แกร็บ ประเทศไทย (Grab) เปิดกลยุทธ์ปี 67 ชูไฮไลท์ “4A” เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืนโดยมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมและผลักดันโครงการด้านสิ่งแวดล้อมต่อเนื่อง ครอบคลุมทั้งการส่งเสริมการใช้รถ EV การชดเชยคาร์บอน และการพัฒนาศักยภาพ-เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้หญิง
วรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า ธุรกิจเดลิเวอรีของเราก็ยังคงแข็งแกร่ง บริการ GrabFood และ GrabMart ยังคงครองใจผู้ใช้บริการยุคใหม่ที่มองหาความสะดวกสบายและบริการที่มีคุณภาพ ขณะเดียวกันเราก็ได้พัฒนาฟีเจอร์และบริการใหม่ๆ ออกมาเพื่อตอบสนองพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างบริการรับเองที่ร้าน (Pickup) บริการสั่งอาหารแบบกลุ่ม (Group Order) หรือแม้แต่บริการกินที่ร้าน (Dine-in) ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ในส่วนของธุรกิจทางการเงิน ได้เพิ่มช่องทางการชำระเงินสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยร่วมมือกับ Alipay และ Kakao Pay พร้อมขยายฐานผู้ใช้บริการในต่างจังหวัดผ่านการผนึกพันธมิตรกับธนาคารกรุงไทยโดยได้เชื่อมต่อระบบชำระเงินของ GrabPay Wallet เข้ากับแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT และด้วยอานิสงส์ของนโยบายการเปิดประเทศและการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลทำให้ ในปีที่ผ่านมายอดใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน Grab ในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตขึ้นถึง 139%
แกร็บมองเห็นสัญญาณเชิงบวกและเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของทั้งภูมิภาครวมถึงประเทศไทย ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยปัจจุบันประเทศไทยมีมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลสูงถึง 3.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจเรียกรถผ่านแอปและฟู้ดเดลิเวอรี ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงถึง 15% ภายในปี 2568
โดยในปีนี้ แกร็บ ประเทศไทย เตรียมเดินหน้ารุกธุรกิจเต็มสูบเพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ โดยมุ่งเน้นไป ที่ 4 ประเด็นหลัก (หรือ 4A) ควบคู่ไปกับการสานต่อโครงการต่างๆ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน และสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นกับทุกคนในอีโคซิสเต็มของเรา
สำหรับปีนี้ แกร็บ ประเทศไทย มุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจโดยเน้นไปที่ 4 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย
Active Users: ให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะ 3 กลุ่มหลัก คือ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ สมาชิกแพ็กเกจ GrabUnlimited และลูกค้าคุณภาพที่ใช้บริการเป็นประจำ ผ่านการผนึกความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตร อาทิ การร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและ ท่าอากาศยานไทย สร้างจุดคอยรถในสนามบินดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และจะเปิดบริการที่สุวรรณภูมิในปีนี้ ซึ่งแกร็บไม่ได้ขอเข้าไปตั้งฟรี แต่จะเข้าไปลงทุนเป็นพาร์ทเนอร์กับทางการท่าโดยจะมีการแบ่งรายได้กลับไป
พัฒนาสิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิก GrabUnlimited รวมถึงการเปิดตัวแพ็กเกจสมาชิกแบบรายปี ตลอดจนการพัฒนาสองแฟล็กชิพแบรนด์ของบริการ GrabFood อย่าง #GrabThumbsUp และ Only at Grab เพื่อรักษามาตรฐานและประสบการณ์ความอร่อยให้กับผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
Affordability: เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการและขยายฐานลูกค้าใหม่ ผ่านการเปิดตัวบริการ “GrabCar SAVER” สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ขนาดเล็กในราคาประหยัดลงสูงสุด 15% (เมื่อเทียบกับบริการ GrabCar) ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มทดลองให้บริการแล้วใน 20 จังหวัด และบริการ “GrabBike SAVER” สำหรับการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ในระยะทางไม่เกิน 4 กิโลเมตรในราคาเริ่มต้นเพียง 26 บาท โดยบริการ SAVER จะเปิดให้งานในช่วงที่ไม่ใช่เวลาเร่งด่วนเป็นการส่งเสริมรายได้ให้กับพาร์ทเนอร์
ในส่วนของธุรกิจเดลิเวอรี เพิ่มทางเลือกในการจัดส่งผ่าน “SAVER Delivery” และ “Hot Deals” เป็นเครื่องหมายการันตีความคุ้ม มาพร้อมส่วนลดออนท็อปในทุกช่วงเวลา
AI Technology: ในปีที่ผ่านมาแกร็บได้พัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง (ML) มากกว่า 1,000 โมเดลเพื่อพัฒนาบริการและเสริมประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจทั่วทั้งภูมิภาค สำหรับในปีนี้ แกร็บ ประเทศไทย ยังคงนำเทคโนโลยีที่พัฒนาเองเหล่านี้ มาต่อยอดเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้แพลตฟอร์มให้กับผู้ใช้บริการ รวมถึงพาร์ทเนอร์คนขับและร้านค้า อาทิ การนำ AI และ ML มาใช้ปรับปรุงและพัฒนาระบบพิจารณาเครดิตสำหรับการให้สินเชื่อกับพาร์ทเนอร์ ซึ่งปัจจุบันอัตราหนีเสียต่ำกว่าสถาบันการเงิน หรือการพัฒนา GrabGPT เพื่อเป็นประโยชน์ในการทำคอนเทนต์หรืองานออกแบบภายในองค์กร เป็นต้น
Ads & New Services: แกร็บเตรียมขยายบริการ GrabAds เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโฆษณา โดยนอกจากการเจาะตลาดลูกค้าองค์กร โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว สินค้าสุขภาพ-ความงาม และสินค้าอุปโภคบริโภคแล้ว ในปีนี้แกร็บยังเตรียมผลักดัน “Self-serve Ads” เครื่องมือโฆษณาสำหรับพาร์ทเนอร์ร้านค้า เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SME เพิ่มยอดขายจากการทำโฆษณาและแนะนำโปรโมชันกับลูกค้าได้ด้วยตัวเอง โดยผลตอบแทนจากการโฆษณา (Return on Ad Spend) เฉลี่ยสูงถึง 6 เท่า
นอกจากนี้ แกร็บยังวางแผนพัฒนาและปรับปรุงบริการใหม่ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเรียกรถและเดลิเวอรี อาทิ บริการจองการเดินทางล่วงหน้า (Advance Booking) และกินที่ร้าน (Dine-in) ให้มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ผู้ใช้บริการยิ่งขึ้น
“นอกจากการพัฒนาในด้านธุรกิจแล้ว แกร็บ ประเทศไทย ยังคงยึดมั่นเจตนารมณ์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับผู้คนในสังคมควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยในปีนี้เรายังเดินหน้าสานต่อโครงการ GrabEV เพื่อผลักดันการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มพาร์ทเนอร์คนขับให้ได้ 10% ซึ่งคาดว่าจะสำเร็จก่อนปี 2569 โครงการ Carbon Offset ที่ยังคงร่วมปลูกต้นไม้เพื่อชดเชยคาร์บอนจากการใช้บริการคาดว่าในปีนี้จะปลูกต้นไม้ได้มากกว่าปี 66 ถึง 2 เท่า รวมถึงการพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมการเข้าถึงโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับพาร์ทเนอร์คนขับและร้านค้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิง เพื่อเป้าหมายในการสร้างธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้คนไทย” วรฉัตร กล่าวทิ้งท้าย
–สปา-ฮาคูโฮโด ปรับโครงสร้างและกลยุทธ์องค์กร รองรับความต้องการของโลกการตลาดยุคใหม่
ไปรษณีย์ไทย คว้ารางวัล "GEN Z TOP Brand Award 2025" รางวัลที่สะท้อนถึงความสำเร็จในการครองใจผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Z ได้อย่างอยู่หมัด การันตีด้วยผลสำรวจเชิงลึกจาก BrandBuffet และ…
เซ็นทรัลพัฒนา ตอกย้ำความสำเร็จในฐานะผู้นำอสังหาริมทรัพย์เพื่อความยั่งยืน คว้ารางวัล Thailand Top Company Awards 2025 สาขาอสังหาริมทรัพย์ จากนิตยสาร Business+ ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ภายใต้แนวคิด "Beating the…
ทรูออนไลน์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดเน็ตบ้านไฟเบอร์อันดับ 1 ในใจผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง คว้ารางวัล "2025 Thailand’s Most Admired Brand" ในกลุ่มผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เป็นปีที่ 12 ติดต่อกัน พร้อมรับรางวัลพิเศษ…
แกร็บ (Grab) สร้างความฮือฮาด้วยการจัดงาน GrabX เป็นครั้งแรก พร้อมเผยโฉมนวัตกรรมและบริการล่าสุดประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด “For Every You” มุ่งตอบสนองทุกบทบาทและความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้งานในยุคปัจจุบัน การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของแกร็บในการยกระดับประสบการณ์ใช้งานผ่านโซลูชันที่พัฒนาจากความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง ผสานพลังเทคโนโลยี AI…
บิ๊กดีลยานยนต์ไฟฟ้า! บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ประกาศ คว้าสิทธิ์เป็นผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมแบรนด์ดังจากจีน "NIU" พร้อมอัดฉีดงบ 100 ล้านบาท ผุดโรงงานผลิตในไทย…
สถานการณ์การฉ้อโกงออนไลน์ในประเทศไทยทวีความรุนแรงขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะปัญหาการใช้ "บัญชีม้า" ที่ตั้งแต่ปี 2565 พบการใช้งานโดยมิจฉาชีพกว่า 5 แสนบัญชี สร้างความเสียหายรวมมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท บัญชีเหล่านี้เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการติดตามเงินและตัวผู้กระทำผิด ทำให้การฉ้อโกงด้วยการควบคุมบัญชี (Account Takeover)…
This website uses cookies.