โครงการลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt 2.0 ในปี 2568 ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการค้าปลีกของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ภายในบ้าน และสินค้าแฟชั่นและความงาม รายงานจาก The 1 Insight เผยให้เห็นถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Gen Z ที่มีความตื่นตัวในการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอย่างเห็นได้ชัด
“เครื่องฟอกอากาศ” แชมป์ยอดขาย 2 ปีซ้อน
ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี ทำให้ “เครื่องฟอกอากาศ” กลายเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโครงการ Easy E-Receipt 2.0 โดยมียอดขายเติบโตถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า การเติบโตนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของผู้บริโภคต่อปัญหาสุขภาพเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสินค้าที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตในยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ สินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอื่นๆ เช่น เครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องซักผ้า ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน
Gen Z ผู้นำเทรนด์การใช้จ่าย
กลุ่ม Gen Z มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของโครงการ Easy E-Receipt 2.0 โดยมียอดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า การเติบโตนี้แสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวของคนรุ่นใหม่ในการวางแผนทางการเงินและการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างชาญฉลาด
“แฟชั่น-บิวตี้” ยอดขายพุ่งทุกกลุ่มวัย
สินค้าในกลุ่มแฟชั่นและความงามได้รับความนิยมอย่างมากในโครงการ Easy E-Receipt 2.0 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่มีราคาสูง เช่น เครื่องประดับ นาฬิกา และสินค้าแบรนด์เนม ในขณะที่กลุ่มสินค้าความงาม เช่น เครื่องสำอางและสกินแคร์ ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทุกกลุ่มวัย
สินค้า OTOP และวิสาหกิจเพื่อสังคมเติบโต 2 เท่า
โครงการ Easy E-Receipt 2.0 ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นยอดขายสินค้า OTOP และสินค้าวิสาหกิจเพื่อสังคม โดยมียอดขายเติบโตขึ้นถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า กลุ่มผู้บริโภค Gen Y และ Gen X เป็นกลุ่มหลักที่ให้ความสนใจกับสินค้าเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าประเภทกระเป๋า เสื้อผ้า และเครื่องประดับ
สรุปเทรนด์การใช้จ่าย Easy E-Receipt 2.0
- “เครื่องฟอกอากาศ” ครองแชมป์สินค้าขายดี ยอดขายพุ่ง 4 เท่า
- Gen Z นำเทรนด์การใช้จ่าย ยอดใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 30%
- “แฟชั่น-บิวตี้” มาแรง ยอดขายพุ่งทุกกลุ่มวัย
- สินค้า OTOP และวิสาหกิจเพื่อสังคมเติบโต 2 เท่า
- Easy E-Receipt 2.0 สามารถใช้ลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงได้สูงสุด 50,000 บาท ต่อปี (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ 1. กลุ่มสินค้าและบริการทั่วไป สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30,000 บาท 2. กลุ่มสินค้า OTOP และสินค้าวิสาหกิจเพื่อสังคมสามารถลดหย่อนภาษีได้ 20,000 บาท
–เจาะกลยุทธ์ Marketing Mix Modeling (MMM) พลิกโฉมการตลาด คาดการณ์ยอดขายแม่นยำ