15 อาชีพเสี่ยงตกงานเพราะ AI ภายในปี 2030

15 อาชีพเสี่ยงตกงานเพราะ AI ภายในปี 2030

เทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI) หรือปัญญาประดิษฐ์ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ หรือการนำมาใช้ในภาคอุตสาหกรรม แต่ในขณะเดียวกัน AI ก็เป็นเหมือนดาบสองคมที่ทำให้หลายคนกังวลว่าในอนาคต AI จะเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ จนทำให้คนตกงานจำนวนมาก มีการคาดการณ์ว่า AI จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานทั่วโลกภายในปี 2030 โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่มีการศึกษาพบว่า 30% ของงานทั้งหมดอาจได้รับผลกระทบจาก AI ซึ่งแน่นอนว่า AI จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดต้นทุน และเพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน แต่ในทางกลับกัน AI ก็อาจจะเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ในบางอาชีพ โดยเฉพาะงานที่เน้นการทำงานซ้ำๆ หรือเป็นงานที่ใช้กฎเกณฑ์ตายตัว

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า AI จะไม่เข้ามาแทนที่งานของมนุษย์ทั้งหมด แต่จะช่วยสร้างงานใหม่ๆ ขึ้นมา เช่น นักพัฒนา AI นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล และงานที่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างมนุษย์กับ AI ดังนั้น สิ่งสำคัญคือเราต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยการพัฒนาทักษะ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่ AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญ

ทำไมบางอาชีพจึงมีความเสี่ยงที่จะถูกแทนที่ด้วย AI?

1. งานที่ทำซ้ำๆ และใช้กฎเกณฑ์ตายตัว

AI ถูกออกแบบมาให้ทำงานที่ซ้ำๆ และเป็นไปตามกฎเกณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การป้อนข้อมูล การทำบัญชีเบื้องต้น การตอบคำถามลูกค้า ซึ่งงานเหล่านี้ AI สามารถทำได้ดีกว่ามนุษย์ เพราะมีความแม่นยำ รวดเร็ว และไม่เหนื่อยล้า

2. งานที่ไม่ต้องใช้ทักษะด้านอารมณ์

งานบางอย่างต้องอาศัยทักษะด้านอารมณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และการเข้าสังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ยังไม่สามารถทำได้ดีเท่ามนุษย์ เช่น พยาบาล ครู นักจิตวิทยา ในขณะที่งานที่ไม่ต้องใช้ทักษะเหล่านี้ เช่น พนักงานบัญชี พนักงานฝ่ายผลิต จะมีความเสี่ยงที่จะถูกแทนที่ด้วย AI มากกว่า

3. งานที่เน้นประสิทธิภาพและต้นทุน

AI สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องพักผ่อน ไม่ต้องจ่ายค่าแรง และไม่ต้องมีสวัสดิการ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้องค์กรต่างๆ หันมาใช้ AI เพื่อลดต้นทุน เช่น การใช้ระบบชำระเงินอัตโนมัติในร้านค้าปลีก การใช้ AI ในการจัดการคลังสินค้า

4. งานที่ได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยี

เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้ AI สามารถทำงานได้หลากหลายมากขึ้น เช่น รถยนต์ไร้คนขับ อาจส่งผลกระทบต่องานในภาคขนส่ง เช่น คนขับรถบรรทุก คนขับแท็กซี่

15 อาชีพที่ AI อาจเข้ามาแทนที่ภายในปี 2030

1. พนักงานป้อนข้อมูล

AI สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ลดความจำเป็นในการใช้พนักงานป้อนข้อมูล

2. พนักงานขายทางโทรศัพท์

Chatbot และ Virtual Assistant ในยุค Gen AI ที่เข้ามาช่วยตอบคำถามลูกค้าได้เหมือนกับการคุยกับคนมากขึ้น สามารถตอบคำถามลูกค้า เสนอโปรโมชั่น และโทรหาลูกค้าได้ โดยไม่ต้องพักผ่อน และสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

3. พนักงานต้อนรับ

AI สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ามนุษย์ เช่น การลงทะเบียนผู้มาติดต่อ การนัดหมาย การตอบคำถามทั่วไป ทั้งในโรงแรม และสำนักงาน

4. ตัวแทนบริการลูกค้า

Chatbot สามารถตอบคำถามลูกค้า แก้ปัญหาเบื้องต้น และให้ข้อมูลต่างๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และตอบกลับได้ภายในเสี้ยววินาที โดยไม่ต้องมีพนักงานคอยให้บริการ

5. พนักงานบัญชี

ซอฟต์แวร์บัญชี สามารถจัดการธุรกรรมทางการเงิน กระทบยอดบัญชี และจัดทำรายงานภาษี ได้อย่างอัตโนมัติและแม่นยำ ลดความจำเป็นในการใช้พนักงานบัญชี

6. พนักงานเก็บเงิน

ระบบชำระเงินอัตโนมัติ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในร้านค้าปลีก ซึ่งช่วยลดต้นทุน และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า

7. คนขับรถบรรทุกและแท็กซี่

รถยนต์ไร้คนขับ กำลังถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเข้ามาแทนที่คนขับรถบรรทุก และแท็กซี่ ในอนาคต

8. นักพิสูจน์อักษร

AI สามารถตรวจสอบคำผิด ไวยากรณ์ และรูปแบบการเขียน ได้อย่างแม่นยำ ลดความจำเป็นในการใช้นักพิสูจน์อักษร

9. พนักงานฝ่ายผลิต

หุ่นยนต์ สามารถทำงานในโรงงานได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และต่อเนื่องโดยไม่ต้องพักผ่อน

10. พนักงานส่งของ

โดรน และระบบโลจิสติกส์ กำลังถูกพัฒน เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้า ซึ่งจะเข้ามาแทนที่พนักงานส่งของในอนาคต

11. เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

ระบบกล้องวงจรปิด ที่ใช้ AI สามารถตรวจจับความผิดปกติ และแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ได้อย่างรวดเร็ว ลดความจำเป็นในการใช้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

12. นักวิเคราะห์การตลาด

AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ ช่วยในการคาดการณ์แนวโน้ม และพฤติกรรมผู้บริโภค พร้อมคิดแคมเปญที่มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จออกได้อย่างรวดเร็ว

13. เภสัชกร

AI สามารถช่วยในการจ่ายยา และจัดการยา ลดความจำเป็นในการใช้เภสัชกรในบางกรณี

14. ผู้ช่วยทนายความ

AI สามารถช่วยทนายความในการวิเคราะห์สัญญา ตรวจสอบเอกสาร และคาดการณ์ผลคดี

15. นักวิเคราะห์การเงิน

AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน คาดการณ์แนวโน้มตลาด และให้คำแนะนำในการลงทุน

ทำไม AI ยังไม่สามารถแทนที่งานทั้งหมดได้?

ถึงแม้ว่า AI จะมีความสามารถมากมาย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ เช่น การเข้าใจอารมณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และการตัดสินใจในสถานการณ์ที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ยังทำได้ดีกว่า

1. อารมณ์และความเห็นอกเห็นใจ

AI ยังไม่สามารถเข้าใจอารมณ์ และแสดงความเห็นอกเห็นใจ ได้เท่ามนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในงานที่ต้องติดต่อกับผู้คน เช่น งานทรัพยากรบุคคล

2. ความคิดสร้างสรรค์

AI สามารถสร้างเนื้อหา และเสนอไอเดียได้ แต่ยังขาดความคิดสร้างสรรค์แบบมนุษย์ เช่น การเขียนบทความ หรือ การออกแบบกราฟิก

3. การมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์

งานบางอย่างยังต้องอาศัยการมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ เช่น นักวางแผนงานอีเวนต์ นักจิตวิทยา ซึ่ง AI ยังไม่สามารถทำได้ดีเท่ามนุษย์

4. การรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด

AI สามารถทำงานตามกฎเกณฑ์ แต่ยังไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ดีเท่ามนุษย์

ทั้งนี้ AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในโลกของการทำงาน และจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงาน ในอนาคต อย่างไรก็ตาม AI ยังไม่สามารถแทนที่ แรงงานมนุษย์ ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะงานที่ต้องอาศัย ทักษะเฉพาะของมนุษย์ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การเข้าสังคม และการแก้ปัญหา ดังนั้น เราควรเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยการพัฒนาทักษะ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยเพื่อที่จะอยู่รอด และประสบความสำเร็จในโลกของการทำงานที่มี AI เป็นส่วนหนึ่ง

#AI #ปัญญาประดิษฐ์ #อาชีพ #อนาคตการทำงาน #เทคโนโลยี #หุ่นยนต์ #แรงงานมนุษย์ #ทักษะ #การเปลี่ยนแปลง

ที่มา gaper.io

Scroll to Top