แกร็บ ประเทศไทย รุกธุรกิจโฆษณาเต็มสูบ ดัน “GrabAds” สื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีก เจาะกลุ่มนักโฆษณาและการตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในยุคดิจิทัล ชู 3 ไฮไลท์ ได้แก่ การเชื่อมโลกออนไลน์และออฟไลน์อย่างไร้รอยต่อภายในอีโคซิสเต็มของแกร็บ (Online-to-Offline Integration within Grab’s Ecosystem) การดึงดูดกลุ่มลูกค้าคุณภาพที่มีกำลังซื้อ (Capturing High-Value Audience) และการเข้าถึงข้อมูลการใช้จ่ายจริงของผู้บริโภค (First-Party Data Insights) เล็งขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม FMCG ยานยนต์ และสถาบันการเงิน นอกเหนือจากกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมตั้งเป้าเป็นสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีกอันดันต้นๆ ในประเทศไทย
จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพาณิชย์และการตลาด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในโลกออนไลน์หรือออฟไลน์ แต่มีการผสมผสานกันอย่างไร้รอยต่อ ทำให้นักโฆษณาและนักการตลาดต้องออกแบบกลยุทธ์การเข้าถึงผู้บริโภคให้สอดรับกับรูปแบบการใช้ชีวิต และสามารถเชื่อมโยงประสบการณ์บนโลกออนไลน์และออฟไลน์ของผู้บริโภคให้ได้อย่างลงตัว หากเจาะไปที่ธุรกิจโฆษณาในปีที่ผ่านมา (2565) สื่อออนไลน์และออฟไลน์ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 ได้คลี่คลายลง ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สื่อออนไลน์ยังคงได้รับความนิยมและมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นถึง 5.6% ขณะที่เม็ดเงินโฆษณาในสื่อออฟไลน์ลดลง 1.9% จากการถดถอยของสื่อโทรทัศน์ ขณะที่สื่อนอกบ้าน (Outdoor & Transit media) มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด”
“นอกเหนือจากสื่อโฆษณาหลักเหล่านี้แล้ว อีกหนึ่งรูปแบบของสื่อที่กำลังมาแรงในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมาคือ สื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีก (Retail Media Network) ซึ่งบริหารและให้บริการโดยผู้ประกอบการค้าปลีกหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ ถือเป็นช่องทางใหม่ที่ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ในขณะที่กำลังซื้อสินค้าออนไลน์หรือหน้าร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยจุดแข็งของการมีฐานข้อมูลที่มีคุณภาพ ทั้งในด้านพฤติกรรมการจับจ่าย ความชอบ และประวัติการซื้อสินค้าหรือใช้บริการ ทั้งนี้ ในปี 2566 สื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีกถือเป็นสื่อที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นอันดับ 3 โดยถูกคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่ารวมทั่วทั้งโลกสูงถึง 125.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และจะสามารถทำรายได้รวมสูงกว่ารายได้จากสื่อโทรทัศน์ได้ภายในปี 2571”
แกร็บเข้าสู่ธุรกิจโฆษณาครั้งแรกในปี 2561 โดยเริ่มจากการนำเสนอสื่อโฆษณาภายในรถยนต์เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับพาร์ทเนอร์คนขับ ก่อนจะขยายตัวมาเป็นสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มเพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์ร้านค้าหรือแบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าถึงผู้ใช้บริการในแอปพลิเคชันได้มากขึ้น และถูกพัฒนาจนกลายมาเป็นสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีกที่ครบวงจรภายใต้ชื่อ “GrabAds” อย่างในปัจจุบัน ซึ่งครอบคลุมช่องทางการโฆษณาทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยล่าสุด GrabAds ติดอันดับหนึ่งในสามของสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ผู้บริโภคให้การตอบรับและมีความรู้สึกที่ดีต่อโฆษณา (Ad Equity) มากที่สุด สำหรับในประเทศไทย GrabAds เริ่มทำการตลาดอย่างจริงจังในช่วงสองปีที่ผ่านมา จนได้รับความนิยมและความไว้วางใจจากแบรนด์ชั้นนำในกลุ่มธุรกิจต่างๆ เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารและเข้าถึงผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อและทรงอิทธิพลด้วย 3 จุดแข็งสำคัญ นั่นคือ การเชื่อมโลกออนไลน์และออฟไลน์ภายในอีโคซิสเต็มของแกร็บได้อย่างไร้รอยต่อ และการดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพ การเข้าถึงข้อมูลพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค
3 จุดแข็งสำคัญของธุรกิจสื่อโฆษณาจาก GrabAds คือ
- การเชื่อมโลกออนไลน์และออฟไลน์อย่างไร้รอยต่อ (Online-to-Offline Integration within Grab’s Ecosystem):
GrabAds นำเสนอโซลูชันด้านการตลาดที่ครบวงจร ตั้งแต่ การสร้างแบรนด์ไปจนถึงปิดการขายกับกลุ่มเป้าหมาย (Awareness to Conversion) ด้วยรูปแบบและกลไกของสื่อที่มีความหลากหลาย ทั้งบนแอปพลิเคชันออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง Masthead Native Banner Search เป็นต้น ที่ผู้ใช้บริการสามารถสั่งซื้อสินค้า และผ่านทางการให้บริการออฟไลน์ อาทิ สื่อโฆษณาบนรถโดยสาร หรือ กระเป๋าส่งของของพาร์ทเนอร์คนขับ ทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ตรงตามเป้าหมายที่ต้องการ
- การจับกลุ่มลูกค้าคุณภาพที่มีกำลังซื้อ (Capturing High-Value Audience):
กว่า 60% ของผู้ใช้บริการในประเทศไทยที่เปิดแอปพลิเคชันแกร็บมีการทำการใช้จ่ายบนแอปพลิเคชันในเดือนนั้น จึงทำให้อัตราการคลิกโฆษณา (Click Through Rate: CTR) สูงกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ในประเทศไทย ถึง 3 – 5 เท่า นอกจากนี้ จากการสำรวจของแกร็บ ยังพบว่า กว่า 77% ของผู้ใช้บริการไทยรับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาอยู่บนแพลตฟอร์มแกร็บ
- การเข้าถึงข้อมูลการใช้จ่ายจริงของผู้บริโภค (First-party Data Insights):
ด้วยฐานข้อมูลคุณภาพ ที่รวบรวมพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงของผู้ใช้บริการบนแอปพลิเคชัน Grab ที่ครอบคลุมหลากหลายมิติของการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าใจอินไซต์และเจาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ เช่น ไลฟ์สไตล์หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต อาทิ เมนูอาหารที่ชอบ ประเภทสินค้าที่สั่งเป็นประจำ สถานที่ที่มักเดินทางไปบ่อยๆ รวมถึงวิธีการเดินทาง
“นอกจากลูกค้าในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ซึ่งถือเป็นกลุ่มหลักที่ให้ความสนใจและทุ่มงบโฆษณากับ GrabAds แล้ว เรายังพยายามขยายฐานลูกค้าไปในอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วย โดยในปีนี้ เราเตรียมรุกไปที่ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Fast Moving Consumer Goods: FMCG) กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive) และกลุ่มสถาบันการเงินและธนาคาร (Finance & Banking) ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตและใช้งบเพื่อทำการตลาดกับกลุ่มผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เราเชื่อว่า GrabAds จะเป็นเครื่องมือการตลาดอันทรงพลังที่ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ตรงเป้าหมายอย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ” จันต์สุดา กล่าวทิ้งท้าย