กิฟฟารีน บริษัทขายตรงสัญชาติไทย ประกาศความสำเร็จตลอด 29 ปี มียอดขายรวม 110,758 ล้านบาท พร้อมเปิดตัว “New Version 2.9” และแผนการตลาดใหม่ รองรับสังคมผู้สูงอายุ และสู้กระแสเศรษฐกิจชะลอตัว
พงศ์พสุ อุณาพรหม รองกรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่เพื่อการเติบโตองค์กร บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2568 กิฟฟารีนจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมเปิดตัว “New Version 2.9” ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับกิฟฟารีน
ท่ามกลางกระแสข่าวแชร์ลูกโซ่ที่ร้อนแรง กิฟฟารีนยังคงมุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ภายใต้แนวคิด “Longevity” หรือการมีอายุยืนอย่างมีคุณภาพ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ขายตรงอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคชาวไทยมายาวนานกว่า 29 ปี
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กิฟฟารีนได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นบริษัทขายตรงที่ถูกต้อง ที่สามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้ผู้คนได้อย่างแท้จริง โดยปัจจุบันมีนักขายกิฟฟารีนมากกว่า 870,000 รหัส เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่มีอยู่ 860,000 รหัส
นอกจากนี้ กิฟฟารีนยังคงมุ่งพัฒนาช่องทางการขายทั้งออฟไลน์และออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สินค้าและบริการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ครอบคลุมทุกกลุ่มมากยิ่งขึ้น
สำหรับผู้ที่ต้องการมีรายได้เสริมที่มั่นคงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น กิฟฟารีนพร้อมเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนักธุรกิจกิฟฟารีน โดยไม่จำเป็นต้องลงทุน พร้อมทั้งยังได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อช่วยสนับสนุนการทำงานและขยายเครือข่ายของนักธุรกิจกิฟฟารีนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
พงศ์พสุ กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจขายตรงในปี 2568 ว่ายังมีสัญญาณบวก และเป็นธุรกิจที่ยังคงเติบโตได้ โดยคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดรวมธุรกิจขายตรงในปี 2568 จะอยู่ที่ประมาณ 56,400 ล้านบาท (ข้อมูลจากผลการวิจัยปี 2566)
กิฟฟารีนจึงเตรียมแผนการตลาดเต็มรูปแบบในปี 2568 โดยกลุ่มสินค้าที่มีแนวโน้มและโอกาสการเติบโตสูงยังคงเป็นกลุ่มสกินแคร์ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในกลุ่ม Longevity และดูแลรูปร่าง โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณทางการตลาด 150-200 ล้านบาท เพื่อผลักดันยอดขายและผลประกอบการให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
“ตลอดระยะเวลา 29 ปีที่ผ่านมา กิฟฟารีนมียอดขายรวม 110,758 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าพอใจอย่างมาก” พงศ์พสุ กล่าว
“ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการที่กิฟฟารีนมีความเข้าใจคนไทย ทั้งในเรื่องงานขาย และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามครบวงจร รวมถึงการปรับกลยุทธ์ทั้งออนไลน์และออฟไลน์อย่างต่อเนื่อง”
สำหรับปี 2568 นี้ กิฟฟารีนจะให้ความสำคัญกับสถานการณ์เศรษฐกิจควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ของกิฟฟารีนจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี และสามารถสู้กับกระแสเศรษฐกิจและการระมัดระวังการใช้จ่ายของผู้บริโภคได้
นอกจากนี้ กิฟฟารีนยังมีแผนที่จะคืนกำไรให้กับนักธุรกิจในรูปแบบรางวัลและทริปท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยจะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย “Fantastic Exclusive Awards” และการประชุมสัมมนาในภูมิภาคต่างๆ อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
กิฟฟารีนยังได้ทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ในการขยายและสร้างสำนักงานธุรกิจกิฟฟารีนแห่งใหม่ 2 แห่ง คือ ที่ภูเก็ต และหาดใหญ่ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในภาคใต้ รวมถึงการปรับปรุงสำนักงานสาขาในภูมิภาคสำคัญๆ อีกด้วย
ปัจจุบัน กิฟฟารีนมีสำนักงานสาขาทั้งสิ้น 103 สาขา เพื่อพร้อมให้บริการแก่สมาชิกและผู้บริโภคทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ เดลิเวอรี่ อี-มาร์เก็ตเพลส และโซเชียลมีเดีย ที่พร้อมให้บริการลูกค้าในทุกกลุ่มเป้าหมาย
