Honda e:N1 ยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของฮอนด้าในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่น แบรนด์หลักที่ผลิตในประเทศไทยเป็นแบรนด์แรก ภายใต้มาตรฐานการผลิตด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของฮอนด้า พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ของขุมพลังขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบที่ลงตัวกับการใช้งานในยุคปัจจุบัน
Honda e:N1 พัฒนาภายใต้แนวคิดการออกแบบที่คำนึงถึงผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง (Human-centered Development) โดยมุ่งเน้นการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานอันเป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้า มาพร้อม แพลตฟอร์ม e:N Architecture F แพลตฟอร์มที่รองรับการขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าที่มีประสิทธิภาพสูงจากฮอนด้า ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ ขุมพลังไฟฟ้าตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจจากการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 3-in-1 (Motor, Power Drive Unit และ Gearbox) ให้กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า (PS) มอบสมรรถนะที่แรงเร้าใจให้แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร ที่ผสานการทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 68.8 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ส่งผลให้สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 500 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
โดดเด่นด้วยดีไซน์อันสวยงาม เป็นเอกลักษณ์ บ่งบอกความเป็นยนตรกรรมไฟฟ้าด้วยโลโก้H Mark ใหม่ สไตล์พรีเมียมมินิมอล ที่มาพร้อมกับคำว่า Honda ภายใต้ฟอนต์ใหม่ที่ด้านหลังของตัวรถ ผสมผสานกับการตกแต่งภายในระดับพรีเมียม ห้องโดยสารกว้างสะดวกสบายพร้อมไฟสร้างบรรยากาศภายในสีฟ้า ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายในแบบยนตรกรรมเอสยูวี ที่สามารถเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้าย ด้วยการพับเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังแบบ 60:40พร้อมเชื่อมต่อไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายเข้าด้วยกันผ่านฟังก์ชันและเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่ใช้งานง่ายในทุกสัมผัส เช่น ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 15.1 นิ้วแบบ Advanced Touch ที่รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto ช่องเชื่อมต่อ USB 4 ตำแหน่งอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) อีกทั้งเทคโนโลยีการขับขี่และความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Information – BSI) ระบบเตือนเมื่อมีรถผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor – CTM) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) เซนเซอร์กะระยะ 8 จุด (8-position Parking Sensors) ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold มาพร้อมสีภายนอก สีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก)
การออกแบบภายนอก
Honda e:N1 ได้รับการออกแบบให้มีดีไซน์ที่พรีเมียม ล้ำสมัย มีเอกลักษณ์เฉพาะที่สะท้อนความเป็นยนตรกรรม
เอสยูวี ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่เรียบหรูที่เชื่อมต่อกับไฟหน้าพร้อมจุดชาร์จแบตเตอรี่ และเส้นสาย LED แสดงสถานะขณะกำลังชาร์จไฟในรูปแบบเฉพาะตัว ตอบรับกับการใช้เส้นสายในแนวนอนที่ยาวต่อเนื่องจากไฟหน้าไปจนถึงไฟท้าย มอบความรู้สึกสปอร์ตโฉบเฉี่ยวล้ำสมัย
การออกแบบภายใน
ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบเพื่อเน้นความสะดวกสบายเหนือระดับด้วยการใช้วัสดุคุณภาพสูง
ออกแบบด้วยแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ทำให้บรรยากาศภายในห้องโดยสารผ่อนคลายจากการจัดวางแสงที่นุ่มนวลพร้อมพื้นที่กว้างขวางสะดวกสบาย ยกระดับประสบการณ์ภายในห้องโดยสารด้วยไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารสีฟ้า (Blue Ambient Light) คอนโซลกลางได้รับการออกแบบใหม่ โดดเด่นด้วยหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.1 นิ้ว และมาตรวัดแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 10.25 นิ้ว การจัดวางปุ่มเกียร์ที่เรียบง่ายเข้ากับสวิตช์เบรกมือไฟฟ้า ฟังก์ชันในการขับขี่ต่างๆ จัดวางอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานง่าย ไม่ต้องละสายตาจากการขับขี่ สะดวกสบายทุกการเดินทางในทุกที่นั่ง ด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา ที่มาพร้อมระบบ Air Diffusion Systemมอบทิศทางลมที่หมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ กระจายลมได้อย่างเหมาะสม ทั่วถึงทั้งห้องโดยสาร พร้อมด้วยช่องปรับอากาศตอนหลัง
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะหนังดีไซน์สปอร์ตสีดำตกแต่งด้วยขอบสีขาวและด้ายสีฟ้า พร้อมปรับผังที่นั่งใหม่ให้รองรับสรีระและการบุนุ่มเพื่อรองรับส่วนที่สัมผัสบ่อย มอบความสบายตลอดการใช้งาน เบาะผู้โดยสารด้านหลังสามารถแยกพับแบบ 60:40 ที่สามารถปรับเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้อย่างสูงสุด โดยสามารถปรับเปลี่ยนได้ 2 รูปแบบ พร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ ได้แก่
Honda e:N1 ได้รับการพัฒนาบนแพลตฟอร์มขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า e:N Architecture Fของฮอนด้าที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานและมั่นใจ โดยผสมผสานจิตวิญญาณด้านสมรรถนะการขับขี่ของฮอนด้า กับสมรรถนะของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเข้าด้วยกันผ่านการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 3-in-1 (Motor, Power Drive Unit และ Gearbox) ให้กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์หรือ 204 แรงม้า (PS) มอบสมรรถนะที่แรงเร้าใจให้แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร ที่ทำงานเป็นทั้งระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ผสานการทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 68.8 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh)ทำให้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 500 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ทำงานกับระบบเกียร์ไฟฟ้าแบบสวิตช์ที่ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เพียงการกดปุ่มที่แผงเกียร์ที่บริเวณคอนโซลกลาง
จุดชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้าอยู่บริเวณกระจังหน้าของตัวรถใต้โลโก้ H Mark จะมีปุ่มสีดำด้านหน้าเพื่อกดเปิดจุดชาร์จ ซึ่งสามารถรองรับหัวชาร์จ แบบ DC CCS 2 และแบบ AC Type 2 มาพร้อมไฟสีต่างๆ แสดงสถานะการชาร์จ มอบประสบการณ์ใหม่ที่ง่ายต่อการใช้งาน โดยขณะกำลังชาร์จไฟ แถบไฟแนวนอนจะกะพริบเบาๆ จากซ้ายไปขวาอย่างมีชีวิตชีวา และเมื่อชาร์จเสร็จ แถบชาร์จจะสว่างอยู่ตลอดเพื่อให้รู้ว่า แบตเตอรี่ชาร์จเต็มแล้ว นอกจากนี้ หากเกิดข้อผิดพลาดในการชาร์จ จะมีไฟสีแดงกะพริบ เมื่อชาร์จเสร็จและถอดสายไฟออก รถจะส่งสัญญาณไฟกะพริบเพื่อแสดงสถานะว่าได้ถอดสายชาร์จออกแล้ว
โดย Honda e:N1 ใหม่ ยังมาพร้อมกับสวิตช์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้อย่างง่ายดาย ตามความต้องการ ซึ่งมีให้เลือก 3 โหมด ได้แก่
นอกจากนี้ Honda e:N1 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ระดับพรีเมียมที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่และทำให้การขับขี่ราบรื่นในทุกเส้นทาง ได้แก่
Honda e:N1 มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่ทำงานร่วมกับกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลักๆ ดังนี้
ระบบช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะ
ไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนอง หรือในกรณีที่อยู่ในระยะเสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วย
ผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางปกติ และลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
ระบบจะใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัย เพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทางปกติ ช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร
ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือรถยนต์ด้านหน้า
ระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง
ระบบที่ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง เพื่อให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ตามรถคันหน้า
ยกระดับชีวิตให้สมาร์ตขึ้นไปอีกขั้นกับ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนประกอบด้วย 9 ฟังก์ชันหลัก ได้แก่
*ลูกค้าสามารถสมัครแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการเครือข่าย (เอไอเอส) โดยลูกค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
รุ่นและสี
Honda e:N1 มีให้เลือก 1 รุ่นย่อย มาพร้อม สีภายนอก 1 สี ได้แก่ สีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก) สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.honda.co.th/en1
–เปิดตัว “NETA V-II” รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ราคาคาดการณ์เริ่มต้น 549,000 บาท
91% ของธุรกิจขนาดเล็กกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาเศรษฐกิจ ผลสำรวจจาก Goldman Sachs ระบุว่า ธุรกิจขนาดเล็กกว่า 91% กำลังประสบปัญหาจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ และกว่าครึ่งยืนยันว่าสถานการณ์เลวร้ายลงตั้งแต่ต้นปี ในขณะที่ปี 2025 กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า คำถามคือ ธุรกิจของคุณพร้อมรับมือกับความท้าทายและคว้าโอกาสในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วหรือยัง?…
BizTalk x Sunny Horo กับคอลลัมน์ ดวงธุรกิจ Weekly ชวนมาอัพเดต ดวงประจำวันที่ 25 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 กัน ใครเกิดตรงกับวันไหน…
Biztalk วันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย. 2567 คุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไอที โดยเฉพาะการรักษาความปลอดภัยข้อมูล คุณวันพิชิต ชินตระกูลชัย Chief Technology Officer (CTO) บริษัท แร็กน่าร์…
จากองค์กรที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานถึง 141 ปี ไปรษณีย์ไทย กำลังก้าวสู่ "ไลฟ์สไตล์แบรนด์" ที่มีความทันสมัย และพร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้คน ใครว่าไปรษณีย์ไทยมีดีแค่ส่งจดหมายและพัสดุ? วันนี้ไปรษณีย์ไทยกำลังก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ สู่การเป็น "ไลฟ์สไตล์แบรนด์" ที่พร้อมเติมเต็มทุกมิติชีวิตของคนไทย ด้วยกลยุทธ์การพัฒนาบริการดิจิทัลควบคู่ไปกับการต่อยอดธุรกิจดั้งเดิม พร้อมสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ๆ…
10 สตาร์ทอัพเซมิคอนดักเตอร์ แห่งปี 2024 ก้าวข้ามขีดจำกัดของวงการ AI ด้วยเทคโนโลยีชิปสุดล้ำ ในขณะที่ Nvidia ครองตลาดชิป AI ด้วยมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในแต่ละไตรมาส บริษัทและนักลงทุนจำนวนมากเชื่อว่ายังมีโอกาสสำหรับผู้เล่นรายอื่นในตลาดโครงสร้างพื้นฐาน AI ทั้งในส่วนของชิปที่ใช้ในอุปกรณ์…
พรีวิว Oppo Find X8 ซีรีส์ สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมชิปเซ็ตตัวใหม่ล่าสุด MediaTek Dimensity 9400 ที่ให้ประสิทธิภาพแรงขึ้นกว่าเดิม ทั้ง CPU เร็วขึ้น 35% และ…