กลุ่มบริษัทบางจากรายงานผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 2567 มีรายได้รวม 447,631 ล้านบาท EBITDA 33,499 ล้านบาท โดยหลักมาจากรายได้ของธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติที่สร้างสถิติสูงสุดจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น พร้อมสร้างสถิติใหม่ของรายได้จากการขายและการให้บริการในกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันและกลุ่มธุรกิจการตลาดจากการรับรู้ผลการดำเนินงานของบริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) หรือ BSRC และสามารถรับรู้ Synergy สะสม 4,400 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2,500 ล้านบาท
ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 ที่สร้างสถิติใหม่ของรายได้จากการขายและการให้บริการ รวม 447,631 ล้านบาท เติบโตกว่าร้อยละ 84 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมียอดจำหน่ายน้ำมันเติบโตก้าวกระโดดกว่า 10,000 ล้านลิตร และกลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติที่สร้างสถิติรายได้สูงสุดจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น มี EBITDA 33,499 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 2,168 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.30 บาท และมีการรับรู้ Inventory Loss (รวม NRV) 4,683 ล้านบาท หรือ 1.88 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากค่าการกลั่นพื้นฐานและราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง แต่คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ทั้งปีบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้มากกว่า 500,000 ล้านบาท
โดยตลอดระยะเวลากว่า 1 ปี ภายหลังจากการได้มาซึ่งบริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) หรือ BSRC เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 กลุ่มบริษัทบางจากประสบความสำเร็จในการสร้าง Synergy เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้
สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากการรับรู้ Synergy ให้บริษัทฯ มียอดสะสมสูงถึง 4,400 ล้านบาทภายใน 9 เดือนแรกของปี 2567 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2,500 ล้านบาทอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกลยุทธ์ที่กลุ่มบริษัทบางจากได้วางไว้ และสร้างความมั่นใจในการปรับเป้าหมาย Synergy ใหม่ให้สูงขึ้นเป็น 5,000 ล้านบาทในปี 2567 และ 5,500 ล้านบาทในปี 2568 และในปีถัด ๆ ไป เป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นของกลุ่มบริษัทบางจาก ในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน สำหรับไตรมาส 4 คาดกว่าค่าการกลั่นจะปรับตัวสูงขึ้น และกำลังเข้าช่วงฤดูหนาว ซึ่งจะส่งผลให้แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้น
ภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บางจากฯ รายงานผลการดำเนินงานที่สำคัญแต่ละกลุ่มธุรกิจใน 9 เดือนแรกของปี 2567 ดังนี้
กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มีรายได้ 373,716 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 85 มี EBITDA 4,832 ล้านบาท ปรับลดลงร้อยละ 58 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้น
อย่างมีนัยสำคัญมาอยู่ที่ 254,000 บาร์เรลต่อวัน เติบโตกว่าร้อยละ 51 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้จะมีการหยุดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นของโรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง ตามวาระ (Turnaround Maintenance) ในช่วงกลางปี 2567 แต่มีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา มาช่วยชดเชย จากการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็ม 9 เดือน ช่วยหนุนกำลังการผลิตของกลุ่มบริษัทบางจากให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความท้าทายของราคาน้ำมันที่ผันผวนจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากค่าการกลั่นพื้นฐานลดลงจาก Crack Spread ของกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักปรับตัวลดลง ประกอบกับการรับรู้ Inventory Loss 4,683 ล้านบาท จากราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลง และรับรู้กำไรจากสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันล่วงหน้าลดลง โดยมีค่าการกลั่นพื้นฐานที่ 3.8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
นอกจากนี้ บริษัท บีซีพี เทรดดิ้ง (BCPT) มีธุรกรรมการซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันเพิ่มขึ้น และการขยายตลาดน้ำมันดิบแบบ Overseas Trading (Out-Out) ที่เติบโตขึ้น และยังเร่งขยายเครือข่ายซื้อขายน้ำมัน Out-Out อย่างต่อเนื่องทั้งน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ และเพิ่มช่องทางซื้อขายเพื่อเสริมความคล่องตัวในธุรกิจ
กลุ่มธุรกิจการตลาด มีรายได้ 295,610 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 91 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA 5,029 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 68 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีปริมาณ
การจำหน่ายน้ำมันรวมทุกช่องทาง 10,247 ล้านลิตร เติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่าร้อยละ 97 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการผสานกันของเครือข่ายสถานีบริการและฐานลูกค้าตามการขยายตัวและฐานลูกค้าอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมมากขึ้น และการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็ม 9 เดือนของปี 2567 ของ BSRC รวมถึงการปรับกลยุทธ์การตลาดให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า การปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้มีความทันสมัย และการปรับปรุงคุณภาพของสถานีบริการอย่างต่อเนื่อง โดยได้ปรับเปลี่ยนโลโก้ของสถานีบริการ BSRC แล้วเสร็จไปมากกว่าร้อยละ 80 นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูง Premium 97 และ Premium Diesel ยืนหนึ่งในความเป็นพลังสะอาด ที่มาพร้อมความแรง และสามารถปกป้องเครื่องยนต์ได้ 100% ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดผ่านสถานีบริการรวมเติบโตขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 29 ในส่วนของค่าการตลาดสุทธิรวมปรับลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 0.86 บาทต่อลิตร จากการรับรู้ Inventory Loss ตามราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับตัวลดลง โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 มีสถานีบริการรวม 2,141 สถานี และจุดชาร์จ EV กว่า 321 สถานี
กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด มีรายได้ 3,402 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8 และมี EBITDA 3,743 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็ม 9 เดือน จากการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ 4 แห่งในสหรัฐอเมริกา 857 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาวที่มีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 82 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีการหยุดการผลิตไฟฟ้าเพื่อเตรียมขายไฟฟ้าไปยังการไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งช่วยบรรเทาผลกระทบการสิ้นสุด Adder ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยได้ทั้งหมด อีกทั้งมีการรับรู้กำไรหลังหักภาษีจากการจำหน่ายไปซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น 2,159 ล้านบาท จำนวน 9 โครงการในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มีรายได้ 15,532 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 63 และมี EBITDA 654 ล้านบาท ได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 58 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการผลิตภัณฑ์ B100 ที่เพิ่มขึ้นจาก BSRC ในขณะที่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล มีกำไรขั้นต้นเติบโต สอดคล้องกับปริมาณการผลิตและจำหน่ายเอทานอลที่เพิ่มขึ้น และราคาขายเอทานอลที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาต้นทุนวัตถุดิบหลักที่ยังอยู่ในระดับสูง
กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ มีรายได้ 29,501 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 และมี EBITDA 19,808 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และมีการรับรู้ผลการดำเนินงานจากแหล่งปิโตรเลียม Statfjord หนุนปริมาณการขายเติบโตกว่าร้อยละ 38 ที่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2566 ประกอบกับแหล่งผลิต Brage สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มครึ่งปีจากแหล่งผลิต Hasselmus ที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนตุลาคม 2566
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2567 กลุ่มบริษัทบางจาก มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 154,193 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 63 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA 7,427 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 31 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และลดลงร้อยละ 46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ รับรู้ผลขาดทุนส่วนของบริษัทใหญ่ 2,093 ล้านบาท
สำหรับฐานะการเงินของกลุ่มบริษัทบางจาก ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 30,707 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 329,441 ล้านบาท ลดลง 10,988 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ 31 ธันวาคม 2566 มีหนี้สินรวม 243,875 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 3,478 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้นรวม 85,566 ล้านบาท ลดลง 14,466 ล้านบาท โดยหลักมาจากหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน (Perpetual Bond) ที่ถูกจัดประเภทใหม่เป็นหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปี ภายหลังจากที่บริษัทฯ ยืนยันการไถ่ถอนหุ้นกู้ดังกล่าวในเดือนตุลาคม 2567 โดยเป็นส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนของบริษัทใหญ่ 58,437 ล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในระดับที่ยังแข็งแรงที่ 1.18 เท่า
ชัยวัฒน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากการรับรู้ Synergy สูงถึง 4,400 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมประจำปีที่ตั้งไว้ที่ 2,500 ล้านบาท และช่วยสร้างความมั่นใจในการปรับเป้าหมาย Synergy ใหม่ให้สูงขึ้นเป็น 5,000 ล้านบาทในปี 2567 และ 5,500 ล้านบาทในปี 2568 และในปีถัด ๆ ไป ซึ่งคาดว่าจะสามารถเติบโตได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ เป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นของกลุ่มบริษัทบางจากในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และยังได้รับการประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทขึ้นเป็น “A+” จากระดับ “A” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 สูงสุดตั้งแต่ที่เคยได้รับการจัดอันดับเครดิต โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตที่ “คงที่” สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของโครงสร้างธุรกิจและฐานะการเงินของกลุ่มบริษัทบางจาก”
91% ของธุรกิจขนาดเล็กกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาเศรษฐกิจ ผลสำรวจจาก Goldman Sachs ระบุว่า ธุรกิจขนาดเล็กกว่า 91% กำลังประสบปัญหาจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ และกว่าครึ่งยืนยันว่าสถานการณ์เลวร้ายลงตั้งแต่ต้นปี ในขณะที่ปี 2025 กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า คำถามคือ ธุรกิจของคุณพร้อมรับมือกับความท้าทายและคว้าโอกาสในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วหรือยัง?…
BizTalk x Sunny Horo กับคอลลัมน์ ดวงธุรกิจ Weekly ชวนมาอัพเดต ดวงประจำวันที่ 25 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 กัน ใครเกิดตรงกับวันไหน…
Biztalk วันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย. 2567 คุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไอที โดยเฉพาะการรักษาความปลอดภัยข้อมูล คุณวันพิชิต ชินตระกูลชัย Chief Technology Officer (CTO) บริษัท แร็กน่าร์…
จากองค์กรที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานถึง 141 ปี ไปรษณีย์ไทย กำลังก้าวสู่ "ไลฟ์สไตล์แบรนด์" ที่มีความทันสมัย และพร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้คน ใครว่าไปรษณีย์ไทยมีดีแค่ส่งจดหมายและพัสดุ? วันนี้ไปรษณีย์ไทยกำลังก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ สู่การเป็น "ไลฟ์สไตล์แบรนด์" ที่พร้อมเติมเต็มทุกมิติชีวิตของคนไทย ด้วยกลยุทธ์การพัฒนาบริการดิจิทัลควบคู่ไปกับการต่อยอดธุรกิจดั้งเดิม พร้อมสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ๆ…
10 สตาร์ทอัพเซมิคอนดักเตอร์ แห่งปี 2024 ก้าวข้ามขีดจำกัดของวงการ AI ด้วยเทคโนโลยีชิปสุดล้ำ ในขณะที่ Nvidia ครองตลาดชิป AI ด้วยมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในแต่ละไตรมาส บริษัทและนักลงทุนจำนวนมากเชื่อว่ายังมีโอกาสสำหรับผู้เล่นรายอื่นในตลาดโครงสร้างพื้นฐาน AI ทั้งในส่วนของชิปที่ใช้ในอุปกรณ์…
พรีวิว Oppo Find X8 ซีรีส์ สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมชิปเซ็ตตัวใหม่ล่าสุด MediaTek Dimensity 9400 ที่ให้ประสิทธิภาพแรงขึ้นกว่าเดิม ทั้ง CPU เร็วขึ้น 35% และ…