Twitter เจาะลึก 3 อินไซต์มัดใจผู้บริโภคสายอาหารและเครื่องดื่ม

อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มนับได้ว่าเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่มีความสำคัญที่สุดของประเทศไทย โดยในช่วงก่อนที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีสัดส่วนประมาณ 23% ของ GDP และมีมูลค่าราว 2.6 ล้านล้านบาท แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดที่ผ่านมา แต่อุตสาหกรรมก็ยังคงไปได้ดี โดยเฉพาะในส่วนของอาหารและเครื่องดื่มบรรจุหีบห่อ จากการศึกษาของ HKTDC Research พบว่า 91% ของผู้บริโภคชาวไทยวางแผนว่าในอีกสามปีข้างหน้าจะใช้จ่ายในด้านอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มมากขึ้นหรือเท่าๆ กับที่ใช้อยู่ในขณะนี้

อาหารเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตประจำวันของคนไทย และทวิตเตอร์ก็เป็นที่ที่คนไทยเข้ามาพูดคุยกันทุกเรื่องที่เกี่ยวกับอาหาร ผู้คนบนทวิตเตอร์ให้ความสำคัญกับหัวข้อที่เกี่ยวกับอาหารและมีความสนใจในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มมากกว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วไปถึง 15%

ทีน่า แปง หัวหน้าฝ่าย Client Solutions ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของทวิตเตอร์ เปิดเผยถึงพลังของบทสนทนาบนทวิตเตอร์ที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ว่า “บทสนทนาเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มบนทวิตเตอร์เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาและเป็นหัวข้อที่ขับเคลื่อนด้วยความรักที่มีต่อทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับอาหารของชาวไทย เราพบว่าบทสนทนาที่เกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นถึง 26% เมื่อเทียบกับปีก่อน หลายๆ แบรนด์กำลังใช้ประโยชน์จากพลังของบทสนทนาบนทวิตเตอร์ในการเชื่อมต่อและสร้างเอ็นเกจเมนต์กับกลุ่มเป้าหมาย และยังช่วยเพิ่มผลลัพธ์ความสำเร็จจากการทำแคมเปญที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย และแคมเปญที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์”

1. บทสนทนาบนทวิตเตอร์ช่วยกระตุ้นความต้องการ

คนไทยชอบทวีตเกี่ยวกับอาหาร พร้อมทั้งการแชร์สิ่งใหม่ๆ, เทรนด์อาหารล่าสุด อาหารที่ต้องลอง การทวีตการรีวิวอย่างตรงไปตรงมา และยังแบ่งปันเคล็ดลับในการทำอาหาร ตลอดจน แจกสูตรอาหาร คนไทยมีการพูดคุยและเชื่อมต่อกันผ่านบทสนทนาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของอาหารนานาชนิดและสารพัดเครื่องดื่มทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

–The 1 for Business เผยเบื้องหลังความสำเร็จ ช่วยลูกค้าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ผ่าน The 1 Biz Audience+

ผู้บริโภคที่มีแพสชั่นในเรื่องของอาหารและคนที่ชอบพูดคุยถึงเรื่องอาหารต่างเข้าร่วมบทสนทนาในชุมชนที่เกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเข้าไปพูดคุยกับคนอื่นๆ และยังเป็นการจุดประกายบทสนทนาที่ทำให้ทวิตเตอร์ประเทศไทยลุกเป็นไฟ โดยเมื่อไม่นานมานี้ซุปตาร์หนุ่ม “แจ็คสัน หวัง” (@JacksonWang852) หนึ่งในสมาชิกวง GOT7 (@GOT7Official) ได้มาเยือนกรุงเทพฯ ซึ่งหลังจากที่เขาพูดถึงการออกไปกินอาหารมื้อดึก แฟนคลับก็รีบเปลี่ยนจากบทสนทนาที่เกี่ยวกับเพลงของหนุ่มแจ็คสันมาเป็นเรื่องของอาหารกันในทันที หลังจากนั้นชาวทวิตภพก็ได้มีการทวีตแชร์เมนูที่พี่แจ็คสั่ง ทวีตถึงเมนูอาหารไทยที่พี่แจ็คสั่งมากิน และยังทวีตแจกสูตรอาหารตามรอยพี่แจ็ค ให้กับแฟนคลับคนอื่นๆ เพื่อให้สามารถสัมผัสกับรสชาติอาหารตามที่พี่แจ็คสั่งมากิน

2. บทสนทนาเรื่องอาหารและเครื่องดื่มบนทวิตเตอร์เกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง

บทสนทนาที่เกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มบนทวิตเตอร์ประเทศไทยเติบโตขึ้น 26% และเกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง และยังพบว่าช่วงเวลามีการทวีตมากที่สุดคือ 9 โมงเช้า และบ่าย 3 โมง โดยบทสนทนาจะเพิ่มอีกครั้งอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืนไปจนถึงช่วงเช้าตรู่ เพราะว่าผู้บริโภคจะเข้ามาพูดคุยกันถึงของว่างมื้อดึกซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้แบรนด์ต่างๆ ใช้ประโยชน์จากเทรนด์ผู้บริโภคนี้ได้

ความต้องการอาหารและเครื่องดื่มบนทวิตเตอร์จะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองตามเทศกาลต่างๆ เนื่องจากเป็นหนึ่งในหัวข้อที่ถูกพูดมากที่สุด เช่น อาหารสำหรับฉลองในวันวาเลนไทน์ การพูดถึงอาหารจีนเลิศรสในเทศกาลตรุษจีน การแบ่งปันแผนการทำอาหารในช่วงคริสต์มาส ไปจนถึงขนมปีใหม่ที่ต้องไม่พลาด และเมนูเครื่องดื่มที่มีเฉพาะช่วงเทศกาล พูดง่ายๆ คือถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอาหารการกินก็ต้องยกให้คนไทย

ทั้งนี้ บทสนทนาที่เกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มไม่ได้จำกัดเฉพาะช่วงโอกาสสำคัญต่างๆ เท่านั้น แต่สามารถจุดประกายได้ตลอดเวลา เช่น หลังจบแมตคอนเท้นท์ช์รายการใหญ่หรือหลังจากการสอบไฟนอลเสร็จแล้วผู้คนก็จะฉลองกันด้วยอาหาร หรือบางคนก็ตามรอยเทรนด์อาหารจากไอดอลที่พวกเขาชื่นชอบ อย่างล่าสุดที่กลายเป็นประเด็นฮอตในบทสนทนา เมื่อลิซ่า Blackpink พูดถึง โรตีสายไหม อยุธยา ทวิตเตอร์ก็แทบลุกเป็นไฟเพราะแฟนๆ เข้ามาแชร์ร้านโรตีสายไหมเจ้าอร่อย บ้างก็ทวิตถึงโรตีที่ชอบกิน และทวิตถึงโรตีที่เคยเป็นความทรงจำในวัยเด็ก

3. การตัดสินใจซื้อสินค้าบนทวิตเตอร์เป็นเรื่องที่ละเอียดและลึกซึ้ง

ทวิตเตอร์เปรียบเสมือนบ้านที่เป็นแหล่งรวมของอาหารและเครื่องดื่มสำหรับคนไทย และยังเป็นการเปิดโอกาสให้แบรนด์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5 เคล็ดลับ ช่วยแบรนด์เพิ่มพลังให้กับแคมเปญอาหารและเครื่องดื่มบนทวิตเตอร์ประเทศไทย

1) รู้จักกลุ่มเป้าหมาย

การเข้าร่วมบทสนทนาของอาหารและเครื่องดื่มบนทวิตเตอร์จะทำให้ได้รู้จักกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ว่าพวกเขาชอบอะไร (และไม่ชอบอะไร) แม้ว่าบทสนทนาของอาหารและเครื่องดื่มบนทวิตเตอร์จะมีอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง แต่แบรนด์ควรจะพิจารณาว่ากลุ่มเป้าหมายกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่และพูดกันเมื่อไหร่แล้วปรับแคมเปญให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

2) ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาสำคัญ

เนื่องจากตลอดทั้งปีมีช่วงเวลาสำคัญแห่งการเฉลิมฉลองต่างๆ มากมาย แบรนด์จึงมีโอกาสในการเชื่อมต่อกับผู้บริโภคได้จากหลายๆ เทศกาล เราพบว่า 70% ของผู้คนบนทวิตเตอร์ประเทศไทยกำลังวางแผนที่จะซื้อของขวัญในช่วงเทศกาลวันหยุด และ 61% วางแผนที่จะใช้จ่ายในเรื่องของอาหารและเครื่องดื่ม ยกตัวอย่าง เลย์ประเทศไทย (@laysthailand) ที่ใช้ประโยชน์จากวันแห่งมันฝรั่งทอด “Potato Chip Day” ในการสร้างเอ็นเกจเมนต์กับแฟนๆ ชาวไทยบนทวิตเตอร์ด้วยคอนเท้นท์ที่สนุกๆ

3) เป็นคนแรกที่นำเทรนด์

ปฏิทินไม่สามารถบอกถึงช่วงเวลาสำคัญได้ทั้งหมดและไม่ใช่ว่าทุกช่วงเวลาจะสามารถวางแผนได้ล่วงหน้าแบรนด์จึงควรเข้าไปมีส่วนร่วมกับบทสนทนาและสร้างเอ็นเกจกับกลุ่มเป้าหมายในเรื่องของอาหารและเครื่องดื่มบนทวิตเตอร์ ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยให้แบรนด์สามารถระบุถึงเทรนด์ที่กำลังมาและสามารถเพิ่มปริมาณของบทสนทนาที่เกี่ยวกับแบรนด์ได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถนำบทสนทนาเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ต่อได้อีก เช่น วอลล์ประเทศไทย (@Walls_Thailand) ที่มองเห็นโอกาสจากอากาศร้อนในเดือนเมษายนปีนี้ จึงได้ออกแคมเปญต้อนรับซัมเมอร์ที่สอดคล้องกับความชอบของคนไทยบนทวิตเตอร์

4) สร้างแคมเปญให้บรรลุเป้าหมายของแบรนด์

หากต้องการกระตุ้นให้ผู้บริโภครับรู้ถึงผลิตภัณฑ์ใหม่หรือแบรนด์ใหม่ การใช้ทั้งคลิปวิดีโอและรูปภาพในการทำแคมเปญบนทวิตเตอร์จะสามารถเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์ได้มากขึ้น 1.5 เท่า และถ้าต้องการเพิ่มเอ็นเกจเมนต์ให้มากขึ้น การโฆษณาด้วยรูปแบบที่หลากหลายบนทวิตเตอร์จะช่วยเพิ่มความชื่นชอบที่มีต่อแบรนด์ให้เพิ่มขึ้นถึง 3.8 เท่า

5) สร้างการมีส่วนร่วมผ่านเครื่องมือโฆษณาที่หลากหลาย

หมดยุคของการคิดกลยุทธ์ทำแคมเปญรูปแบบเดียวแล้ว ปัจจุบันต้องใช้แคมเปญที่มีรูปแบบที่หลากหลาย เช่น การผสมผสานคลิปวิดีโอบนทวิตเตอร์ การโฆษณาแบบ Takeover และการทำคอนเท้นท์ที่แปลกใหม่จึงจะสามารถสร้างผลลัพธ์ให้กับแคมเปญของแบรนด์ได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งเราพบว่าชาวทวิตภพที่ชื่นชอบเรื่องของอาหารและเครื่องดื่ม 57% จะดูคลิปวิดีโอ 54% มีเอ็นเกจกับโฆษณาแบบ Takeover และ 47% จะรีทวีตข้อความที่ตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วม

• Facebook
• X
• Line