เซ็นทรัล รีเทล ส่ง “เลิศวิทย์ ภูมิพิทักษ์” นั่งแม่ทัพคนใหม่แห่งโรบินสันไลฟ์สไตล์

เซ็นทรัล รีเทล ส่ง “เลิศวิทย์ ภูมิพิทักษ์” นั่งแม่ทัพคนใหม่แห่งโรบินสันไลฟ์สไตล์

เซ็นทรัล รีเทล ประกาศแต่งตั้ง “เลิศวิทย์ ภูมิพิทักษ์” ขึ้นรับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ เดินหน้าต่อด้วยกลยุทธ์หลัก “Lifestyle and Experiential Community” เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของทุกคนในแต่ละพื้นที่ทั่วไทย พร้อมเสริมแกร่งการเป็นศูนย์รวมทุกความต้องการของลูกค้าแบบครบวงจร ทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านสเปเชียลตี้สโตร์ ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ บริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อีกมากมายรวมกว่า 1,000 แบรนด์ชั้นนำทั้งไทยและระดับโลก เพื่อตอกย้ำการเป็นศูนย์การค้าที่มีสาขาครอบคลุมมากที่สุดทั่วประเทศไทย สร้างประสบการณ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์แบบครบจบในที่เดียว พร้อมยกระดับเศรษฐกิจไทยและเติบโตควบคู่ไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

เลิศวิทย์ ภูมิพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า การเข้ารับตำแหน่งครั้งนี้ นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญในการนำประสบการณ์การบริหารงานในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้มาอย่างยาวนาน มาขับเคลื่อนศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์สู่การเป็นศูนย์การค้ามิติใหม่ที่ทันสมัย เป็นศูนย์รวมความสะดวกสบายที่ครบครัน โดยจะยังคงยึดมั่นวิสัยทัศน์ในการเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของทุกคนในชุมชน เพื่อมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตในศูนย์การค้าที่แตกต่างและเหนือกว่า ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ทุกครอบครัว ตอกย้ำการเป็นศูนย์การค้าที่มีสาขาครอบคลุมมากที่สุด 24 จังหวัด ทั่วประเทศไทย มีผู้เช่ากว่า 5,000 ราย ลูกค้ามากกว่า 100 ล้านคนต่อปี ในขณะเดียวกันพร้อมสร้างการเติบโตควบคู่ไปกับชุมชนอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับเป้าหมายของ เซ็นทรัล รีเทล ที่จะเป็น Central to Life ศูนย์กลางชีวิตของทุกคนอย่างแท้จริง

สำหรับแนวทางการบริหารศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์นั้น เน้น 3 หัวใจหลัก คือ “ลูกค้า – คู่ค้า – สังคม” ซึ่งจะเป็นการยกระดับ ecosystem ของศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยกลยุทธ์และแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ประกอบไปด้วย 

1.COMPLETE LIFESTYLE DESTINATION

ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันของกลุ่มลูกค้าเดิมและเพิ่มฐานกลุ่มลูกค้าใหม่กับการเป็น “EAT-SHOP-PLAY” เดสติเนชั่นที่สมบูรณ์แบบที่สุดและครบจบในที่เดียว ได้แก่

  • ยกระดับการเป็นศูนย์กลางในการใช้ชีวิตเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Food Lover, กลุ่ม Modern Family, กลุ่ม Pet Lover และกลุ่ม Tourist Destination ด้วยการสร้างประสบการณ์พิเศษอยู่เสมอให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น Special Project การ Collaboration กับ World Class Artists โดยจะเริ่ม Roll Out ในสาขาที่เป็น Flagship Store ตั้งแต่การตกแต่งบรรยากาศของศูนย์การค้า การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การจัดทำของสมนาคุณ Exclusive Collection รวมถึงการสร้าง New Experiences อื่นๆ ในศูนย์การค้าฯ ให้กลายเป็นพื้นที่สุดพิเศษที่ทุกคนจะได้มาใช้ชีวิตและปลดล็อกไลฟ์สไตล์แบบใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมกับกิจกรรมและอีเวนท์ที่อัดแน่นไปด้วยความสนุกที่หลากหลายกว่า 52 อีเวนท์ครอบคลุม 27 สาขาทั่วไทย ตอบโจทย์ลูกค้าทุก Segment และช่วยสร้างรายได้ให้กับพันธมิตรร้านค้าในทุกช่วงเทศกาลและตลอดทั้งปี
  • สร้างแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในทุกพื้นที่ที่เข้าไปดำเนินธุรกิจ ด้วยประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจทั้งกลางวันและกลางคืน ด้วย Night Walking Street, ลานนั่งเล่น, แฮงก์เอ้าท์ เพื่อให้ลูกค้าได้มีประสบการณ์ที่ครบวงจรตลอดวัน 
  • พัฒนาปรับปรุงสาขา ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้สมบูรณ์มากขึ้นด้วยแผนการรีโนเวทสาขาทั้งภายในและภายนอกศูนย์การค้าทั้งหมด 14 สาขา โดยมีการปรับโฉมครั้งใหญ่ 5 สาขา ได้แก่ สระบุรี, กาญจนบุรี, สมุทรปราการ, ราชบุรี และสุรินทร์ โดยภาพรวมของแนวทางการออกแบบ จะเนรมิตบรรยากาศภายในของศูนย์การค้าด้วยงานศิลป์ตกแต่งเพิ่มความสดใสและการใช้ชีวิตที่แตกต่างภายในศูนย์การค้า มาพร้อมกับความสวยงามที่น่าประทับใจ เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้า New Gen ที่ต้องการพื้นที่ในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น
  • ต่อยอดธุรกิจและสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ เน้นให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มครอบครัว โดยวางเป้าขยายธุรกิจ SUNDAY สวนสนุกเด็กในร่ม พื้นที่เสริมสร้างพัฒนาการเด็ก ไปยังสาขาของศูนย์การค้าฯ ทั่วไทย รวมถึงศูนย์อาหาร Food Park ศูนย์รวมความอร่อยจากร้านเด็ดชั้นนำ มีแผนรีโนเวทมากกว่า 10 สาขา เสริมกำลังด้วยร้านสตรีทฟู้ดชื่อดังและร้านค้าในกระแสของแต่ละพื้นที่ ทั้งยังมีการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ในพื้นที่ของศูนย์การค้าในหลายสาขา เช่น Outdoor Mall และ Strip Mall ซึ่งเป็นพื้นที่การเดินช้อปปิ้งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน และมีแผนที่จะนำไปใช้ในการต่อยอดธุรกิจในอนาคต

2.INCLUSIVE GROWTH FOR PARTNERS

มุ่งเน้นการเชื่อมโยงการทำธุรกิจของคู่ค้าที่ครบวงจรแบบ B2B2C ร่วมกับการเสริมกำลังด้านบุคลากรและรูปแบบการทำงานร่วมกับพันธมิตรร้านค้าและแบรนด์ชั้นนำรวมถึงบริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ประกอบด้วย 

  • นำเสนอ Total Solutions แก่ร้านค้าแบบครบวงจร ผนึกกำลังกับพันธมิตรชั้นนำของไทย อาทิเช่น Robinson Department Store, Tops, Supersports, B2S, Power Buy และเน้นทำงานแบบ Proactive โดยมุ่งเน้นการสร้าง BusinessSuccess ให้แก่ร้านค้าและซัพพอร์ตแบบทุกมิติ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มศักยภาพของธุรกิจในระยะยาว
  • การขยายธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะกับการให้การสนับสนุนแบรนด์กลุ่มใหม่ ๆ ที่กำลังมาแรง อาทิ สุกี้ตี๋น้อย, โอ้กะจู๋, Shinkanzen Sushi เข้ามาอยู่ในศูนย์การค้าฯ ให้ธุรกิจคู่ค้าได้ขยายและเติบโตอย่างแข็งแกร่งไปด้วยกัน 
  • การสนับสนุนธุรกิจในพื้นที่และกลุ่ม Startup โดยการเปิดพื้นที่ให้เจ้าของธุรกิจเอสเอมอี และกลุ่ม Startup ทั้งหลายในแต่ละพื้นที่ได้มีโอกาสเข้ามาออกร้านในศูนย์การค้า เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

3.CREATE SUSTAINABLE COMMUNITY

โดยมุ่งเน้นกับการสร้างศูนย์กลางการใช้ชีวิตของคนในแต่ละพื้นที่ ทั้งด้านการศึกษา ด้านเศรษฐกิจในชุมชน และด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างระบบนิเวศที่ดีที่เข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต และเป็นศูนย์กลางของแต่ละจังหวัด ได้แก่

  • การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของชุมชน โดยการผนึกกำลังสถาบันการศึกษา เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาและเสริมทักษะของเยาวชนในด้านต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรม CSR ที่ได้ร่วมทำกับชุมชน อาทิ โครงการ “Funtastic English Class” ออกแบบความสุขสนุกยกคลาส มอบทุนการศึกษาเพื่อจัดจ้างครูชาวต่างชาติมาสอนหลักสูตรภาษาอังกฤษแก่น้อง ๆ โรงเรียนวัดศรีสุนทร มิตรภาพ 15 และ โรงเรียนบ้านฉลอง เป็นระยะเวลา 1 ภาคการศึกษา, กิจกรรม “STUDENT FUN FAIR” เปิดประสบการณ์ความสนุก ส่งต่อความสุขนอกห้องเรียน
  • การสร้างคุณค่าและมูลค่าเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในชุมชน ส่งเสริมการสร้างรายได้ในชุมชน โดยการสนับสนุนการจัดจ้างแรงงาน การเปิดพื้นที่สำหรับจัดจำหน่ายสินค้าร่วมกับชุมชน ส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนและคนในสังคมอย่างยั่งยืน
  • การขับเคลื่อนธุรกิจศูนย์การค้าสู่การเติบโตแบบยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม ตามเจตนารมณ์ของเซ็นทรัล รีเทล ในการเป็น Green & Sustainable Retail องค์กรค้าปลีกค้าส่งต้นแบบด้านความยั่งยืน ช่วยลดการใช้ทรัพยากรชาติที่มีอย่างจำกัด สามารถบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อธุรกิจของศูนย์การค้า รวมถึงชุมชนและสิ่งแวดล้อม อาทิ
    • ในปี 2560 – มีนาคม 2567 ติดตั้ง Solar Rooftop ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์แล้วจำนวน 25 สาขา รวมพื้นที่ 48.89 เมกะวัตต์ สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 538.33 ล้านบาท ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 73,145.48 Ton CO2 โดยภายในปี 2567 มีเป้าหมายติดตั้ง Solar Rooftop 7 เมกะวัตต์ เพิ่มใน 8 สาขา ได้แก่ ปราจีนบุรี, มุกดาหาร, บุรีรัมย์, แม่สอด, เพชรบุรี, ชัยภูมิ, บ่อวิน, ถลาง เป็นต้น เพื่อประหยัดพลังงานได้ 65.932 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ประหยัดค่าไฟฟ้าเป็นเงิน 255.74ล้านบาท ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวน 32,306,675 Ton CO2 สอดรับนโยบายของ เซ็นทรัล รีเทล ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593
    • การจัดทำระบบ Chiller Plant Management นำระบบปรับอากาศแบบ AI มาใช้ภายในศูนย์การค้าเพื่อช่วยลดการใช้ไฟฟ้า พร้อมกับการติดตั้ง High Efficiency Chiller เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
    • การติดตั้ง EV Charging Station เพื่อสนับสนุนให้เกิดการใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น อาทิ การจับมือร่วมกับ OR EV Station PluZ ขยายเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้ครอบคลุมทุกสาขา, การร่วมมือกับ Tesla ในการติดตั้ง Supercharger โดยเริ่มนำร่องที่สาขากำแพงเพชรเป็นที่แรกในเดือนธันวาคม 2566 และสาขากาญจนบุรี ในเดือนมีนาคม 2567 และมีแผนที่จะทยอยขยายการติดตั้งไปยังสาขาอื่น ๆ ต่อไปทั่วประเทศ 
    • โครงการพิเศษ การจับมือร่วมกับ ไทวัสดุ สำหรับโครงการสนับสนุนพื้นที่ชุมชนรอบสาขาฉลอง ต.ฉลอง จ.ภูเก็ต ในการลงทุนทำรางระบายน้ำ เพื่อระบายน้ำเสียและช่วยลดปัญหาน้ำท่วมขังในชุมชน

ทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการให้ความสำคัญกับเรื่องของการใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มรูปแบบในฐานะของการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมของเรา

“หลักการบริหารของผม คือ Always Create the Best วันนี้เราทำดีแล้ว พรุ่งนี้ต้องดีขึ้นไปอีก ดียิ่งขึ้นในทุก ๆ วัน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยการผนึกกำลังพันธมิตรร้านค้าที่กำลังเป็นกระแส พร้อมกับกิจกรรมการตลาด การสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งใหม่ ๆ รวมถึงการสร้างบรรยากาศที่ดูทันสมัยตามกระแสปัจจุบัน พร้อมกับความเซอร์ไพรส์ตลอดทั้งปี นอกจากนี้ เรายังขับเคลื่อนให้องค์กรมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งและไดนามิกก้าวทันกระแสโลก และอีกเรื่องที่ผมให้ความสำคัญ คือ เรื่องของบุคลากร ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญ โดยเรามีการพัฒนาคนทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว เช่น การเพิ่มศักยภาพหรือการพัฒนาด้วยความรู้ใหม่ ๆ เพื่อทำให้องค์กรพัฒนาก้าวไกลอย่างไม่หยุดยั้ง” เลิศวิทย์ กล่าว

Dr. Martens Thailand ฉลองเปิดสาขาใหม่ ณ เซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมมอบโปรโมชันสุดเอ็กซ์คลูซีฟ

Scroll to Top