BMW เปิดเกมรุกปี 2568 อัดแน่นทัพยานยนต์รุ่นใหม่ พร้อมขยายธุรกิจสู่ความเป็นผู้นำตลาดพรีเมียมอย่างยั่งยืน

BMW เปิดเกมรุกปี 2568 อัดแน่นทัพยานยนต์รุ่นใหม่ พร้อมขยายธุรกิจสู่ความเป็นผู้นำตลาดพรีเมียมอย่างยั่งยืน

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย (BMW) ประกาศศักดาผู้นำตลาดรถยนต์พรีเมียมต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน พร้อมเปิดตัวกลยุทธ์แรกสำหรับปี 2568 ด้วยการส่งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่รวม 9 รุ่นลงสู่ตลาด ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการนำเสนอสมรรถนะและความล้ำสมัยจากสนามแข่งสู่ท้องถนน ควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจอย่างไม่หยุดนิ่ง

ความสำเร็จที่สร้างชื่อในปี 2567

แม้ตลาดรถยนต์พรีเมียมในไทยจะเผชิญความท้าทายรอบด้าน แต่บีเอ็มดับเบิลยูและมินิยังคงสร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยยอดส่งมอบรถยนต์รวม 13,659 คัน ครองส่วนแบ่งตลาด 45% โดยเฉพาะบีเอ็มดับเบิลยูที่ทำสถิติยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ 12,208 คัน รักษาตำแหน่งผู้นำได้อย่างเหนียวแน่น นอกจากนี้ การเปิดตัว New MINI Family ยังช่วยดันยอดส่งมอบมินิให้เติบโตขึ้นถึง 7.6%

ไม่เพียงเท่านั้น บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังสร้างชื่อในตลาดรถยนต์สำหรับลูกค้าองค์กร โดยมีส่วนแบ่งตลาดฟลีทในกลุ่มรถยนต์หรูเพิ่มขึ้นเป็น 70% ในปี 2567 หรือเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 27% สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ภาคธุรกิจมีต่อแบรนด์

ปี 2568: ปีแห่งการยกระดับประสบการณ์และความพึงพอใจ

เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทพร้อมเดินหน้าสู่ปี 2568 ด้วยความมุ่งมั่นที่แรงกล้าในการยกระดับทั้งนวัตกรรมการขับขี่และความพึงพอใจของลูกค้า โดยในปีที่ผ่านมา รถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรุ่นสมรรถนะสูงของบริษัทได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากตลาด ดังนั้น บริษัทจึงพร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยทัพรถยนต์ใหม่จากตระกูล M และ M Performance นำโดยบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 4 ใหม่ พร้อมด้วยมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ รุ่นแรกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และซูเปอร์ไบค์ บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ที่ผ่านการปรับโฉมใหม่

นอกจากนี้ บริษัทยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับเครือข่ายผู้จำหน่ายที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ภายใต้เป้าหมายที่จะนำแนวคิด ‘Retail Next’ เข้ามาเป็นหัวใจของโชว์รูมบีเอ็มดับเบิลยูทุกแห่งทั่วประเทศภายในสองปีข้างหน้า สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าทั้งในด้านการขายและบริการ

รถยนต์พลังงานไฟฟ้า: รากฐานสำคัญสู่อนาคตยานยนต์ไทย

ปี 2567 นับเป็นปีที่บีเอ็มดับเบิลยูสานต่อภารกิจการขับเคลื่อนนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารวม 6 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ iX3, i4, i7, iX, i5 และ iX2 ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมของบีเอ็มดับเบิลยูเติบโตอย่างก้าวกระโดด จาก 13.5% ในปี 2566 มาเป็น 22.6% ในปี 2567 และมีส่วนช่วยผลักดันให้ส่วนแบ่งตลาดพรีเมียมของบีเอ็มดับเบิลยูเพิ่มสูงขึ้นเป็นสถิติใหม่ที่ 39.9%

ขณะเดียวกัน การเปิดตัว New MINI Family ในปีที่ผ่านมา ก็เปิดโอกาสให้แฟน ๆ ชาวไทยได้เป็นเจ้าของมินิไฟฟ้าโฉมใหม่ ทั้งในรุ่นคูเปอร์ คันทรีแมน และน้องใหม่ล่าสุดอย่างเอซแมน ส่งผลให้ยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าของมินิเติบโตขึ้นกว่า 44% จากปีก่อนหน้า

ตระกูล M และ M Performance: ความเร้าใจที่เหนือกว่า

สำหรับแฟน ๆ ของบีเอ็มดับเบิลยู M การเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู M5 และ M4 CS ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 ที่ผ่านมา ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น และในปี 2568 แฟน ๆ เตรียมพบกับความเร้าใจยิ่งกว่าเดิม ด้วยรถยนต์ใหม่จากตระกูล M และ M Performance ที่จ่อคิวรอเปิดตัวเพิ่มเติมอีกตลอดปี

รางวัลแห่งความสำเร็จและความเชื่อมั่น

สถิติและผลการดำเนินงานในตลาดไทยทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าและตลาดที่มีต่อบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย โดยในปี 2567 บริษัทได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมากมาย อาทิ “Thailand’s Most Admired Company” สาขาอุตสาหกรรมยานยนต์ จากนิตยสาร BrandAge และรางวัลสาขาตลาดรถยนต์พรีเมียมจากเวที “No.1 Brand Thailand” โดยนิตยสาร Marketeer นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS ยังได้รับเลือกให้เป็นรถจักรยานยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีจากสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 และ i5 ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีและรถยนต์ไฟฟ้ายอดเยี่ยมแห่งปีด้วยเช่นกัน

เครือข่ายผู้จำหน่าย: มุ่งสู่ประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือระดับ

ผลการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าในปี 2567 เผยให้เห็นว่าบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ทำผลงานได้ดีขึ้นทั้งในด้านการขายและการบริการ ด้วยคะแนน Net Promoter Score (NPS) ด้านการขายที่ 95 คะแนน และด้านการบริการที่ 93 คะแนน นับเป็นสถิติสูงสุดสำหรับทั้งสองด้าน

ในปี 2568 บริษัทมุ่งมั่นที่จะพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นในทุกจุดสัมผัส โดยแนวคิด “Retail Next” ที่มุ่งเน้นการผสานนวัตกรรมดิจิทัลและงานออกแบบที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง จะขยายตัวครอบคลุมโชว์รูมและศูนย์บริการกว้างขวางขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มอัตราส่วนของโชว์รูมแบบ Retail Next จาก 60% เป็น 100% ทั่วประเทศภายในสองปีข้างหน้า

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยายความร่วมมือกับเครือข่ายผู้จำหน่ายด้วยการรับรองโชว์รูม “M Certified” เพิ่มอีก 3 สาขา และขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายมินิและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดอย่างต่อเนื่อง

มินิ: กลับสู่สายการผลิตในไทยอีกครั้ง

โรงงานและสายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ที่จังหวัดระยอง เตรียมต้อนรับมินิอีกครั้ง โดยมินิ คันทรีแมน รุ่นล่าสุด จะกลับสู่สายการผลิตในประเทศไทย เพื่อเปิดโอกาสให้แฟน ๆ ชาวไทยได้เป็นเจ้าของมินิรุ่นใหญ่ตัวนี้กันได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การกลับมาของมินิยังทำให้โรงงานแห่งนี้เป็นสายการผลิตแห่งเดียวในโลกของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่สามารถประกอบรถยนต์และรถจักรยานยนต์จากทั้งแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด

บริการทางการเงิน: ยกระดับด้วยนวัตกรรมดิจิทัล

บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นที่จะยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 บริษัทได้นำระบบอัตโนมัติแบบ Robotic Process Automation (RPA) เข้ามาใช้งาน และแนะนำเทคโนโลยีลายเซ็นแบบดิจิทัล ส่งผลให้กระบวนการอนุมัติสินเชื่อและการทำสัญญาเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

จริยา คูนลินทิพย์ ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายที่จะยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าให้สอดคล้องกับทิศทางในภาพรวมของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย โดยในปี 2568 บริษัทจะสานต่อภารกิจเหล่านี้ด้วยนวัตกรรมที่มี AI เป็นแรงขับเคลื่อน เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์และเข้าถึงบริการทางการ

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประกาศวิสัยทัศน์ปี 2568: มุ่งสู่ลักชัวรีรีเทลเต็มรูปแบบ พร้อมเปิดตัว AMG รุ่นใหม่เขย่าตลาด Motor Show 2025

Scroll to Top