Intel เคยเป็นชื่อที่ใครๆ ก็รู้จักในวงการเทคโนโลยี เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของนวัตกรรมและความก้าวหน้า แต่ในปัจจุบัน Intel กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออนาคตของบริษัทอย่างรุนแรง
จุดเริ่มต้นของวิกฤติ
Intel เคยครองตลาดชิป CPU สำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) มายาวนาน แต่เมื่อโลกเปลี่ยนผ่านสู่ยุค AI และ Cloud Computing ความต้องการชิป CPU แบบเดิมๆ ก็ลดลง ขณะที่ความต้องการชิป AI และ GPU เพิ่มสูงขึ้น Intel กลับมองข้ามโอกาสนี้ และมุ่งเน้นไปที่การพัฒนา CPU แบบเดิมๆ มากเกินไป ทำให้คู่แข่งอย่าง Nvidia แซงหน้า และกลายเป็นผู้นำในตลาด AI
นอกจากนี้ Intel ยังประสบปัญหาในการผลิตชิป 10 นาโนเมตร ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้าสมัย ทำให้สูญเสียลูกค้ารายสำคัญ เช่น Nokia ไป การลงทุนสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ Intel ประสบปัญหาขาดทุน เนื่องจากความต้องการชิปลดลง ทำให้โรงงานเหล่านี้ “Over Capacity”
เกิดอะไรขึ้นกับ Intel ในวันนี้
- พลาดท่าตลาด AI: Intel พลาดโอกาสทองในการคว้าส่วนแบ่งตลาดชิป AI ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว คู่แข่งอย่าง Nvidia กลับกลายเป็นผู้ชนะในเกมนี้ ด้วยการพัฒนาชิปกราฟิกที่ตอบโจทย์การประมวลผล AI ได้อย่างเหนือชั้น
- การลงทุนที่ผิดพลาด: Intel ทุ่มเงินมหาศาลในการสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ แต่กลับประสบปัญหาขาดทุน เนื่องจากความต้องการชิปลดลง ประกอบกับต้นทุนที่สูงขึ้น ทำให้ Intel ต้องชะลอโครงการก่อสร้างโรงงานในเยอรมนีและโปแลนด์ออกไป
- การแข่งขันที่รุนแรง: Intel ต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น AMD ในตลาดชิป x86 หรือ Arm ที่กำลังมาแรงในตลาดชิปพลังงานต่ำ
- โครงสร้างองค์กรที่เทอะทะ: Intel มีระบบราชการภายในที่ซับซ้อน ทำให้การตัดสินใจล่าช้า และไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด
- ขาดความเชื่อมั่น: นักลงทุนเริ่มหมดความเชื่อมั่นใน Intel ส่งผลให้ราคาหุ้นตกต่ำอย่างต่อเนื่อง
สัญญาณเตือนภัย
สัญญาณเตือนภัยแรกๆ ของวิกฤติ Intel เริ่มปรากฏให้เห็นตั้งแต่ปี 2020 เมื่อบริษัทประกาศผลประกอบการขาดทุน และต้องปลดพนักงาน นับตั้งแต่นั้นมา Intel ก็เผชิญกับปัญหาต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- ราคาหุ้นตกต่ำ: ราคาหุ้นของ Intel ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ลดลง
- การลาออกของผู้บริหารระดับสูง: ผู้บริหารระดับสูงหลายคน ลาออกจาก Intel เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับทิศทางของบริษัท
- ความล่าช้าในการพัฒนาเทคโนโลยี: Intel ประสบปัญหาในการพัฒนาเทคโนโลยี 18A ซึ่งเป็นความหวังในการกลับมาแข่งขันในตลาดชิป
- การสูญเสียลูกค้า: Intel สูญเสียลูกค้ารายสำคัญ เช่น Nokia และ Broadcom ไปให้กับคู่แข่ง
ภารกิจกอบกู้วิกฤติ
Pat Gelsinger เข้ารับตำแหน่งซีอีโอของ Intel ในปี 2021 พร้อมกับภารกิจในการกอบกู้วิกฤติ Gelsinger ประกาศแผน “IDM 2.0” ซึ่งเป็นแผนฟื้นฟู Intel ครั้งใหญ่ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ
- กลับมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี: Intel จะทุ่มทุนในการวิจัยและพัฒนา เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีชิปที่ล้ำสมัย และกลับมาเป็นผู้นำในตลาดอีกครั้ง
- ขยายธุรกิจ Foundry: Intel จะเปิดรับผลิตชิปให้กับลูกค้าภายนอก เพื่อสร้างรายได้ และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
- สร้างโรงงานผลิตชิปในสหรัฐฯ และยุโรป: Intel จะลงทุนสร้างโรงงานผลิตชิปในสหรัฐฯ และยุโรป เพื่อลดการพึ่งพา TSMC และ Samsung
อย่างไรก็ตาม แผน IDM 2.0 ของ Gelsinger ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาของ Intel ได้ทั้งหมด บริษัทยังคงประสบปัญหาขาดทุน และต้องปลดพนักงาน
พิจารณาทางเลือก
เพื่อแก้ไขวิกฤติ Intel กำลังพิจารณาทางเลือกต่างๆ เช่น
- การขายกิจการบางส่วน: Intel อาจขายกิจการบางส่วน เช่น Altera และ Foundry Business เพื่อระดมทุน
- การปรับโครงสร้างองค์กร: Intel อาจปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพ
- การร่วมมือกับพันธมิตร: Intel อาจร่วมมือกับพันธมิตร เช่น TSMC เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี และผลิตชิป
อนาคตของ Intel จะเป็นอย่างไร?
อนาคตของ Intel ยังคงเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน หาก Intel สามารถแก้ไขปัญหา และกลับมาแข่งขันได้ ก็มีโอกาสที่จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่หากไม่ Intel อาจกลายเป็นเพียงตำนาน
ปัจจัยที่จะกำหนดอนาคตของ Intel
- ความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยี 18A: เทคโนโลยี 18A เป็นความหวังของ Intel ในการกลับมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี
- ความสามารถในการแข่งขันในตลาด AI: Intel ต้องพัฒนา GPU และ AI Accelerator ที่แข่งขันได้ เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดจาก Nvidia
- ความสำเร็จของธุรกิจ Foundry: Intel ต้องดึงดูดลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพื่อให้ธุรกิจ Foundry ประสบความสำเร็จ
- การสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ: รัฐบาลสหรัฐฯ มีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมชิปในประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ Intel
Intel กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติครั้งใหญ่ แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะพลิกฟื้น อนาคตของ Intel ขึ้นอยู่กับการปรับตัว และการตัดสินใจที่เฉียบคม ของผู้บริหาร
#Intel #IntelCrisis #Semiconductor #Chip #AI #Technology #Business #Nvidia #AMD #Qualcomm #Apple
ที่มา kaohooninternational.com , windowscentral.com , dqindia.com , ft.com , lightreading.com
–5G-Advanced ก้าวกระโดดแห่งเทคโนโลยีสื่อสารไร้สาย สู่ยุคแห่งการเชื่อมต่ออัจฉริยะ