AI ที่ใครๆ ตื่นตัวว่าต้องมี แต่ 85% ของบริษัทไทยยังไม่ใช้กัน

AI ที่ใครๆ ตื่นตัวว่าต้องมี แต่ 85% ของบริษัทไทยยังไม่ใช้กัน

ในปี 2024 นี้ คงไม่มีธุรกิจไหนไม่พูดถึง AI หรือปัญญาประดิษฐ์ เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็จะมีแต่คนบอกว่า เรื่องนี้ เรื่องนั้น AI ทำแทนได้แล้ว แถมยังเร็วกว่า แม่นยำกว่าใช้คน และในระยะยาวยังช่วยประหยัดต้นทุนบริษัทได้

แน่นอนว่าจากคำบอกเล่า ใครฟังก็ต้องรู้สึกว่าดี ใช้ AI แล้วธุรกิจดูมีอนาคต แต่ทำไมยังมีองค์กรแค่ 15% ที่ใช้ AI กับธุรกิจแล้วจากการสำรวจในปี 2023 ที่ผ่านมา

ซึ่งก่อนจะไปถึงประเด็นเรื่องจำนวนองค์กรที่ใช้ AI เรามาดูกันว่าในปัจจุบัน AI เข้ามาประยุกต์ใช้กับธุรกิจในด้านใดได้บ้าง ซึ่งเราจะขอจำแนกออกเป็น 3 รูปแบบ คือ

Machine Learning AI: ตัวนี้จะเป็นระบบที่พัฒนาโดยการเรียนรู้ข้อมูลซ้ำแล้วซ้ำอีกจนได้โมเดลที่ดีที่สุด จะเข้ามาช่วยเรื่องการพยากรณ์ การตัดสินใจ และยังใช้ตรวจจับการฉ้อโกงได้อีกด้วย

Natural Language Processing AI: เข้ามาช่วยด้านการสื่อสารระหว่างคนและคอมพิวเตอร์ เช่น การตอบคำถามอัตโนมัติ และการแปลภาษา

Computer Vision AI: เข้ามาช่วยด้านการรับรู้และวิเคราะห์ภาพกับวิดีโอ เช่น พวกระบบ Face Recognition หรือระบบตรวจจับใบหน้า รวมไปถึงการจดจำวัตถุต่างๆ

AI ช่วยธุรกิจอย่างไร?

เมื่อนำความสามารถของ AI เหล่านี้มาแยกลงไปในรายธุรกิจก็จะเห็นประโยชน์และ Use Case ที่เกิดขึ้นแตกต่างกันออกไป เช่น

การบริการลูกค้า: เช่นการพัฒนา Chatbot ให้เข้ามาช่วยตอบคำถามและแก้ปัญหาของลูกค้าที่สามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก ซึ่งตรงนี้จะช่วยลดการทำงานของคนที่ต้องมาคอยตอบคำถามเดิมซ้ำๆ กับลูกค้าได้ และยังเป็นการช่วยสแกนลูกค้าก่อนเข้าถึง Call Center ที่เป็นคนจริงได้ด้วย ซึ่งในยุค GenAI ยังพบว่า Chatbot สามารถตอบคำถามได้ฉลาดมากขึ้น

การตลาด: เข้ามาช่วยการตลาดวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าที่อยู่ในระบบเป็นจำนวนมาก เพื่อช่วยนักการตลาดเข้าใจความต้องการของลูกค้า และออกแคมเปญที่ตรงใจกับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น แม่นยำขึ้น หรือการทำให้ลูกค้าเห็นโปรโมชั่นที่เป็น Personalize มากขึ้น

การบริหารจัดการการผลิต: AI เข้ามาปรับเปลี่ยนสายการผลิตจากรูปแบบเดิมๆ ให้เป็นระบบอัตโนมัติ ควบคุมคุณภาพและปริมาณได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังช่วยคาดการณ์และวางแผนการผลิตได้ด้วย

การรักษาความปลอดภัย: แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ ด้านการใช้ AI ในพื้นที่ต่างๆ เช่นการนำ AI เข้ามาช่วยตรวจจับใบหน้าของผู้เข้ามาในอาคาร และตรวจพฤติกรรมที่ผิดปกติได้ ตรงนี้จะเข้ามาช่วยการทำ Smart City ได้ดียิ่งขึ้น ส่วนในโลกดิจิทัล AI จะถูกนำมาใช้กับการตรวจจับด้านความปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงการฉ้อโกงต่างๆ ได้

ซึ่ง 4 ด้านนี้เป็นตัวอย่างคร่าวๆ เพราะ AI ยังมีความสามารถอีกหลากหลายได้ไม่ว่าจะเป็นด้านการจัดการทรัพยากรมนุษย์ การจัดการคลังสินค้า การจัดการด้านบัญชีและการเงิน 

ทำไม องค์กรธุรกิจส่วนมากยังไม่ใช้ AI

พรเทพ วัชรอำนวย กรรมการบริหาร บริษัท อินแกรม ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผลสำรวจจาก AI Thailand Annual Report ในปี 2023 จาก 565 บริษัท พบว่ามีเพียง 15.2% ที่นำ AI มาใช้กับการดำเนินธุรกิจแล้ว ขณะที่ 56.6% อยู่ในช่วงระหว่างการตัดสินใจ และมีเพียง 28.2% ที่ยังไม่สนใจนำ AI มาใช้กับธุรกิจในขณะนี้

ซึ่งหากตีตัวเลขกลมๆ คือมีเพียง 15% เท่านั้นที่ใช้ AI แล้ว และส่วนมากยังเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีเงินทุนมากพอจะลงทุนกับ AI ส่วนที่เหลืออีก 85% ทำไมเขายังไม่ใช่กัน ทำไมถึงยังตัดสินใจหรือไม่สนใจ เป็นเพราะอะไร ลองมาดูปัจจัยกัน

กังวลด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว: จากกฎหมาย PDPA ที่ออกมาทำให้ธุรกิจต้องทบทวนก่อนจะนำ AI เข้ามาช่วยในการทำงาน เพราะการให้ AI ดีงข้อมูลไปใช้อาจจะเสี่ยงจากการรั่วไหลหรือถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิดได้ 

ความซับซ้อนและความยาก: ถึงแม้ AI จะมีมาสักระยะแล้ว แต่บางธุรกิจยังขาดความรู้ความเข้าใจ และมองว่าเป็นเรื่องยาก ถึงแม้จะมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูแล แต่การจะให้ทั้งองค์กรเข้าใจ AI ไปพร้อมกันยังเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก

ยังไม่เชื่อใจเต็มร้อย: แน่นอนว่าการให้ AI เข้ามาช่วยประมวลผลนั้นมีความรวดเร็ว แต่เราจะเห็นว่า บางครั้ง AI ก็มีหลุดบ้าง ซึ่งคำตอบที่ได้มาอาจจะดูมีเหตุมีผล แต่ใช่ว่าข้อมูลที่ได้มาจะแม่นยำและน่าเชื่อถือได้ ซึ่งหากองค์กรนำไปใช้ก็อาจจะส่งผลลบกลับมายังไม่พร้อมลงทุน: แน่นอนว่าการลงทุนกับ AI ไม่ได้ใช้เงินแค่บาทสองบาท องค์กรโดยเฉพาะ SME ต้องคำนวณต้นทุนที่ลงไปแลกกับรีเทิร์นที่กลับมา ซึ่งบางครั้งยังไม่เห็นความชัดเจนว่าอีกกี่ปีถึงจะคุ้มทุน จึงเลือกทำงานในรูปแบบเดิมต่อไปคู่ขนานกับการศึกษาไปเรื่อยๆ

จับตา “มะลิ” หุ่นยนต์ที่มี Gen AI อยู่เบื้องหลังที่กำลังเข้ามาปฏิวัติงานบริการลูกค้า

Scroll to Top