แอลจี อีเลคทรอนิคส์ อิงค์ (แอลจี) ยังคงสร้างผลประกอบการที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในปี 2564 สร้างสถิติครั้งประวัติศาสตร์ด้วยผลการดำเนินงานประจำปีสูงสุดในประวัติศาสตร์ ด้วยยอดขายทั้งปีสูงกว่า 63.16 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 2.08 ล้านล้านบาท) เติบโตขึ้น 28.7 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2563 โดยมีแรงหนุนหลักจากยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านพรีเมียม และทีวี OLED ที่เพิ่มขึ้น ส่วนผลกำไรจากการดำเนินงานมีมูลค่า 3.27 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 1.08 แสนล้านบาท) ลดลง 1 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
–โคเวย์ ประเทศไทย ดันแคมเปญ COWAY x BTS บุกตลาดคนรุ่นใหม่รับเทรนด์ Healthy Lifestyle
–ดีแทค รีวอร์ด ชวนอุดหนุนร้านค้าเล็กๆ ให้กลับมายิ้มได้อีกครั้ง
แอลจีมียอดขายประจำไตรมาสที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยรายได้ 17.76 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 5.86 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 20.7 เปอร์เซ็นต์ จากไตรมาสที่สี่ของปีที่ผ่านมา ผลกำไรจากการดำเนินงานประจำไตรมาสที่สี่ของปี 2564 อยู่ที่ 572.87 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 1.89 หมื่นล้านบาท) ลดลง 21.4 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อันเนื่องมาจากปัจจัยหลักต่างๆ เช่น ต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนโลจิสติกส์ที่สูงขึ้นทั่วโลก ท่ามกลางสถานการณ์ธุรกิจที่ยังคงมีความท้าทายในปี 2565 แอลจียังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันด้วยการปรับโครงสร้างต้นทุนของบริษัทให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ทีวีพรีเมียมในตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศ ทำลายสถิติอีกปี ด้วยรายได้ในปี 2564 ที่ 22.92 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 7.56 แสนล้านบาท) เติบโตขึ้น 21.7 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากยอดขายที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ เช่น ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพอนามัย ด้วยผลกำไรจากการดำเนินงานมูลค่า 1.88 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 6.20 หมื่นล้านบาท) ลดลง 2.9 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบและการขนส่งทั่วโลกที่สูงขึ้น ในขณะที่รายได้ประจำไตรมาสสูงถึง 5.52 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 1.82 แสนล้านบาท) เติบโตขึ้น 17.7 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2563
กลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ประกาศรายได้ประจำไตรมาสที่สี่ของปี 2564 กว่า 30.6 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 14.56 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 4.8 แสนล้านบาท) โดยมีผลกำไรจากการดำเนินงาน 929.68 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 3.07 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้น 18.1 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สะท้อนถึงความสำเร็จของแอลจีในการตอบสนองต่อความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ทีวีพรีเมียมที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รายได้ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 4.21 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 1.39 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 16.4 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 19.2 เปอร์เซ็นต์จากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของความต้องการที่มีต่อผลิตภัณฑ์พรีเมียม เช่น ทีวี OLED และทีวีจอขนาดใหญ่ ในตลาดหลักในยุโรปและอเมริกาเหนือ
กลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ มีรายได้เพิ่มขึ้นในปี 2564 อยู่ที่ 6.08 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 2.01 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 นับเป็นครั้งแรกที่มีรายได้เกิน 7 ล้านล้านวอน โดยมีรายได้ประจำไตรมาสที่สี่ของปี 2564 อยู่ที่ 1.42 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 4.69 หมื่นล้านบาท) ลดลง 12.3 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันจากปีก่อน ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ตลาดยานยนต์ทั่วโลกประสบปัญหาการหยุดชะงักอย่างมีนัยสำคัญ อันเนื่องมาจากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ในอุตสาหกรรมยานยนต์
กลุ่มธุรกิจโซลูชันสำหรับองค์กร สร้างผลงานรายได้ประจำปี 2564 ที่ 5.89 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 1.94 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 15.8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในขณะที่ต้นทุนวัสดุและความท้าทายในห่วงโซ่อุปทานที่สูงขึ้นส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงานประจำปีที่ 121.98 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 4.03 พันล้านบาท) ส่วนรายได้ในไตรมาสที่สี่เพิ่มขึ้น 14 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2563 คิดเป็น 1.46 พันล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 4.82 หมื่นล้านบาท) เนื่องจากความต้องการซื้อพีซีและจอเกมมิ่งระดับพรีเมียมที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ต้นทุนการขนส่งทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นและการชะลอตัวของยอดขายแผงโซลาร์เซลล์ อันเป็นผลมาจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ยังมีส่วนทำให้มีรายได้จากการดำเนินงานประจำไตรมาสลดลง 29.67 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 9.79 ร้อยล้านบาท)
อนันตรา โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท แบรนด์โรงแรมหรูระดับโลกภายใต้เครือไมเนอร์ โฮเทลส์ ประกาศศักดาการเปิดตัวโรงแรมแห่งแรกในอินเดียอย่างเป็นทางการ ณ จัยปูร์ เมืองสีชมพูอันเปี่ยมด้วยมนต์ขลัง ด้วย "อนันตรา จิวเวล บาห์ จัยปูร์"…
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHFG) เผยผลประกอบการปี 2567 สุดแข็งแกร่ง สินเชื่อเติบโต 7% พร้อมประกาศแผนปี 2568 ชูธงขยายพอร์ตสินเชื่อ SME…
"นิโตริ" (NITORI) แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านอันดับ 1 จากญี่ปุ่น เดินหน้าขยายอาณาจักรความสุขสู่ภาคตะวันออก ประเดิมเปิด 2 สาขาใหม่ล่าสุดที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัทยา ในวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2568 และศูนย์การค้าเซ็นทรัลศรีราชา…
วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยศรีปทุม (SPU) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรม Cold Chain Logistics หรือการจัดการขนส่งและจัดเก็บสินค้าที่ควบคุมอุณหภูมิ กำลังกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งยุคในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และซัพพลายเชนทั่วโลก ด้วยมูลค่าตลาดที่คาดการณ์ว่าจะสูงถึง 1,122 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2033 พร้อมอัตราการเติบโตเฉลี่ยทบต้นต่อปี…
ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมผู้บริโภคเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนตลาด แบรนด์เครื่องประดับเพชรอย่าง Jubilee Diamond กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการปรับตัวเข้าสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่นี้ ด้วยสินค้าที่มีราคาสูงและภาพลักษณ์ที่เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีฐานะ Jubilee จึงต้องพลิกกลยุทธ์เพื่อเข้าถึง Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต…
เคซีจี คอร์ปอเรชั่น หรือ KCG จับมือ กรุงเทพมหานคร เปิดตัวโครงการ "จุดไฟปรุงฝัน ปีที่ 2" อย่างเป็นทางการ ต่อยอดความสำเร็จจากปีที่ผ่านมา โครงการนี้มุ่งเน้นการเสริมศักยภาพผู้ประกอบการรายย่อยในแวดวงอาหารและเบเกอรี่ ให้พร้อมรับมือกับความท้าทายในยุคโมเดิร์นไลฟ์สไตล์ และร่วมกันขับเคลื่อนสังคมสู่ความยั่งยืน…