จากสิ่งของเหลือใช้

ไปรษณีย์ไทย ชู Green Hub ปลุกวัฒนธรรมแยกขยะ สร้างมูลค่าใหม่จากสิ่งของเหลือใช้

ไปรษณีย์ไทย เดินหน้าสู่ความยั่งยืน ผลักดันโครงการ “Green Hub” รับกล่อง/ซองกระดาษ ซองพลาสติกกันกระแทก ขวดพลาสติก PET และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ 50 แห่งทั่วประเทศ ตั้งเป้ารับสิ่งของเหลือใช้กว่า 110 ตัน ร่วมมือพันธมิตร Upcycling และ Recycle สร้างประโยชน์สู่สังคม

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ประกาศเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่านโครงการ “Green Hub” “เส้นทาง…ความร่วมมือ รักษ์โลกไปรฯ ด้วยกัน” โดยมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าและคุณค่าจากสิ่งของที่ไม่ใช้แล้ว ผ่านการนำร่องเปิดจุดรับสิ่งของ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ 50 แห่งทั่วประเทศ โดยรับสิ่งของ 4 ประเภทหลัก ได้แก่ กล่อง/ซองกระดาษ, ซองพลาสติกกันกระแทก, ขวดพลาสติก PET และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างประโยชน์แก่สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวถึงที่มาของโครงการ Green Hub ว่า ด้วยศักยภาพเครือข่ายของไปรษณีย์ไทยที่มีอยู่ทั่วประเทศ ทำให้ไปรษณีย์ไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญที่สามารถเข้าถึงชุมชน ประชาชน และภาคธุรกิจได้ทุกระดับ จึงเป็นช่องทางสำคัญในการกระตุ้นให้ประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ โครงการ “Green Hub” เป็นการดำเนินงานภายใต้โครงการ “ไปรษณีย์เชื่อมสุข” ด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้ขยายผลสำเร็จจากแคมเปญ “reBOX” ที่รับกล่อง/ซองกระดาษที่ไม่ใช้แล้ว นำมารีไซเคิลเป็นสิ่งใหม่ อาทิ ชั้นวางหนังสือ ชุดโต๊ะ – เก้าอี้ เป็นต้น โดยการขยายผลในครั้งนี้เป็นการกระตุ้นและตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อม ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ ในที่ทำการไปรษณีย์ และงานอีเวนท์ด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อมในหลากหลายมิติ ตั้งแต่การคัดแยก วิธีการเก็บรวบรวมสิ่งของที่ไม่ใช้แล้ว รวมถึงการรับแต้ม Post Family เพื่อแลกรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากไปรษณีย์ไทย เมื่อเข้าร่วมโครงการ

“ในปีนี้ไปรษณีย์ไทยพร้อมผลักดันที่ทำการไปรษณีย์ให้เป็นศูนย์กลางในการดูแลสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการ “Green Hub” ภายใต้แนวคิด “เส้นทาง…ความร่วมมือ รักษ์โลกไปรฯ ด้วยกัน” โดยผนึกกำลังกับพันธมิตรในการนำสิ่งของที่ไม่ใช้แล้วเข้าสู่กระบวนการจัดการ โดยไปรษณีย์ไทยได้ตั้งจุดรับสิ่งของ 4 ประเภท ได้แก่ 1. กล่อง/ซองกระดาษ 2. ซองพลาสติกกันกระแทก (พลาสติกยืด) 3. ขวดพลาสติก PET (หมายเลข 1) 4. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปสู่การต่อยอดในเชิง Upcycling และ Recycle และกระตุ้นกระบวนการจัดการ/แปรรูปวัสดุที่ถูกต้อง ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดปริมาณขยะในประเทศ แต่ยังสามารถสร้างประโยชน์และมูลค่าใหม่ให้กับวัสดุเหลือใช้ โดยจะใช้ที่ทำการไปรษณีย์จำนวน 48 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และพื้นที่ต่างจังหวัดจำนวน 2 แห่ง คือ ไปรษณีย์จังหวัดชลบุรี และ ไปรษณีย์จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อรับและขนส่งวัสดุ/สิ่งของที่ไม่ใช้แล้ว และจะเดินหน้าขยายที่ทำการไปรษณีย์ในโครงการฯ เพิ่มขึ้น โดยมีแคมเปญหลักที่จะรองรับสิ่งของที่ไม่ใช้แล้วทั้ง 4 ประเภท ดังนี้

  • แคมเปญ “reBOX”: ร่วมมือกับบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) (SCG Packaging) รับกล่อง/ซองกระดาษไม่ใช้แล้ว ณ ไปรษณีย์ไทยทั่วประเทศ และจุดรับหน่วยงานพันธมิตร นำไปรีไซเคิลเป็น “กล่องไปรษณีย์เชื่อมสุข” เพื่อส่งมอบให้กับกลุ่มผู้เปราะบางทางสังคม
  • แคมเปญ “reBAG”: ร่วมกับ บริษัท ทีพีบีไอ จํากัด (มหาชน) (TPBI) รับพลาสติกยืด ประเภท Polyethylene (PE) เช่น ซองพลาสติกไม่ใช้แล้ว ถุง/ฟิล์มพลาสติกที่แห้ง สะอาด ยืดได้ เพื่อนำไปเปลี่ยนเป็น “ถุงขยะพลาสติก” ส่งมอบให้กับนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน
  • แคมเปญ “เทิร์นสุข”: ร่วมกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) รับพลาสติก ประเภท Polyethylene Terephthalate (PET) เช่น ขวดน้ำดื่ม เพื่อนำไปเปลี่ยนเป็น “ชุดนักเรียน” ส่งมอบให้กับนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน
  • โครงการ “E-Waste”: ร่วมกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS) รับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปสร้างสิ่งของใหม่ๆ ต่อไป

ดร.ดนันท์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ไปรษณีย์ไทยตั้งเป้าหมายในการยกระดับองค์กรให้เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงทุกคน ให้ตระหนักถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน รวมถึงการสร้างประโยชน์อื่นๆ จากพื้นที่ที่มีอยู่ ให้เกิดประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างสูงสุด โดยคาดการณ์ว่าประชาชนจะสามารถนำขยะทั้ง 4 ประเภทเข้าร่วมโครงการฯ ได้มากกว่า 110 ตัน และมีเป้าหมายสำคัญในการส่งต่อการ Upcycle และ Recycle ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น”

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ซิวแชมป์ “บริษัทที่ยั่งยืนที่สุดในโลก” สองสมัยซ้อน

Scroll to Top