LEARN Corporation ประกาศความสำเร็จปี 66 ธุรกิจโตต่อเนื่อง ด้วยจำนวนผู้เรียนมากกว่า 560,000 ราย พร้อมด้วยการขยายหลักสูตรและความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่เพื่อยกระดับประสบการณ์การเรียนรู้บนแพลตฟอร์มให้ดียิ่งขึ้น ล่าสุดประกาศวิสัยทัศน์ปี 67 พร้อมเดินหน้าสู่การเป็น Lifelong Learning Solutions for Internationalization หรือโซลูชันการเรียนรู้แบบ Lifelong Learning เพื่อผลักดันศักยภาพคนไทยสู่ระดับสากล ผ่านกลยุทธ์ Platform Synergy ที่จะผสานพลังของ 3 กลุ่มธุรกิจเพื่อการพัฒนาโซลูชันด้านการศึกษาและการเรียนรู้ให้ตอบโจทย์ผู้เรียนแต่ละคนในทุกช่วงวัยได้อย่างครบวงจร บนแนวคิด Internationalization เพื่อผลักดันศักยภาพนักเรียนและบุคลากรไทยให้ทัดเทียมสากล พร้อมวางแผนให้ทุกกลุ่มธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 67
ปรับโครงสร้างธุรกิจ ยกระดับหลักสูตรเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต
สาธร อุพันวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เลิร์น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “LEARN Corporation ปรับโครงสร้างธุรกิจเป็น 3 กลุ่ม รวมทั้งขยายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทำให้การบริหารจัดการธุรกิจก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว นำไปสู่การพัฒนายกระดับหลักสูตรใหม่และแพลตฟอร์มการเรียนรู้ในเครือ” ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นผ่านจำนวนการเข้าถึงผู้เรียนในปี 2566 กว่า 560,000 คน จาก 3 กลุ่มธุรกิจ ครอบคลุมตั้งแต่วัยประถมไปจนถึงกลุ่มวัยทำงาน ดังนี้
- กลุ่มธุรกิจ Out – School: กลุ่มธุรกิจพัฒนาการเรียนรู้เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนก้าวสู่อาชีพ เน้นการผลักดันวัยเรียนให้ก้าวไปสู่เป้าหมายและมหาวิทยาลัยในฝัน พร้อมบริการให้คำปรึกษาด้านการเรียนต่อในต่างประเทศทั้งสำหรับวัยเรียนและวัยทำงาน ผู้เรียนสามารถเรียนผ่านแพลตฟอร์ม Learn Anywhere แอปพลิเคชันเรียนออนไลน์ที่รวบรวมคอนเทนต์จากกลุ่ม Out – School ไว้ในที่เดียว ซึ่งปัจจุบันถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีส่วนแบ่งรายได้สูงสุด โดยในปีที่ผ่านมาได้มีการเปิดสาขาวิชาใหม่ ๆ เพิ่มเติม เช่น OnDemand ได้เพิ่มหลักสูตรวิชาภาษาอังกฤษเพื่อให้ครอบคลุมสำหรับกลุ่มนักเรียนสายแข่งขัน รวมถึงการเปิดตัว Medical Career School ขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมให้เยาวชนก้าวสู่อาชีพแพทย์ได้ตามฝัน ผสานความร่วมจาก OnDemand, Ignite by OnDemand, TCASter และ APPA ร่วมกันพัฒนาผู้เรียนทั้งด้านติวสอบ ฝึกทำข้อสอบ แนะแนว และสร้างประสบการณ์จริงผ่านแคมป์ ซึ่งได้รับผลตอบรับดีเกินคาด
- กลุ่มธุรกิจ Chain School: กลุ่มธุรกิจบริหารโรงเรียนเอกชน เป็นธุรกิจบริหารและดูแลหลักสูตรการเรียนการสอนในโรงเรียน มุ่งพัฒนาระบบการศึกษาไทยที่เน้นความสุขและความสำเร็จของผู้เรียนเป็นที่ตั้ง โดยปัจจุบันมี LSP School (Learn Satit Pattana School) หรือ โรงเรียนเลิร์น สาธิตพัฒนา ฝ่ายมัธยม ที่ LEARN Corporation เข้าไปบริหารงาน ด้วยการใช้เทคโนโลยีและหลักสูตรการเรียนของบริษัทเข้าไปทำการเรียนการสอน ควบคู่กับการกำหนดแผนการเรียนตามเป้าหมายรายบุคคล และทักษะภาษาอังกฤษตามมาตรฐาน Cambridge International และล่าสุดในปี 2566 ได้เปิดตัวหลักสูตร ISP (International Signature Program) หรือหลักสูตรอินเตอร์ เพื่อรองรับกลุ่มนักเรียนนานาชาติที่มีอัตราเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดย LSP School คือกลุ่มธุรกิจที่ LEARN Corporation โฟกัสในเรื่องคุณภาพการศึกษาเทียบเท่าโรงเรียนนานาชาติแต่อยู่ในระดับที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า และตั้งเป้าที่จะเป็น “The Best School” เพื่อมุ่งสู่การเปิดสาขา 2 ในอนาคตอันใกล้
- กลุ่มธุรกิจ Professional & Skills: กลุ่มธุรกิจพัฒนาทักษะสมัยใหม่เพื่อรองรับการทำงานในโลกอนาคต ในปี 2566 ที่ผ่านมา Skooldio บริษัทในเครือ ได้มีการเปิดหลักสูตรสมัยใหม่กลุ่ม AI หลากหลายหลักสูตร ตอบโจทย์ผู้ที่มีพื้นฐานและไม่มีพื้นฐานด้าน AI ได้พัฒนาทักษะตนเองสู่โลกอนาคต จนติดโผ สตาร์ตอัปที่เติบโตสูงระดับเอเชียแปซิฟิก ปี 2566 รวมทั้งยังได้ร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พัฒนา Degree plus แพลตฟอร์ม Lifelong Learning Operating System ที่พัฒนาหลักสูตรสมัยใหม่ให้กับมหาวิทยาลัยชั้นนำต่าง ๆ เช่น หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง VELA (Vitality Enhancement & Longevity Academy) เพื่อพัฒนาและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการแพทย์และธุรกิจสุขภาพ และหลักสูตร Decentralized Finance and Blockchain เพื่อแก้ปัญหาระบบการเงินอีกด้วย
นอกจากนี้ ในปี 2566 ยังเป็นปีที่ LEARN Corporation เดินหน้าสานต่องานด้านสังคมอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการทุนเปลี่ยนชีวิตปี 4 เพื่อเป็นทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนที่ขาดโอกาส โดยตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ทำโครงการ มีนักเรียนได้รับทุนรวมกว่า 8,000 คน คิดเป็นมูลค่าทุนกว่า 110 ล้านบาท และล่าสุด โครงการทุนเปลี่ยนชีวิต ได้คว้ารางวัลระดับโลก The International CSR Excellence Awards 2023 จากประเทศอังกฤษ
ปี 67 ปักธงชูเดินหน้าสู่การเป็น Lifelong Learning Solutions for Internationalization
ความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของโลกยุคใหม่ ทำให้ทักษะมากมายถูก Disrupt โดยล่าสุดจากรายงาน The Future of Jobs ประจำปี 2566 จากการประชุม World Economic Forum ได้กล่าวว่า ‘ภายใน 5 ปี ทักษะ 44% ของผู้คนจะไร้ความหมายและไม่มีประโยชน์อีกต่อไป’ จึงเป็นที่มาของการปรับตัวครั้งสำคัญของมนุษยชาติสู่โลกใหม่ที่ผู้คนจะต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองตลอดชีวิต หรือ Lifelong Learning
ในขณะที่อนาคต จะมีการใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้ในการเข้าถึงผู้คนอย่างแพร่หลาย เกิดเป็นทางเลือกการเรียนรู้ใหม่ที่สามารถผสมผสานออนไลน์กับออฟไลน์ได้อย่างลื่นไหล (Blended Learning) และมีความเป็นเฉพาะบุคคล (Personalized Learning) มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายของผู้เรียนอย่างยืดหยุ่น
จากแนวโน้มดังกล่าวจึงเป็นที่มาสำคัญของเป้าหมายในการเดินหน้าสู่การเป็น ‘Lifelong Learning Solutions for Internationalization’ ที่จะมุ่งเน้นการเป็นโซลูชันการเรียนรู้ที่จะตอบโจทย์ผู้เรียนในทุกช่วงชีวิต เพื่อเป้าหมายการพัฒนาทักษะของคนไทยสู่การเป็นพลเมืองโลก (Global Citizen) ได้อย่างแท้จริง โดยจะมุ่งเน้นการทำงานผ่าน 2 กลยุทธ์ คือ
- Platform Synergy มุ่งเน้นการบริหารงานที่ผสานความร่วมมือจาก 3 กลุ่มธุรกิจ ทั้งการบริหารงาน การพัฒนาคอนเทนต์ความรู้ การบริการ เทคโนโลยี ตลอดจนการแชร์องค์ความรู้ร่วมกัน พร้อมกับดึงจุดเด่นของแต่ละธุรกิจเข้ามาผสานเป็นหนึ่งเดียว เพื่อพัฒนาเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์ผู้เรียนทุกช่วงอายุ
- High Demand & Impactful มุ่งเน้นการพัฒนาหลักสูตรต่อยอดทักษะหรือองค์ความรู้ที่กำลังเป็นที่ต้องการสูง ตอบโจทย์ดีมานด์ในตลาดและเป็นสิ่งที่ช่วยพัฒนาคนในสังคม อีกทั้งการทำงานภายในต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วทั้งในเชิงการพัฒนาคอนเทนต์และบริการ รวมถึงการปรับรูปแบบการเรียนการสอนเพื่อให้เข้าถึงและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้เรียนทุกช่วงอายุ
คาดการณ์ปี 67 ภาพรวมธุรกิจโตต่อเนื่อง
สาธร กล่าวทิ้งท้ายว่า “แนวโน้มการเติบโตในปี 2567 คาดว่าภาพรวมธุรกิจจะโตอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มธุรกิจ Out – School จะยังเป็นกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้สูงสุดจากรายได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากลุ่มธุรกิจ Chain School ที่เป็นกลุ่มธุรกิจใหม่จะมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยผลตอบรับที่ดีมากจากกลุ่มครอบครัวยุคใหม่ที่ชื่นชอบจุดเด่นของหลักสูตรแบบ Personalized Learning เป็นแนวทางการศึกษาที่กำลังเป็นที่ต้องการในปัจจุบัน”
–NetApp แต่งตั้ง อรรณพ วาดิถี ขึ้นแท่นเป็นผู้จัดการประจำประเทศไทย