Business

BBIK กางแผนธุรกิจ 5 ปี ปั้นผลประกอบการโตต่อเนื่อง ปี 66 ปรับเป้าโต 120% เดินหน้าทำนิวไฮ 7 ปีซ้อน

บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดกลยุทธ์ “Growth at Scale” เร่งผสานการทำงานร่วมกันระหว่างบลูบิคและบริษัทในเครือ หลังเก็บ 2 บิ๊ก Tech Company ได้แก่ บริษัท วัลแคน ดิจิทัล เดลิเวอรี่ จำกัด (VDD) และ บริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ จำกัด (Innoviz) เข้าพอร์ตเสร็จสมบูรณ์ ปักธงรักษาอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดตามแผน มั่นใจการทำ Synergy ระหว่างกันจะเพิ่มขีดความสามารถในการรับงานและเปิดโอกาสรุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่ สนับสนุนการขยายตัวแบบ 360 องศาทั้งตลาดในและต่างประเทศ อีกทั้งการผนึกกำลังยังช่วยเสริมแกร่งให้กับกลุ่มบริการหลักรองรับความต้องการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่ยังเติบโตแรง สะท้อนผ่านมูลค่าแบ็คล็อกของบลูบิคและบริษัทในเครือ ณ วันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่สูงถึง 979 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น บลูบิคจำนวน 454 ล้านบาท บริษัทร่วมค้า (JV) 157 ล้านบาท และ VDD และ Innoviz 368 ล้านบาท (โดยมูลค่าแบ็คล็อกของ VDD และ Innoviz ที่บันทึกเป็นรายได้เข้าบริษัทแม่ จะเป็นมูลค่าแบ็คล็อกคงเหลือ ณ วันที่ปิดดีลเสร็จสมบูรณ์ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา)

กรุงศรี ฟินโนเวต แจงกองทุนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล้มของ SVB แต่อย่างใด

นอกจากปัจจัยสนับสนุนข้างต้นแล้ว ปี 2566 จะเป็นปีแรกที่บริษัทฯ สามารถเติบโตแบบ Inorganic Growth หลังปิดดีลควบรวมกิจการ VDD และ Innoviz เสร็จสิ้น ทำให้สามารถบันทึกรายได้และกำไรของทั้งสองบริษัทได้ตั้งแต่ Q1/66 อีกทั้งกลุ่มบริษัทยังได้รับอานิสงส์จากสิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI อีกด้วย ดังนั้น บริษัทฯประเมินว่าผลประกอบการปี 2566 จะโตได้ถึง 120% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 100% ซึ่งจะเป็นการทำนิวไฮต่อเนื่อง 7 ปีซ้อนต่อจากปี 2565 ที่ทั้งรายได้และกำไรของบริษัทฯโตทุบสถิติต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสม (CAGR) ถึง 70% ต่อปี ถือเป็นการเติบโตในอัตราที่สูงและเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ

พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK กล่าวว่า ในปี 2566 นี้บริษัทฯจะมุ่งเน้นการทำ Synergy ระหว่างบริษัทแม่และบริษัทในเครือทั้งหมด เพื่อสร้างการเติบโตร่วมอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาวตามแผน “Growth at Scale” ด้วยการยกระดับการให้บริการแบบครบวงจรที่ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทั้งขนาดใหญ่และกลาง พร้อมลุยธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโต ตั้งเป้าขยายสัดส่วน Recurring Income โดยใช้จุดแข็งของแต่ละบริษัทเข้าไปสนับสนุนการให้บริการและการเติบโตทั้งในส่วนรายได้และกำไร เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจผ่าน Cross-Selling และ Up-Selling ระหว่างกัน

“หลังจากปลดล็อกปัญหาจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีไม่เพียงพอ โดยมีอัตรากำลังที่เพิ่มขึ้นจาก 350 เป็น 800 ชีวิตแล้ว การเข้าซื้อกิจการของ VDD และ Innoviz ยังสร้างการเติบโตแบบ Inorganic growth ให้กับบลูบิคเป็นปีแรกด้วย ดังนั้นการเติบโตของผลประกอบการนับจากนี้ของบริษัทฯจะเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ สามารถรองรับการขยายบริการทั้งในและต่างประเทศ และบรรลุเป้าหมายการได้รับคัดเลือกเข้าดัชนี SET 100 ตามแผนที่วางไว้” นายพชร กล่าว
สำหรับการเติบโตแบบ “Growth at Scale” บริษัทฯ ได้วางแนวทางการเติบโตไว้ 3 แนวทาง ดังนี้

1.ผนึกกำลังบริษัทในเครือปูทางสู่การเติบโตระยะยาว: เร่งผสานการทำงานและความร่วมมือระหว่าง บลูบิค กับ VDD และ Innoviz เพื่อเพิ่มอัตราทำกำไรและ Revenue per Head ของทั้งสองบริษัท ในขณะที่บลูบิคเดินหน้าขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มที่เป็นองค์กรขนาดกลางและภาครัฐซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของสองบริษัท พร้อมทั้งเดินหน้าผนึกกำลังการทำงานร่วมกันของทุกบริษัทในเครือ

2.เพิ่มขีดความสามารถในการรับงานมูลค่าระดับหลายร้อยล้านบาท พร้อมแข่งขันบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก: การ Synergy ระหว่างบลูบิคและบริษัทในเครือ ผนวกกับประสบการณ์การพัฒนาโซลูชันและแอปพลิเคชันที่สามารถรองรับจำนวนผู้ใช้งานระดับหลายร้อยล้านคน จะทำให้บริษัทฯ สามารถรับงานขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านบาทและเป็นตลาดที่มีคู่แข่งน้อยราย โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศที่มีขนาดใหญ่กว่าไทยหลายเท่าตัว ซึ่งบริษัทฯ มีข้อได้เปรียบด้านโครงสร้างราคาที่สามารถแข่งขันได้ จากปัจจัยดังกล่าวนี้จะทำให้บลูบิคกลายเป็นผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันสัญชาติไทยเพียงรายเดียวที่เทียบชั้นบริษัทต่างชาติได้

3.รุกธุรกิจใหม่และเสริมแกร่งบริการหลักต่อเนื่องผ่าน JV, M&A พร้อมลุยขยายตลาดต่างประเทศ: เดินหน้าขยายธุรกิจผ่านกิจการร่วมค้า (Joint Venture) และการควบรวมกิจการ (Mergers & Acquisitions – M&A) โดยเฉพาะในธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตและส่งเสริมบริการหลักให้แข็งแกร่งขึ้น อาทิ Big Data การพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มและโซลูชันที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรม เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนการขยายธุรกิจไปต่างประเทศต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาโอกาสทางธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้การขยายธุรกิจตามแผน “Growth at Scale” ของ บลูบิค นั้นสอดรับกับแนวคิดการทำธุรกิจแห่งโลกอนาคต “Digital-First Company” ที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นกลไกในการขับเคลื่อน เพื่อให้ลูกค้าสามารถรับมือการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจ และพร้อมเผชิญหน้ากับ New World Order หรือระเบียบโลกใหม่ โดย Digital-First Company จะช่วยเชื่อมโยงและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) ในระบบนิเวศของธุรกิจยุคใหม่ที่ประกอบด้วย องค์กร (Company) ลูกค้า (Customer) พันธมิตรทางธุรกิจ (Partner) และสังคม (Community)

“บลูบิค มุ่งมั่นในการขยายธุรกิจและบริการให้สอดรับกับเทรนด์การทำธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเร็ว ๆ บริษัทฯคาดว่าจะสามารถปิดดีลใหม่เพิ่มขึ้นอีกด้วย” พชร กล่าวปิดท้าย

supersab

Recent Posts

AIS-True เปิดฉากระบบแจ้งเตือนภัย Cell Broadcast ทั่วไทย พร้อมปฏิบัติการทันทีเมื่อรัฐบาลสั่งการ

AIS และ True Corporation สองผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ ได้ประกาศความพร้อมในการเปิดใช้งานระบบแจ้งเตือนภัยผ่าน Cell Broadcast และ SMS ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมปฏิบัติการทันทีเมื่อหน่วยงานภาครัฐสั่งการ AIS: ระบบ Cell…

10 hours ago

ดีพร้อม-บางจากฯ ผนึก 5 พันธมิตรธุรกิจ ผลิต “น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน” 1 ล้านลิตรต่อวัน ดันไทยสู่ฮับการบินพลังงานสะอาด ชิงความได้เปรียบเศรษฐกิจโลก

กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม) ประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ จับมือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ 5 องค์กรธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU)…

11 hours ago

ก.อุตฯ ผนึก World Bank เปิดเกมรุก “Industrial Decarbonization” ดันไทยสู่ Hub ลงทุนสีเขียว

“เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” เปิดเวที CEO Forum ชูแนวทาง Industrial Decarbonization ภายใต้โครงการ Low Carbon City หนุนผู้ประกอบการไทยลดคาร์บอน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมประกาศเจตนารมณ์ร่วมลดก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่อุปทาน…

14 hours ago

Tops เขย่าตลาด FMCG ปี 68 ทุ่ม 5,000 รายการ Own Brand ชูคุณภาพพรีเมียม ราคาโดนใจ ผนึกชุมชนโกอินเตอร์

ท็อปส์ (Tops) ประกาศศักดาผู้นำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ปี 2568 ทุ่มงบไม่อั้น พัฒนาพอร์ตสินค้า Own Brand ทะลุ 5,000 รายการ ชูจุดแข็งด้านคุณภาพระดับพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงได้…

15 hours ago

รฟม. แจ้งรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู เปิดให้บริการเดินรถ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) – สถานีตลาดมีนบุรี (PK29) และจัด Feeder รับ – ส่ง สถานีตลาดมีนบุรี (PK29) – สถานีมีนบุรี (PK30)

ตามที่ เกิดเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมา โดยแรงสั่นสะเทือนได้ส่งผลกระทบมาถึงกรุงเทพมหานคร ทำให้รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู (MRT สายสีชมพู) ต้องงดให้บริการชั่วคราว เพื่อแก้ไขรางจ่ายไฟเพื่อความปลอดภัยในการเดินรถ นั้น จากการตรวจสอบพบว่าเกิดความเสียหายที่แผ่นปิดรอยต่อคานทางวิ่ง จำเป็นต้องซ่อมแซม ซึ่ง กระทรวงคมนาคม, กรมการขนส่งทางราง…

16 hours ago

“แสตมป์ กระจกเกรียบ” ศิลปะล้ำค่าแห่งสยาม ไปรษณีย์ไทยเปิดตัวแสตมป์ที่ระลึก วันอนุรักษ์มรดกไทย 2568 ดันไทยสู่สายตาโลก

ไปรษณีย์ไทย ได้เปิดตัวแสตมป์ที่ระลึกชุดพิเศษเนื่องในโอกาสวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช 2568 ด้วยการนำเสนอศิลปกรรมอันทรงคุณค่าที่กำลังจะเลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ นั่นก็คือ "กระจกเกรียบ" ศิลปะแห่งสยามประเทศที่มีความงดงามเป็นเอกลักษณ์แต่กลับหาชมได้ยากยิ่งในปัจจุบัน โดยมีกำหนดการเปิดจำหน่ายทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน พุทธศักราช 2568 เป็นต้นไป ในราคาดวงละ…

16 hours ago

This website uses cookies.