สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA ร่วมกับ สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดแถลงผลการศึกษาในงาน “Thailand Digital Competitiveness: Way Forward for National e-Transaction” เพื่อเปิดผลวิเคราะห์ World Digital Competitiveness Ranking (WDCR) เน้น 10 อันดับตัวชี้วัด ที่ส่งผลต่อการขยับอันดับการพัฒนาความสามารถของด้านดิจิทัลของประเทศ เน้นที่เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางออนไลน์ ทั้งในด้าน Internet Retailing และ e-Government หลังจากที่ล่าสุด IMD ได้ประกาศผลว่าปี 2566 ไทยอยู่อันดับที่ 35 จากทั้งหมด 64 ประเทศ ถือเป็นการไต่อันดับดีขึ้น 5 อันดับจากปีที่แล้วที่ไทยอยู่อันดับที่ 40
มีธรรม ณ ระนอง รองผู้อำนวยการ ETDA กล่าวว่า ประเทศไทยมีแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2566-2570 ที่มุ่งเน้นให้ประเทศมีระบบนิเวศที่เหมาะสมต่อการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้การทำธุรกรรมฯ เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างโอกาส ความยั่งยืน และความได้เปรียบในการแข่งขัน (Competitive Advantage) มี 2 เป้าหมายภายใน 2570 คือ 1) เพิ่มสัดส่วนมูลค่าเพิ่มเศรษฐกิจดิจิทัลต่อ GDP เป็นร้อยละ 30 และ 2) ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ใน IMD-WDCR อยู่ใน 30 อันดับแรก ซึ่งล่าสุดวันนี้ (30 พ.ย.) สถาบัน IMD – International Institute for Management Development ได้เผยผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัลของโลก หรือ WDCR ประจำปี 2566 ว่า ประเทศไทยมีอันดับดีขึ้นถึง 5 อันดับ ขยับขึ้นมาอยู่ที่ อันดับ 35 จากเดิมปี 2565 อยู่อันดับที่ 40 และเมื่อวิเคราะห์รายตัวชี้วัดตามปัจจัยหลัก 3 ด้าน พบว่า ปีนี้มีอันดับดีในหลายด้าน โดยด้านเทคโนโลยี ((Technology) อยู่ในอันดับที่ 15 (เดิมอันดับที่ 20) ด้านความรู้ (Knowledge) อยู่ที่อันดับ 41 (เดิมอันดับที่ 45) และด้านความพร้อมในอนาคต (Future Readiness) อยู่ที่อันดับ 42 (เดิมอัันดับที่ 49)
จากผลการจัดอันดับฯ เป็นการสะท้อนความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัลของไทยดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและใกล้เข้าสู่อันดับที่ 30 ตามเป้าหมายมากขึ้น แต่ก็ยังต้องวางกลยุทธ์กันต่อ เพื่อโฟกัสตัวชี้วัดที่สอดคล้องกับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ จาก 54 ตัวชี้วัดทั้งหมด ที่่ IMD นำมาเป็นองค์ประกอบในการพิจารณาสถานภาพของไทย ดังนั้น ETDA จึงได้ร่วมกับ TMA ในการทำ “โครงการยกระดับอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันทางด้านดิจิทัล (WDCR – World Digital Competitiveness Ranking)” เพื่อวิเคราะห์ตัวชี้วัดและเสนอแนะกลยุทธ์เพื่อผลักดันการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน
โดยผลการศึกษาที่สำคัญ พบว่า ประเทศไทยจะต้องให้ความสำคัญกับ 10 ตัวชี้วัด จาก 3 ด้านหลัก ประกอบด้วย 1) ด้านความรู้ (Knowledge) ได้แก่ ทักษะด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี (Digital/Technological Skills), การจ้างงานทางวิทยาศาสตร์และความเชี่ยวชาญทางเทคนิค (Scientific and Technical Employment) 2) ด้านเทคโนโลยี (Technology) ได้แก่ การเริ่มต้นประกอบธุรกิจ (Starting a Business), การพัฒนาและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี (Development & Application of Tech) 3) ด้านความพร้อมในอนาคต (Future Readiness) ได้แก่ การค้าปลีกทางอินเทอร์เน็ต (Internet Retailing), รัฐบาลดิจิทัล (e-Government), ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnership), ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security), ความสามารถด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของรัฐบาล (Government Cyber Security Capacity), การคุ้มครองความเป็นส่วนตัวตามกฎหมาย (Privacy Protection by Law Content)
“ETDA ดำเนินงานโดยคำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะส่งผลต่อการขยับตัวชี้วัดของประเทศ โดยกำหนดอยู่ในเป้าหมายขององค์กร และเชื่อมโยงกับแผนในระดับชาติ เช่น มีการดำเนินงานเพื่อผลักดันการใช้งาน Digital ID (การพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล) สำหรับบริการภาครัฐและเอกชน ส่งเสริมการใช้งานเทคโนโลยี AI อย่างมีธรรมาภิบาล รวมถึง Digital Transformation ตลอดจนร่วมพัฒนา Ecosystem ที่เอื้อต่อการเพิ่มมูลค่าการทำธุรกรรมทางออนไลน์ เพื่อให้ไทยบรรลุเป้าหมายของการอยู่ใน 30 อันดับแรกได้จริง ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศในเวทีระดับโลกต่อไป”
วรรณวีรา รัชฎาวงศ์ กรรมการบริหาร TMA และหัวหน้าที่ปรึกษาโครงการฯ กล่าวว่า ผลการศึกษา สะท้อนว่า ตัวชี้วัด IMD-WDCR ที่เชื่อมโยงกับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ จำเป็นต้องอาศัยการดำเนินงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ETDA รวมไปถึง สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ตลอดจนหน่วยงานภายนอกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ปัจจุบัน สดช. เป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบการขับเคลื่อนการพัฒนาศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัล (Digital Competitiveness) ของประเทศ และเสนอให้หน่วยงานอื่นในประเทศที่เกี่ยวข้องกับตัวชี้วัดมีการกำหนดเป้าหมายของโครงการหรือกิจกรรมให้สอดคล้องกับเป้าหมายแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศ ทั้งนี้ แนวทางการขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบที่สามารถนำไปใช้ปฏิบัติเพื่อสร้างให้เกิดผลการเปลี่ยนแปลงได้จริง (Real Impact) ต้องมีกลไกการจัดเก็บข้อมูลเชิงสถิติภายในประเทศ และมีผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงของประเทศ (Country CIO) เพื่อขับเคลื่อน ติดตาม ให้คำแนะนำ การดำเนินงานต่างๆ
จากตัวชี้วัดที่มาจากผลการศึกษา พบว่า ประเทศไทยทำได้ดีในด้าน Starting a Business ที่ประเมินจากการเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลระหว่างรัฐกับฐานข้อมูลกลางของประเทศ ทำให้เห็นว่าการนำ Digital ID มาผนวกกับการให้บริการทางออนไลน์ได้ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในด้านข้อมูลส่วนบุคคล ที่ควรเป็นเรื่องพื้นฐานของคนไทยสำหรับการทำธุรกรรมทางออนไลน์
ในส่วนที่ต้องผลักดันเพิ่มมากขึ้น จะมีในด้าน Internet Retailing และ e-Government ที่เป็นตัวชี้วัดที่ควรให้ความสำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับประเทศที่มีตัวเลข Internet Retailing ที่สูง เพราะจะมีผลคะแนนเรื่องเหล่านี้ดีตามไปด้วย เพราะการขยับ 1 อันดับ (Ranking) ต้องมีการเพิ่มมูลค่าของ e-Retailing ไม่ต่ำกว่า 30% ซึ่งต้องทำควบคู่ไปกับการยกระดับในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ในองค์กร
ในด้าน e-Government ต้องเร่งพัฒนาการให้บริการภาครัฐ (Service Provision) กับการผนวก การให้บริการด้วย Digital ID ให้มีความปลอดภัยและเข้าถึงได้สะดวก รวมถึงการนำเทคโนโลยี AI มาช่วยสนับสนุนการให้บริการ ซึ่งต้องคำนึงถึงความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ที่ IMD ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
นอกจากนั้น ภายในงาน ETDA ยังได้เปิดเวทีเสวนาระหว่างผู้บริหารชั้นนำจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่ช่วยขับเคลื่อนด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ เพื่อสะท้อนมุมมองสถานการณ์ของไทย ประสบการณ์การผลักดันในระดับปฏิบัติการ เพื่อขับเคลื่อนการยกระดับขีดความสามารถด้านดิจิทัลของไทย รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้สะท้อนความต้องการการสนับสนุนของภาครัฐในด้าน e-Transaction อีกด้วย
สำหรับรายงานบทสรุปผู้บริหาร (Executive Summary) ผลการศึกษาที่สำคัญของโครงการยกระดับอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันทางด้านดิจิทัล (WDCR – World Digital Competitiveness Ranking) สามารถติดตามรายละเอียดการดาวน์โหลดได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก ETDA Thailand หรือ ที่เว็บไซต์ ETDA.or.th
AIS จับมือ OPPO เปิดตัว OPPO Find X8 Series สมาร์ทโฟนแฟลกชิป รุ่นล่าสุด ในราคาเริ่มต้นเพียง 18,999 บาท พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษให้กับลูกค้า AIS…
ออเนอร์ กรุ๊ป เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมสุดหรู "Once Wongamat" บนทำเลทองวงศ์อมาตย์ ชูจุดเด่นการออกแบบที่ผสานความหรูหรา และความยั่งยืนเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ กลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ออเนอร์ กรุ๊ป (Honour Group)…
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มอบประกันอุบัติเหตุจากกรุงไทย แอกซ่า ฟรี 30 ต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม - 31 ธันวาคม 2567…
พฤกษา โฮลดิ้ง ไม่หยุดยั้งที่จะสร้างสรรค์สังคมแห่งโอกาสที่เท่าเทียม เดินหน้าสู่ปีที่ 6 ของโครงการ “บ้านใส่ใจเพื่อคนพิการ By PRUKSA” โดยผนึกกำลังร่วมกับ โรงพยาบาลวิมุต และ อินโนโฮม คอนสตรัคชัน ในเครือ…
บาร์บีคิวพลาซ่า จับมือ วิตอะเดย์ สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการน้ำดื่มผสมวิตามิน ส่ง "วิตอะเดย์ กะหล่ำปลี วอเตอร์" รสชาติสุดว้าว พร้อมดึงพี่ GON ร่วมสร้างสีสัน เอาใจสายเฮลท์ตี้ แถมโปรโมชั่นสุดคุ้มชุดประหยัดหมู 2…
เคยไหม? เลื่อนฟีดโซเชียลมีเดียแล้วเจอคลิปโป๊ ๆ ของคนดัง หรือแม้แต่คนรู้จัก แต่เอะใจว่า...มันดูแปลก ๆ เหมือนไม่ใช่ตัวจริง นั่นอาจเป็นเพราะคุณกำลังเผชิญหน้ากับ "Deepfake Porn" ภัยร้ายยุค AI ที่กำลังระบาดหนักอยู่ในขณะนี้ Deepfake…