ก้าวสำคัญสู่พลังงานสะอาด! ENTEC สวทช. ร่วมมือ NEDO เปิดตัวไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME เทคโนโลยีล้ำ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุด 47% เตรียมผลักดันภาคขนส่งไทยสู่ยุคคาร์บอนต่ำ
ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ เปิดตัว “ไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME” นวัตกรรมเชื้อเพลิงสะอาดเพื่อการขนส่งคาร์บอนต่ำ ร่วมกับองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (NEDO) ประเทศญี่ปุ่น ในงานพิธีเปิดการนำร่องใช้งานที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่
H-FAME คืออะไร? ทำไมต้องพรีเมียม?
ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการ ENTEC เผยว่า ENTEC เริ่มศึกษาวิจัยไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 โดยได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงาน ทั้ง Japan International Cooperation Agency (JICA), Japan Science and Technology Agency (JST) และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ไบโอดีเซลชนิดนี้มีความเสถียรสูง สามารถผสมกับน้ำมันดีเซลในอัตราส่วนที่สูงขึ้นได้ โดยมีการทดลองผสมที่ร้อยละ 10 และร้อยละ 20 และทดสอบการใช้งานในรถกระบะ 4 ล้อ เป็นระยะทางรวมกว่า 150,000 กิโลเมตร ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าอัตราการสึกกร่อนของเครื่องยนต์ต่ำกว่าไบโอดีเซลธรรมดาอย่างมีนัยสำคัญ
ความร่วมมือระดับนานาชาติสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
โครงการทดสอบล่าสุดนี้ได้รับการสนับสนุนจาก NEDO ประเทศญี่ปุ่น ENTEC ได้สร้างโรงงานต้นแบบผลิตไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME 100% เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ผลการทดสอบภาคสนามในรถกระบะ 4 ล้อ, รถบรรทุกของบริษัท Sun-up Cooperation (Thailand) Co., Ltd. และรถฟอร์กลิฟต์ของบริษัท Hidaka Yokoo Enterprises Co., Ltd. แสดงให้เห็นว่า H-FAME 100% มีประสิทธิภาพเทียบเคียงน้ำมัน B7 และปล่อยฝุ่น PM น้อยกว่า โดยไม่ส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์
Hironori KAWAMURA, Chief Representative of Asian Representative Office in Bangkok ของ NEDO กล่าวว่า การสร้างโรงงานต้นแบบผลิตไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME อย่างต่อเนื่อง และการทดสอบใช้งานจริงในรถยนต์และเครื่องจักรกลหนัก ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในการผลักดันการใช้ไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคขนส่ง บริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นหลายแห่งที่มีฐานการผลิตในประเทศไทยต่างแสดงความสนใจในเทคโนโลยีนี้ ซึ่งจะช่วยยกระดับความร่วมมือด้านพลังงานสะอาดระหว่างไทยและญี่ปุ่นให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าไบโอดีเซลทั่วไป
Yuji YOSHIMURA, Senior Advisor at ENTEC บรรยายพิเศษถึงข้อได้เปรียบของ H-FAME โดยเฉพาะคุณสมบัติด้านความเสถียรที่สูงกว่า ลดการปล่อยไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) และการสึกกร่อนของเครื่องยนต์ ที่สำคัญคือสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 47% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เกิดการใช้งานอย่างแพร่หลายในอนาคต นอกจากนี้ หากสามารถขยายกำลังการผลิตได้ ต้นทุนจะเพิ่มขึ้นจากไบโอดีเซลธรรมดาเพียง 1 บาทต่อลิตรเท่านั้น
ตอบโจทย์มาตรการ CBAM และเป้าหมาย Net Zero
ดร.นุวงศ์ ชลคุป ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยพลังงานคาร์บอนต่ำ ENTEC และหัวหน้าโครงการ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทเอกชนในไทยและญี่ปุ่นหลายแห่งให้ความสนใจเทคโนโลยีไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME เป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่เพียงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ยังช่วยลดต้นทุนโดยรวมตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM) ที่จะส่งผลต่อต้นทุนการส่งออกสินค้าที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูง
อนาคตที่ยั่งยืนของพลังงานสะอาด
ปัจจุบัน โรงงานต้นแบบผลิตไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME สามารถผลิตไบโอดีเซลได้ 250 ลิตรต่อวันอย่างต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างหารือร่วมกับ NEDO เพื่อขยายกำลังการผลิตไปสู่โรงงานต้นแบบขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันการใช้พลังงานสะอาดทั้งในไทยและระดับสากล
“ไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME นับเป็นทางเลือกที่มีศักยภาพสูงสำหรับการลดการปล่อยคาร์บอนในภาคขนส่ง สอดคล้องกับมาตรการ CBAM และช่วยลดต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมให้แก่ภาคธุรกิจ การพัฒนาไปสู่โรงงานต้นแบบขนาดใหญ่จะเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานและการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในประเทศไทยและระดับสากล” ดร.นุวงศ์ กล่าว