ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย (UOB) และ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญ ในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนจากต่างประเทศสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
ความร่วมมือในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น โดยจะมีการนำเสนอโซลูชันทางการเงินที่หลากหลาย บริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน และการสนับสนุนด้านต่างๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนต่างชาติอย่างครบวงจร
ริชาร์ด มาโลนี่ย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของธนาคารในการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยธนาคารจะให้การสนับสนุนนักลงทุนทั้งในประเทศ ภูมิภาค และระดับนานาชาติอย่างครบวงจร เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญของภูมิภาค
จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กล่าวว่า ความร่วมมือกับธนาคารยูโอบี สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเชื่อมั่นว่าเครือข่ายที่แข็งแกร่งของธนาคารยูโอบี จะมีส่วนสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนที่มีศักยภาพเข้ามาลงทุนในพื้นที่ EEC
ความร่วมมือครั้งนี้ครอบคลุมประเด็นสำคัญต่างๆ ดังนี้:
- การนำเสนอโซลูชันทางการเงินที่ครบวงจร: ธนาคารยูโอบีจะนำเสนอโซลูชันทางการเงินที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนต่างชาติในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเริ่มต้นธุรกิจ การขยายธุรกิจ ไปจนถึงการบริหารจัดการทางการเงิน
- บริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน: ธนาคารยูโอบี และ สกพอ. จะร่วมกันให้คำปรึกษาแก่นักลงทุนต่างชาติในทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในประเทศไทย เช่น ข้อมูลด้านกฎหมาย ข้อบังคับ สิทธิประโยชน์ต่างๆ และโอกาสในการลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ
- การสนับสนุนด้านต่างๆ: ธนาคารยูโอบี และ สกพอ. จะให้การสนับสนุนนักลงทุนต่างชาติในด้านต่างๆ ที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เช่น การจัดหาคู่ค้า การสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ และการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
- การส่งเสริมการลงทุนใน EEC: ความร่วมมือในครั้งนี้จะมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ EEC ซึ่งถือเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย โดยจะมีการนำเสนอสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่น่าสนใจแก่นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่ EEC
อุตสาหกรรมเป้าหมาย
ความร่วมมือในครั้งนี้จะมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย:
- ยานยนต์ยุคใหม่: ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่สำคัญของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
- การแพทย์และสุขภาพ: ประเทศไทยมีระบบสาธารณสุขที่มีคุณภาพ และมีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนในอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ
- ดิจิทัลและนวัตกรรม: ประเทศไทยกำลังพัฒนาไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล โดยมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัลและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง
- เศรษฐกิจสีเขียวและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว โดยมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ความคาดหวังต่อความร่วมมือ
ความร่วมมือระหว่างธนาคารยูโอบี และ สกพอ. ในครั้งนี้ คาดว่าจะช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ การสร้างงาน และการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร
นอกจากนี้ ความร่วมมือในครั้งนี้ยังจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะประเทศที่น่าลงทุน และเป็นศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
–ททท. บุกตลาดอินเดียในงาน OTM 2025 หวังดันยอดนักท่องเที่ยวทะลุ 2.3 ล้านคนในปี 2568