CHANGAN Automobile ประกาศความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในวาระครบรอบ 40 ปี ด้วยยอดขายรถยนต์ทั่วโลกปี 2567 ทะลุ 2.683 ล้านคัน! เติบโตกว่า 5.1% สร้างสถิติสูงสุดในรอบ 7 ปี ตอกย้ำกลยุทธ์ “ความก้าวหน้าและการขยายตัวอย่างมั่นคง” ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันที่ดุเดือด ความสำเร็จครั้งนี้ขับเคลื่อนด้วย 3 กลยุทธ์หลัก 3 แบรนด์ดัง และ 3 สายการผลิตหลัก ส่งผลให้ CHANGAN ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์โลก พร้อมผงาดขึ้นเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมอัจฉริยะ ปล่อยคาร์บอนต่ำ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
CHANGAN เผยยอดขายรถยนต์ในกลุ่มธุรกิจหลักเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมียอดขายรถยนต์รวมทุกแบรนด์กว่า 2.23 ล้านคัน ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) พุ่งสูงขึ้น 52.8% แตะ 734,516 คัน และยอดขายในตลาดต่างประเทศทะยานขึ้น 49.6% อยู่ที่ 536,196 คัน สะท้อนความสำเร็จในการดำเนินงานที่โดดเด่น
3 แบรนด์ดัง AVATR – DEEPAL – CHANGAN บุกตลาด เขย่าวงการ
ความสำเร็จของ CHANGAN เกิดจากการดำเนินกลยุทธ์ที่เฉียบคม ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า “Mission of Shangri-La” กลยุทธ์เพื่อการพัฒนาแบบอัจฉริยะ “Dubhe Plan” และกลยุทธ์การขยายธุรกิจทั่วโลก “Vast Ocean Plan” ควบคู่กับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ พร้อมสร้างแบรนด์รถยนต์ 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ AVATR, DEEPAL และ CHANGAN ซึ่งมีรถยนต์ 3 รุ่นหลัก ได้แก่ CHANGAN UNI, CHANGAN NEVO และ CHANGAN LCV สร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ เสริมศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก และเพิ่มมูลค่าให้แก่ CHANGAN Automobile อย่างยั่งยืน
AVATR ยอดขายพุ่งทะลุเป้า! ผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับไฮเอนด์
AVATR แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับไฮเอนด์ มาพร้อมพลังขับเคลื่อนสองระบบ สร้างปรากฏการณ์ยอดขายถล่มทลายในปี 2567 ด้วยยอดขายรวม 73,606 คัน เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเฉพาะในไตรมาส 4 มียอดขายเกิน 10,000 คัน ติดต่อกันสามเดือน และทำสถิติสูงสุด 11,067 คัน ในเดือนธันวาคม ความสำเร็จของ AVATR ยังโดดเด่นในตลาดทุน ด้วยการระดมทุน Series C กว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมความร่วมมือเชิงลึกกับ CATL และพันธมิตร ขับเคลื่อน AVATR ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2568
DEEPAL เจาะตลาดคนรุ่นใหม่ ยอดขายทะลุ 243,800 คัน
DEEPAL แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่เน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และครอบครัว โดดเด่นด้วยภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและเทคโนโลยีล้ำสมัย ในปี 2567 DEEPAL ทำยอดขายรวม 243,800 คัน โดยมียอดขายสูงสุด 36,577 คัน ในเดือนธันวาคม และในช่วงปลายเดือนเดียวกัน DEEPAL ผลิตรถยนต์คันที่ 400,000 ทำลายสถิติอุตสาหกรรมด้วยระยะเวลาเพียง 29 เดือน ความสำเร็จของ DEEPAL S05, DEEPAL S07 และ DEEPAL L07 ทำให้ DEEPAL ตั้งเป้ายอดขายทั่วโลกในปี 2568 ไว้ที่ 500,000 คัน
CHANGAN NEVO ยอดขายพุ่ง 65% เตรียมเปิดตัว SUV รุ่นใหม่
ยนตรกรรมใหม่ในยุคดิจิทัล ทำยอดขายสะสมในปี 2567 ได้ 146,300 คัน โดยในเดือนธันวาคมมียอดขายกว่า 16,667 คัน เพิ่มขึ้น 65% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า CHANGAN NEVO ก้าวข้ามสถานะจาก “น้องใหม่” สู่ “ผู้สร้างมาตรฐานใหม่” ด้วยกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ “คุณค่าที่เหนือชั้นและการส่งมอบที่ตรงจุด” โดยในปี 2568 CHANGAN NEVO จะเปิดตัวรถ SUV ขนาดกลาง-ใหญ่รุ่นใหม่ รหัส C798 หรือชื่ออย่างเป็นทางการ “Q07” พร้อมด้วยรถยนต์อีก 2 รุ่น รหัส C390 และ B216
CHANGAN UNI และ CHANGAN LCV ตอกย้ำความสำเร็จ
ยังคงรักษาโมเมนตัมของแบรนด์คลาสสิก โดย CS75 PLUS รุ่นที่ 4 มียอดขายรายเดือนของซีรีส์ CS75 ทะลุ 30,000 คัน ส่วน CHANGAN LCV ผู้นำด้านนวัตกรรมการขนส่งอัจฉริยะคาร์บอนต่ำ มียอดขายในปี 2567 ถึง 221,000 คัน พร้อมปรับโฉมโลโก้แบรนด์เป็น “Cube Logo” และก้าวเข้าสู่ตลาดทุนอย่างมั่นคงหลังจากระดมทุน Series A กว่า 2,000 ล้านหยวน
นวัตกรรมดิจิทัล หัวใจสำคัญของความสำเร็จ
CHANGAN Automobile เติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2567 ด้วยการเปลี่ยนผ่านเชิงกลยุทธ์ การปรับโครงสร้างองค์กร และการยกระดับคุณภาพการดำเนินงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านยานยนต์พลังงานใหม่และยานยนต์อัจฉริยะ
ศูนย์วิจัยและพัฒนา เครือข่ายระดับโลก ขับเคลื่อนนวัตกรรม
CHANGAN ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา โดยสร้างเครือข่ายระดับโลก 10 แห่ง ใน 6 ประเทศ มีทีมงานกว่า 18,000 คน จาก 31 ประเทศและภูมิภาค รวมถึงศูนย์วิจัยและพัฒนา 16 แห่ง และบริษัทเทคโนโลยีอีก 17 แห่ง พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีสำคัญกว่า 2,251 รายการ เช่น การโต้ตอบอย่างเป็นธรรมชาติ การขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง และการทดสอบระบบไฟฟ้า โดย CHANGAN ได้รับการยกย่องจากศูนย์เทคโนโลยีวิสาหกิจแห่งชาติ (National Enterprise Technology Center) ว่ามีศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนาเป็นอันดับหนึ่งของอุตสาหกรรมติดต่อกัน 14 ปี จากการประเมิน 7 ครั้ง ปัจจุบัน CHANGAN กำลังก่อสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาระดับโลกเฟส 2 เพื่อก้าวสู่การเป็นแพลตฟอร์มชั้นนำด้านการวิจัยศาสตร์และศิลป์ในอุตสาหกรรมยานยนต์จีน
เทคโนโลยีแห่งอนาคต พลังงานสะอาด ยานยนต์อัจฉริยะ
CHANGAN ยังคงพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เช่น การลงทุนในแบตเตอรี่โซลิดสเตต (Solid-state Battery) การจัดตั้งสถาบันวิจัยแบตเตอรี่ล้ำสมัย การสร้างแบรนด์แบตเตอรี่ “Golden Shield” พร้อมเซลล์แบตเตอรี่มาตรฐานประสิทธิภาพสูง การผลิตเทคโนโลยีชาร์จเร็วแรงดันสูง 5C เชิงพาณิชย์ การพัฒนาระบบขับเคลื่อน Smart New BlueCore 3.0 และการปรับปรุงระบบจัดการแบตเตอรี่ดิจิทัล iBC นอกจากนี้ CHANGAN ยังพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลอัจฉริยะ เช่น การพัฒนาและผลิตสถาปัตยกรรม SDA ระดับโลก การพัฒนาระบบปฏิบัติการแบบครบวงจร และการสร้างห้องโดยสารอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI แบบหลากหลายโหมด รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ ระบบขับเคลื่อน และเทคโนโลยีตัวถังรถยนต์ ตอกย้ำศักยภาพความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี
เปิดกว้าง ร่วมมือ สร้างระบบนิเวศ ขนส่งครบวงจร
CHANGAN ดำเนินธุรกิจแบบเปิดกว้าง ร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกในการสำรวจเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น เทคโนโลยีด้านปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ รถยนต์บินได้ พร้อมสร้างระบบนิเวศใหม่สำหรับการขนส่งที่ครอบคลุมสามมิติ ทั้งทางทะเล ภาคพื้น และอากาศ
เป้ายอดขาย 3 ล้านคัน ในปี 2568
ด้วยความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และกลยุทธ์การขยายธุรกิจระดับโลก CHANGAN ได้รับการตอบรับจากตลาดอย่างท่วมท้น โดยได้ประกาศเป้าหมายการพัฒนา “3311” สำหรับปี 2568 ประกอบด้วย ยอดขายรวม 3 ล้านคัน รายได้ 3 แสนล้านหยวน ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ 1 ล้านคัน และยอดขายต่างประเทศ 1 ล้านคัน
ก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง สู่ผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์โลก
เพื่อบรรลุเป้าหมาย CHANGAN จะเปิดตัวยานยนต์พลังงานใหม่ 13 รุ่น ในปี 2568 เช่น AVATR 06, DEEPAL S09 และ NEVO C798 ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน เช่น เซลล์แบตเตอรี่อุณหภูมิต่ำและการชาร์จเร็ว การพัฒนาและปรับปรุงตัวถังอัจฉริยะ CHANGAN Tops และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบกระจาย การสร้างระบบนิเวศระบบปฏิบัติการ CHANGAN Tops OS การประยุกต์ใช้โมเดลภาษา CHANGAN Tops และการสร้างระบบขับขี่อัจฉริยะ CHANGAN ด้วยสถาปัตยกรรมแบบ end-to-end มุ่งสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมภายในปี 2570
ในอนาคต CHANGAN จะต่อยอดความสำเร็จในปี 2567 มุ่งสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพในปี 2568 โดยยึดมั่นในการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาดิจิทัล พร้อมเดินหน้าเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นบริษัทนวัตกรรมเทคโนโลยีโมบิลิตี้อัจฉริยะอย่างยั่งยืน และก้าวไปสู่การเป็นแบรนด์ยานยนต์ระดับโลกในที่สุด
–ฮอนด้าเผยโฉมรถต้นแบบ “Honda 0 Series” พร้อมระบบปฏิบัติการ “ASIMO OS” ลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้าปี 2569
