บ้านปู (BANPU) เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งรับมือความผันผวนของตลาดโลก ประกาศขับเคลื่อนกลยุทธ์ “Energy Symphonics” ด้วย 4 แนวทางหลัก เสริมทัพด้วยแผนธุรกิจเชิงรุกของแต่ละกลุ่มธุรกิจเรือธงในปี 2568 มุ่งเป้าสู่การเป็นบริษัทพลังงานที่ยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้กับผู้ถือหุ้น
สินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ประเมินสถานการณ์พลังงานโลกอย่างรอบด้าน พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับนโยบายพลังงานในประเทศยุทธศาสตร์ โดยในปี 2568 จะมุ่งเน้นการจัดสรรเงินทุนไปยังสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง ควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้สมดุล เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน
4 แนวทางขับเคลื่อนกลยุทธ์ “Energy Symphonics”
- การดำเนินงานและบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ: มุ่งเน้นการเพิ่มกระแสเงินสดและมูลค่าของธุรกิจ ผ่านการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI มาประยุกต์ใช้ ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนในธุรกิจเหมือง
- การบริหารโครงสร้างเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ: รักษาระดับหนี้และทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อรองรับการเติบโตและสร้างผลประกอบการที่ดี
- การบริหารพอร์ตโฟลิโอเชิงกลยุทธ์: มุ่งเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี เพื่อสร้างคุณค่าให้กับบริษัทฯ ในระยะยาว อาทิ การขยายธุรกิจก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ให้ครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่า
- การบริหารจัดสรรเงินทุนอย่างมีวินัย: สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
แผนธุรกิจเชิงรุกของแต่ละกลุ่มธุรกิจเรือธง ปี 2568
- ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ: สร้างการเติบโตเชิงกลยุทธ์ทั้งธุรกิจต้นน้ำและกลางน้ำ พร้อมจัดสรรเงินลงทุนอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ราคาก๊าซ
- ธุรกิจเหมือง: ผสาน AI และเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดคาร์บอน โดยใช้พลังงานหมุนเวียนและระบบการจัดการอัจฉริยะ
- ธุรกิจไฟฟ้า: ตั้งเป้าลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติม 1,500 เมกะวัตต์ โดยเฉพาะในประเทศยุทธศาสตร์
- ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีพลังงาน: เน้นลงทุนเชิงกลยุทธ์เพื่อเสริมการทำงานระหว่างระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) และซอฟต์แวร์ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนให้มีความต่อเนื่อง
ผลประกอบการปี 2567 และความคืบหน้าสำคัญ
- บริษัทฯ รายงานรายได้จากการขายรวม 5,148 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 181,549 ล้านบาท)
- กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) รวม 1,330 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 46,970 ล้านบาท)
- กำไรจากการดำเนินงาน 83.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,964 ล้านบาท)
- ผลขาดทุนสุทธิ 23.67 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 682.42 ล้านบาท) ซึ่งเป็นผลกระทบจากการด้อยค่าเงินลงทุนจากการขายสัดส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้านาโกโซ ในประเทศญี่ปุ่น และการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเงินบาท
- ความคืบหน้าสำคัญ ได้แก่ การเสนอขายหุ้น IPO ของ BKV Corporation (BKV) การขายสัดส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้านาโกโซ และการพัฒนาโครงการ CCUS ของ BKV
–Design Village Ratchada แลนด์มาร์คใหม่รัชดาฯ ชูคอนเซ็ปต์ Community Living Mall ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์