เซ็นทรัลพัฒนา รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 ทำรายได้รวม 12,284 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,126 ล้านบาท ผนึก ‘ฮิลตัน’ เปิดตัวโรงแรมใหม่ “ฮิลตัน การ์เดน อินน์ ระยอง” เสริมแกร่งธุรกิจโรงแรมของเซ็นทรัลพัฒนา ชูจุดเด่นเชื่อมต่อกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล ระยอง เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว-นักธุรกิจ และเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ ESCENT HATYAI II ฟังก์ชั่นครบครัน สะดวกสบาย ทำเลศักยภาพภายในเซ็นทรัล หาดใหญ่ และ ESCENT PHUKET ห้อง Fully Furnished ใจกลางภูเก็ต ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกมากมาย ตอบโจทย์ทุกการอยู่อาศัย พร้อมเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทย ไตรมาส 4 ทำให้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเป็น Global Destination ตัวจริงของการฉลองเทศกาลความสุขอย่างยั่งยืน
นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการเงิน บัญชีและบริหารความเสี่ยงบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ผลประกอบการของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่ง จากการบริโภคภาคเอกชนและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นผลจากการพัฒนาโครงการรูปแบบผสม (Mixed-use Development) ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ ทำให้ผลประกอบการไตรมาส 3 บริษัทฯ มีรายได้รวม 12,284 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,126 ล้านบาท เป็นผลมาจากจากการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ให้เช่าและอัตราการเช่าใน 3 ศูนย์การค้า ได้แก่ เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ นครสวรรค์ นครปฐม รวมถึงรายได้ของผู้เช่าในศูนย์การค้าที่เพิ่มขึ้น และธุรกิจโรงแรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น”
ทั้งนี้ ไตรมาสที่ผ่านมา เซ็นทรัลพัฒนาสามารถเปิดโครงการใหม่ได้ตามแผน ได้แก่ Hilton Garden Inn Rayong บริเวณติดศูนย์การค้าเซ็นทรัล ระยอง ในเดือนสิงหาคม ตั้งอยู่ใจกลางเมืองระยองและอยู่ใกล้กับชายหาดชื่อดัง ตลาดบ้านเพ และเกาะเสม็ด ทำให้ผู้เข้าพักสามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย โดยออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว ด้วยห้องพักที่ทันสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม 2 แห่ง ในเดือนกันยายน ได้แก่
ESCENT HATYAI II คอนโดหรู ฟังก์ชันจัดเต็ม ที่ถูกออกแบบมาอย่างใส่ใจทุกรายละเอียด รองรับทุกการใช้งาน ให้คุณผ่อนคลายอย่างเต็มอิ่ม ไปกับกิจกรรมสุดโปรด ด้วยส่วนกลางขนาดใหญ่ บนทำเลศักยภาพ ใจกลางเซ็นทรัล หาดใหญ่
ESCENT PHUKET ห้อง Fully Furnished ใจกลางภูเก็ต ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกมากมาย ตอบโจทย์ทุกการอยู่อาศัย นอกจากนี้ เซ็นทรัลพัฒนายังเดินหน้าตามแผนธุรกิจ
ล่าสุดเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ “Market Place เทพรักษ์” ด้วยโมเดล Community Mall ผนวกกับ Urban Fresh Market เจาะใจกลางย่านเทพรักษ์-วัชรพล โซนกรุงเทพฯ ตอนเหนือ ในเดือนมกราคม 2568 รับเทศกาลตรุษจีนยิ่งใหญ่ และกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทย ไตรมาส 4 ทำให้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเป็น Global Destination ตัวจริงของการฉลองเทศกาลความสุขอย่างยั่งยืน ด้วยแคมเปญส่งท้ายปี “The World’s Great Celebration 2024”
ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 เซ็นทรัลพัฒนา มีศูนย์การค้าภายใต้การบริหารงานทั้งหมด 42 โครงการ (ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 40 แห่ง – ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 16 โครงการ ต่างจังหวัด 23 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ; ศูนย์การค้าเอสพละนาด 1 แห่ง; และศูนย์การค้าเมกา บางนา อีก 1 แห่ง) คอมมูนิตี้ มอลล์ 15 โครงการ มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 2.3 ล้านตารางเมตร นอกจากนี้ ยังบริหารศูนย์อาหาร 37 แห่ง อาคารสำนักงาน 10 อาคาร โรงแรม 10 แห่ง โครงการที่พักอาศัย 39 โครงการ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ESCENT, ESCENT VILLE, ESCENT PARK VILLE, PHYLL และ BELLE GRAND RAMA 9 และโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ ESCENT TOWN (ทาวน์โฮม) ESCENT AVENUE (โฮมออฟฟิศ) NINYA (บ้านแฝด) NIYAM (บ้านเดี่ยวระดับลักชูรี่) และโครงการแนวราบหลากหลายรูปแบบภายใต้แบรนด์ NIRATI และ BAAN NIRADA
–CRC โตสวนกระแส ทำกำไรไตรมาส 3 พุ่ง 86% พร้อมเร่งเครื่องธุรกิจรับไฮซีซั่น
นายธีรยุทธ ศักดิ์วิลาสตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มทรัพยากรบุคคล รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานทรัพยากรบุคคลบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เข้ารับมอบใบรับรอง CAC Certified จาก นายทศพร รัตนมาศทิพย์ กรรมการ CAC ในงาน CAC Certification Ceremony ครั้งที่ 2/2024 ภายใต้แนวคิด…
ไปรษณีย์ไทย เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจอีคอมเมิร์ซและการค้าระหว่างประเทศจากไทยสู่เวียดนาม โดยมุ่งใช้ 3 เส้นทางการขนส่งที่สำคัญ ได้แก่ เส้นทางอากาศ เส้นทางภาคพื้น และทางราง พร้อมจับมือการไปรษณีย์เวียดนามพัฒนาบริการไปรษณีย์ภายใต้กรอบความร่วมมือของการไปรษณีย์อาเซียน (ASEANPOST) เดินหน้ายกระดับอีคอมเมิร์ซของทั้ง 2 ประเทศ เตรียมนำสินค้าเมดอินไทยแลนด์และเวียดนาม…
งานวิจัยล่าสุดจากแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยวอโกด้าเผยว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียมของไทยจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 4 ล้านคนต่อปี และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ภายใน 2 ปีหลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ งานวิจัยเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจจากกฎหมายสมรสเท่าเทียมต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งจัดทำโดยอโกด้าร่วมกับบริษัท Access Partnership ได้ประเมินถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่ประเทศไทยจะได้รับจากการบังคับใช้กฎหมายสมรสเพศเดียวกันในวันที่ 22 มกราคม 2568 โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่รับรองกฎหมายนี้ และเป็นประเทศที่สามในเอเชีย รองจากไต้หวันในปี 2562 และเนปาลเมื่อปีที่แล้ว กฎหมายดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้ประเทศไทยดึงดูดนักท่องเที่ยว LGBTQIA+ ทั่วโลก ซึ่งมีมูลค่ากว่า 200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี รายงานยังได้คาดการณ์ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะแพร่กระจายไปสู่เศรษฐกิจไทยในวงกว้างจากการบังคับใช้กฎหมายนี้ โดยคาดว่าใน 2 ปี จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 4 ล้านคนต่อปี ซึ่งจะสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างมากดังนี้ เพิ่มรายรับจากการท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยกระจายไปยังหลายภาคส่วน…
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนระดับสูงสุดในอุตสาหกรรม Oil & Gas Refinery and Marketing จากการประเมินของ S&P Global…
• ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ ‘ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่’ มาพร้อมราคาแนะนำช่วงเปิดตัว 899,000 บาท* ในรุ่น e:HEV E จำนวนจำกัด เพื่อให้เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น โดยมาพร้อมข้อเสนอรับฟรีประกันภัย…
HIGHLIGHTS• 🍝 EAT: เปิดตัวในงานนี้เป็นที่แรก! กับเมนูพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟรังสรรค์โดย 5 ร้านดังที่การันตีความอร่อยโดย #GrabThumbsUp ได้แก่ SOURI, เผ็ดเผ็ด, ROOTS, โอ้กะจู๋ และ Shake…