ปัจจัยขับเคลื่อนหลักสามประการที่มีผลต่อการสร้างกระแสในระยะยาวในอุตสาหกรรมอาหาร ได้แก่ การเติบโตของประชากรและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความยั่งยืน
1.การเติบโตของประชากร และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร
ในขณะนี้มีประชากรประมาณ 8 พันล้านคนอาศัยอยู่บนโลก ถึงแม้ว่าต้องใช้เวลาหลายศตวรรษกว่าจำนวนประชากรโลกจะถึง 2 พันล้านคน แต่ตัวเลขดังกล่าวนั้นจะเพิ่มขึ้นถึง 10 พันล้านคนภายในปี 2593 ซึ่งหมายความว่า ในระยะเวลาไม่ถึง 30 ปี ประชากรโลก จะเพิ่มขึ้นประมาณหนึ่งในสี่ และด้วยสาเหตุนี้ เราจึงต้องเพิ่มแหล่งอาหารที่เรามีอยู่เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด
ในทศวรรษต่อไปจำนวนประชากรของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเพิ่มขึ้นถึง 100 ล้านคน แม้ว่าการวิจัยแสดงให้เห็นว่าประชากรในประเทศไทยจะลดลง 4 ล้านคนภายในปี 2593 ประเทศไทยจะพบกับความเปลี่ยนแปลงทางประชากรที่สำคัญนั่นคือประชากรวัยหนุ่มสาวมีจำนวนลดลงในขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุมีจำนวนเพิ่มขึ้น จาก 6.3 ล้านคนเป็น 15.4 ล้านคน ภายในปี 2593 เรียกได้ว่าประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
–แกร็บ เผยสินเชื่อร้านอาหาร 4 เดือนแรกโต 3 เท่า
–“เบทาโกร” ชู Smart Solutions มุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการอาหารเติบโตอย่างยั่งยืน
จากผลกระทบของจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกส่งผลให้ภายในปี 2593 ความต้องการอาหารเพิ่มขึ้น 70% หากลองนึกภาพถึงปริมาณอาหารจำนวนมหาศาลที่ประเทศไทยจะต้องผลิตและส่งออกทั่วโลก นอกเหนือจากความต้องการภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นแล้ว ประเทศไทยยังมีโอกาสในการส่งสินค้าออกมากขึ้น แต่หากจำนวนประชากรลดลง ประเทศไทยอาจประสบปัญหาด้านกำลังคน ดังนั้นจึงสามารถคาดการณ์ได้ว่าในอนาคตหุ่นยนต์จะเข้ามามีบทบาทในการผลิตพืชผลการเกษตร การทำฟาร์ม และการแปรรูปอาหารจนถึงจุดสิ้นสุดของห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) เป็นผลให้ผู้ผลิตอาหารสามารถคาดหวังรายได้ที่จะเติบโตอันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของประชากร ความต้องการ และราคาผลิตภัณฑ์
อุตสาหกรรมอาหารไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนแปลงของจำนวนประชากรเพียงอย่างเดียว เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและแนวโน้มการใช้ชีวิตยังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาหารอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่าง อาหารที่เป็นมิตรต่อผู้สูงอายุ ซึ่งกำลังเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นในกลุ่มสังคมผู้สูงอายุ นอกจากนี้ พฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ในการสรรหาอาหารประเภทต่างๆ เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ หรือตอบสนองความต้องการส่วนตัวบางอย่าง เช่น อาหารเพื่อลดความเครียด ก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
กระบวนการแปลงข้อมูลไปสู่รูปแบบดิจิทัล (Digitalization) ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิต เนื่องจากผู้คนมักจะใช้เวลาบนโทรศัพท์มือถือมากกว่าการออกไปข้างนอก ทำให้บริการจัดส่งออนไลน์และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเป็นที่นิยม และในอนาคตเราจะยังเห็นเทรนด์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ
ขยะจากอาหารเป็นปัจจัยสำคัญอีกปัจจัยหนึ่ง ในปัจจุบัน 33% ของอาหารทั่วโลกกลายเป็นขยะต้นตอของปัญหานี้อาจเกิดจากการที่อาหารถูกส่งไปผิดที่หรือการส่งอาหารมากเกินความจำเป็น ประเทศไทยมีการบริโภคอาหารประมาณ 17 ล้านตันต่อปี คิดเป็นขยะที่เกิดจากอาหารประมาณ 79 กิโลกรัมต่อคน เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 74 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ซึ่งถือว่ามีปริมาณมาก เช่น ในกรุงเทพฯ มีอาหารมากกว่า 5,000 ตันถูกทิ้งทุกวัน
2.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ผลกระทบของขยะที่เกิดจากอาหารมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจาก 26% ของก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดมาจากอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นหลายส่วน: 31% มาจากปศุสัตว์และการประมง 27% จากการผลิตพืชผล 24% จากการใช้ที่ดิน และ 18% มาจากห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) อาทิ การขาดแคลนน้ำ พื้นที่เพาะปลูกที่ลดลง คลื่นความร้อน และโรคทางทะเลที่ลดผลผลิตของการประมง ประเทศไทยตั้งเป้าที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้โดยให้คำมั่นว่าจะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 โดยใช้วิธีการกำจัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและการปลูกป่า และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2608 นอกจากนั้น การสร้างเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และ เศรษฐกิจสีเขียว (BCG) ยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็น
3.ความยั่งยืน
ปัจจัยที่สามคือความยั่งยืน ซึ่งก็คือความสมดุลระหว่างความต้องการทางสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจนั่นเอง คำว่าสิ่งแวดล้อมในที่นี้ไม่ใช่แค่การทำให้อุตสาหกรรมของเราปลอดคาร์บอนหรือเป็นกลางทางคาร์บอนเท่านั้น แต่มันคือการสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ที่เรามอบให้กับสังคมของเราโดยการปกป้องและรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
จากการวิเคราะห์ระบบอาหารที่ยั่งยืนและดัชนีความยั่งยืน 65% ของผู้บริโภคทั่วโลกมองหาผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยให้พวกเขามีชีวิตที่ยั่งยืนและแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น เมื่อเราลองนำตัวเลขมาเปรียบเทียบดูพบว่า 60% ของผู้บริโภคต้องการซื้อผลิตภัณฑ์จากบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อม และ 54% พยายามซื้อจากแบรนด์ที่ยืนหยัดในประเด็นทางสังคมหรือสิ่งแวดล้อม ในประเทศไทย 65% ของผู้บริโภคต้องการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม มีคนไทยเพียง 35% เท่านั้นที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่ผลิตอย่างยั่งยืน แต่ 65% และยินดีที่จะจ่ายเพิ่มหากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวลดการใช้พลาสติกและลดเศษอาหาร
ปัจจัยแรกของการขับเคลื่อน ได้แก่ การตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล (Personalization) จะกลายเป็นแนวโน้มสำคัญเมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันเปลี่ยนไป ในอดีต เราพูดว่า ‘คุณกินอาหารแบบใดเข้าไป ก็บ่งบอกถึงความเป็นตัวคุณ’ แต่วันนี้ ผู้คนมีแนวโน้มที่จะ ‘กินในสิ่งที่พวกเขาต้องการจะเป็นหรือแสดงออก’ มากขึ้น เนื่องจากผู้คนหันมาบริโภคตามความต้องการของไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป
“วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสู้โรคระบาด” (Health Intelligence) จะสนับสนุนเทรนด์ด้านการตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล เห็นได้จากผลิตภัณฑ์แนะนำการทดสอบโภชนาการให้กับลูกค้าซึ่งต่างจากการตรวจสุขภาพประจำปี การทดสอบวิธีนี้จะบอกว่าคุณต้องบริโภคอาหารอะไรและปริมาณเท่าไหร่ และ ‘เทคโนโลยีครัวอัจฉริยะ (Smart Kitchen / Dining Technologies)’ จะถูกนำมาใช้ในการเชื่อมต่อเครื่องใช้ในบ้าน เช่น เตาอบหรือตู้เย็น เพื่อรวบรวมข้อมูลจากผู้คนและประเมินความต้องการของตลาดเพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์เฉพาะให้กับแต่ละบุคคล
ปัจจัยที่สองคือ การส่งอาหาร (Food Delivery) โดยใช้เทคโนโลยี Digital Supply Chain จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ซึ่งในอนาคตเราอาจได้เห็นโดรนส่งอาหารให้กับลูกค้า ปัจจัยที่สามคือ แหล่งทางเลือก (Alternative Sources) ซึ่งจะมีความสำคัญเนื่องจากอุปสงค์เพิ่มขึ้นในขณะที่อุปทานลดลง ดังนั้นความต้องการแหล่งอาหารทางเลือกจึงเพิ่มขึ้นไปด้วย ปัจจัยถัดมาคือการทำการเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) เป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มผลผลิตโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อวิเคราะห์ว่าควรให้อาหารสัตว์ชนิดใดและจำนวนเท่าใดถึงจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ซึ่งเทคโนโลยีนี้ได้มีการนำมาใช้ให้เห็นกันแล้วในฟาร์มปลา ไก่ และหมู ในแง่ของ ขยะอาหารมีเทคโนโลยีที่สามารถนำมาใช้ในห่วงโซ่อุปทานดิจิทัลเพื่อคาดการณ์ความต้องการและวางแผนการจัดหาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดขยะอาหาร
ปัจจัยสุดท้ายคือ ระบบอาหารที่ยั่งยืนเพื่อธุรกิจอาหารที่โปร่งใส ซึ่งหมายถึงการรวบรวมข้อมูลตั้งแต่การทำฟาร์มและการป้อนวัตถุดิบในการแปรรูปอาหารไปจนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์สู่ตลาดและการติดตามแหล่งที่มาของอาหารเพื่อวัดความยั่งยืนและบรรลุเป้าหมาย SDG และ ESG แนวโน้มและเทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของเราในอนาคต
โดย มนตรี ตันติถาวร ผู้บริหารระดับสูง และหัวหน้ากลุ่มที่ปรึกษาด้าน Consumer Business Sector บริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด
AIS จับมือ OPPO เปิดตัว OPPO Find X8 Series สมาร์ทโฟนแฟลกชิป รุ่นล่าสุด ในราคาเริ่มต้นเพียง 18,999 บาท พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษให้กับลูกค้า AIS…
ออเนอร์ กรุ๊ป เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมสุดหรู "Once Wongamat" บนทำเลทองวงศ์อมาตย์ ชูจุดเด่นการออกแบบที่ผสานความหรูหรา และความยั่งยืนเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ กลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ออเนอร์ กรุ๊ป (Honour Group)…
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มอบประกันอุบัติเหตุจากกรุงไทย แอกซ่า ฟรี 30 ต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม - 31 ธันวาคม 2567…
พฤกษา โฮลดิ้ง ไม่หยุดยั้งที่จะสร้างสรรค์สังคมแห่งโอกาสที่เท่าเทียม เดินหน้าสู่ปีที่ 6 ของโครงการ “บ้านใส่ใจเพื่อคนพิการ By PRUKSA” โดยผนึกกำลังร่วมกับ โรงพยาบาลวิมุต และ อินโนโฮม คอนสตรัคชัน ในเครือ…
บาร์บีคิวพลาซ่า จับมือ วิตอะเดย์ สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการน้ำดื่มผสมวิตามิน ส่ง "วิตอะเดย์ กะหล่ำปลี วอเตอร์" รสชาติสุดว้าว พร้อมดึงพี่ GON ร่วมสร้างสีสัน เอาใจสายเฮลท์ตี้ แถมโปรโมชั่นสุดคุ้มชุดประหยัดหมู 2…
เคยไหม? เลื่อนฟีดโซเชียลมีเดียแล้วเจอคลิปโป๊ ๆ ของคนดัง หรือแม้แต่คนรู้จัก แต่เอะใจว่า...มันดูแปลก ๆ เหมือนไม่ใช่ตัวจริง นั่นอาจเป็นเพราะคุณกำลังเผชิญหน้ากับ "Deepfake Porn" ภัยร้ายยุค AI ที่กำลังระบาดหนักอยู่ในขณะนี้ Deepfake…