เดลล์ เทคโนโลยีส์ เผย 5 เทรนด์ AI ปฏิวัติโลกปี 2025 ชี้ “Agentic AI” ตัวแปรสำคัญ องค์กรเร่งปรับตัวรับ “Sovereign AI”

เดลล์ เทคโนโลยีส์ เผย 5 เทรนด์ AI ปฏิวัติโลกปี 2025 ชี้ “Agentic AI” ตัวแปรสำคัญ องค์กรเร่งปรับตัวรับ “Sovereign AI”

เดลล์ เทคโนโลยีส์ จัดงาน Prediction 2025 ฉายภาพอนาคตเทคโนโลยี ชู Agentic AI ปฏิวัติการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ องค์กรทั่วโลกเร่งขยายการใช้ AI เชิงกลยุทธ์ พร้อมเผยแนวคิด “Sovereign AI” ขับเคลื่อนนวัตกรรมระดับประเทศ

ผลการคาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีปี 2025 ถูกเปิดเผยโดย จอห์น โรส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีระดับโลก และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่าย AI ของเดลล์ เทคโนโลยีส์ และ ปีเตอร์ มาร์ส ประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ญี่ปุ่น และจีน ชี้ AI เป็นเทคโนโลยีสำคัญขับเคลื่อนอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Agentic AI ที่จะเข้ามาพลิกโฉมการใช้งาน และ Sovereign AI ที่จะส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมในระดับประเทศ

จอห์น โรส กล่าวว่า “ทุกเทคโนโลยีในปัจจุบันล้วนเกี่ยวข้องกับ AI ไม่ว่าจะเป็นการใช้ประโยชน์จาก AI หรือมีศักยภาพในการทำงานร่วมกับ AI เรากำลังก้าวสู่ยุคของ AI ที่ทำงานอัตโนมัติ ตอบสนองได้รวดเร็ว และมีความสามารถในการวิเคราะห์เชิงลึก ซึ่งจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายที่ไม่เคยทำได้มาก่อน”

ปฏิวัติการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ด้วย Agentic AI

Agentic AI คือสถาปัตยกรรม AI รูปแบบใหม่ ที่ จอห์น โรส คาดการณ์ว่าจะเป็นเทรนด์สำคัญในปี 2025 โดย Agentic AI จะเปลี่ยนรูปแบบการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ จากเดิมที่คอมพิวเตอร์เป็นเพียงเครื่องมือที่รอรับคำสั่ง ไปสู่ระบบอัจฉริยะที่สามารถทำงานได้เองโดยอัตโนมัติ

Agentic AI เกิดจากการพัฒนาของ Generative AI ทำให้เอเจนต์ AI มีความสามารถในการทำงานที่ซับซ้อน สื่อสารด้วยภาษาธรรมชาติ และทำงานร่วมกับมนุษย์และเอเจนต์ AI อื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เอเจนต์ AI จะมีทักษะหลากหลาย ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ

ปีเตอร์ มาร์ส กล่าวเสริมว่า “ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (APJ) มีความก้าวหน้าอย่างมากในการนำ AI มาใช้งาน โดยมีการลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยี AI คาดว่าจะสูงถึง 110 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 การเติบโตนี้สะท้อนให้เห็นจากการขยายตัวของตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ที่รองรับ AI ในภูมิภาค”

การขยาย AI ในองค์กร: กลยุทธ์สู่ความสำเร็จ

จอห์น โรส เน้นย้ำถึงความสำคัญของการขยายการใช้งาน AI ในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยองค์กรต่างๆ เริ่มให้ความสำคัญกับผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) และมูลค่าทางธุรกิจจากโครงการ AI มากขึ้น มีการจัดตั้งคณะกรรมการ AI โดยเฉพาะ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการนำ AI มาใช้เชิงกลยุทธ์

“ปี 2025 จะเป็นปีแห่งการขยายการใช้งาน AI ในองค์กรอย่างแท้จริง” จอห์น โรส กล่าว

ปีเตอร์ มาร์ส กล่าวถึงความแตกต่างของการนำ AI ไปใช้ในองค์กรต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น โดยบางองค์กรมุ่งเน้นการขยายระบบ AI ที่มีอยู่ ขณะที่บางองค์กรยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากร และบริการ

ปีเตอร์ มาร์ส ยังยกตัวอย่างภาคบริการทางการเงิน ที่หลายองค์กรนำ AI มาใช้ในการตรวจจับการฉ้อโกง และนำมนุษย์ดิจิทัลมาให้บริการลูกค้า ในขณะที่ผู้ให้บริการด้านสุขภาพบางรายยังคงมุ่งเน้นการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับเครื่องมือวินิจฉัยที่ขับเคลื่อนด้วย AI

จอห์น โรส แนะนำว่า องค์กรควรจัดลำดับความสำคัญของกระบวนการทำงาน และวางรากฐาน AI ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการขยายการใช้งาน AI

ปีเตอร์ มาร์ส เสริมว่า “องค์กรต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กำลังใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยทางไซเบอร์ ปรับปรุงบริการคลาวด์ ปรับการเรียนรู้แบบเฉพาะบุคคล และปฏิรูปการผลิตภาพยนตร์”

Sovereign AI: ขับเคลื่อนนวัตกรรมระดับประเทศ

จอห์น โรส ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการพัฒนา Sovereign AI หรือปัญญาประดิษฐ์แบบพึ่งพาตนเอง ซึ่งหลายประเทศกำลังมุ่งเน้นการพัฒนาระบบนิเวศ AI ในประเทศ ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรม ภาษา และข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของข้อมูล

Sovereign AI ช่วยให้ประเทศต่างๆ สามารถสร้างมูลค่าและความแตกต่าง โดยใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานและข้อมูลของตนเอง ส่งเสริมระบบนิเวศ และทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศ

จอห์น โรส อธิบายว่า บางประเทศกำลังสร้างทรัพยากร AI ระดับชาติ เพื่อให้บริการทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ขณะที่บางประเทศส่งเสริมให้ภาคเอกชนเป็นผู้นำในการพัฒนาระบบนิเวศ AI

การผสานรวม AI กับเทคโนโลยีเกิดใหม่

จอห์น โรส กล่าวถึงศักยภาพของ AI ในการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเกิดใหม่ เช่น ควอนตัม คอมพิวติ้ง (Quantum Computing) อินเทลลิเจนท์ เอดจ์ (Intelligent Edge) และการรักษาความปลอดภัยแบบซีโร่ ทรัสต์ (Zero Trust) รวมถึงเทคโนโลยี 6G และดิจิทัล ทวิน (Digital Twins)

การผสานรวม ควอนตัม คอมพิวติ้ง กับ AI จะช่วยแก้ปัญหาที่ซับซ้อนในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น วิทยาศาสตร์วัสดุ การคิดค้นยา และการเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปัญหาที่การประมวลผลแบบเดิมไม่สามารถจัดการได้

จอห์น โรส ยังกล่าวถึงอิทธิพลของ AI ต่อหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การปฏิวัติการดำเนินงานเครือข่ายโทรคมนาคม และการเปลี่ยนแปลงของพีซีให้เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐาน AI เช่น พีซีที่รองรับ AI (AI-optimized PCs) และโซลูชัน AI ภายในองค์กร

AI พลิกโฉมตลาดแรงงาน

จอห์น โรส เน้นย้ำถึงผลกระทบของ AI ต่อตลาดแรงงาน โดยองค์กรต่างๆ จำเป็นต้องลงทุนในการพัฒนาทักษะด้าน AI ให้กับบุคลากร

เมื่อ Agentic AI เข้ามารับผิดชอบงานต่างๆ บทบาทของมนุษย์จะเปลี่ยนไปสู่การคิดเชิงกลยุทธ์ การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และการตัดสินใจที่ซับซ้อนมากขึ้น

“AI กำลังสร้างงานใหม่ๆ และเป็นตัวเร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งส่งผลดีต่อการจ้างงาน” จอห์น โรส กล่าว “AI สามารถทำงานพื้นฐานที่ซ้ำซ้อนได้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีงานใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย เช่น นักพัฒนาซอฟต์แวร์ นักแปล AI และวิศวกรระบบความร้อน”

ปีเตอร์ มาร์ส เห็นด้วยว่า การขาดแคลนบุคลากร และทรัพยากรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ทำให้การพัฒนาทักษะด้าน AI เป็นเรื่องเร่งด่วน

ปีเตอร์ มาร์ส กล่าวสรุปว่า “ความร่วมมือระหว่างมนุษย์กับ AI และระหว่างมนุษย์ด้วยกันเอง จะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตดิจิทัล”

#AI #AgenticAI #SovereignAI #DellTechnologies #Prediction2025 #เทคโนโลยี #นวัตกรรม #อนาคตดิจิทัล #ควอนตัมคอมพิวติ้ง #IntelligentEdge #ZeroTrust #DigitalTwins #เอเชียแปซิฟิก

BDI เดินหน้าขับเคลื่อน Big Data & AI หนุนเศรษฐกิจดิจิทัลไทย

Scroll to Top