บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ จำกัด หรือ LG ประกาศรายได้รวมช่วงไตรมาสแรกในปี 2567 อยู่ที่ 21.09 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 5.67 แสนล้านบาท) และมียอดกำไรผลประกอบการอยู่ที่ 1.33 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท) โดยธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านยังครองความเป็นผู้นำในระดับโลก ด้วยการสร้างสถิติใหม่ในแง่ยอดรายได้และกำไรจากผลประกอบการเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ในขณะที่ธรุกิจชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า EV ซึ่งเป็นธุรกิจหลักในการผลักดันการเติบโตในอนาคตของแอลจียังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และกลุ่มธุรกิจโทรทัศน์และกลุ่มธุรกิจโซลูชันสำหรับธุรกิจยังคงมียอดขายเติบโตขึ้นจากปีที่แล้ว และยังสร้างผลกำไรเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้า
ทั้งนี้ แอลจียังคงสามารถทำยอดรายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงไตรมาสแรกของปี แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจในระดับมหภาค เช่น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยความสำเร็จในครั้งนี้ได้ตอกย้ำให้เห็นถึงผลความสำเร็จของการปรับใช้รูปแบบธุรกิจที่มีความยั่งยืน เช่น บริการในรูปแบบสมัครสมาชิก และการใช้ประโยชน์จากโอกาสการเติบโตในส่วนของธุรกิจระหว่าองค์กร (B2B) โดยแอลจีได้ให้ความสำคัญถึงเรื่องฟีเจอร์ที่มีความหลากหลาย ทั้งในด้าน AI การประหยัดพลังงาน และการดีไซน์ที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้เสริมความแข็งแกร่งให้แก่ศักยภาพการแข่งขันของแอลจีในตลาดระดับพรีเมียม นอกจากนี้ กลยุทธ์ในการนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายและโครงสร้างการกำหนดราคาที่มีความยืดหยุ่น ทำให้บริษัทฯ สามารถกำหนดเทรนด์ความต้องการต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
แอลจีสามารถทำกำไรจากผลประกอบการได้สูงกว่า 1 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท) ติดต่อกันเป็นปีที่ห้า และได้แสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินการที่แข็งแกร่งท่ามกลางสภาพการแข่งขันในตลาดที่เข้มข้น โดยบริษัทได้ให้ความสำคัญกับธุรกิจด้านคอนเทนท์ บริการ และการขายตรงกับลูกค้าผ่านร้านค้าออนไลน์ (OBS) ซึ่งส่งผลให้เกิดการเติบโตอย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้ ความพยายามในการรักษาต้นทุนวัตถุดิบและการขนส่งให้คงที่ รวมทั้งแหล่งการผลิตที่มีความยืดหยุ่น ยังได้ช่วยเพิ่มความสามารถในการสร้างผลกำไรให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ในส่วนของธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและโซลูชันเครื่องปรับอากาศของแอลจี ยังสามารถสร้างรายได้ในช่วงไตรมาสแรกได้ที่ 8.6 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 2.3 แสนล้านบาท) และสร้างกำไรผลประกอบการได้ที่ 940.3 พันล้านวอน (หรือประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท) ซึ่งได้สร้างยอดการเติบโตให้แก่รายได้อย่างมีนัยสำคัญที่ 7.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และสร้างสถิติใหม่ในแง่ของผลประกอบการช่วงไตรมาสแรกของแอลจี ส่วนกำไรของผลประกอบการดังกล่าวยังถือเป็นยอดสูงสุดอันดับที่สองในประวัติศาสตร์ ด้วยอัตราส่วนของกำไรผลประกอบการที่ 10.9% ซึ่งตอกย้ำถึงศักยภาพการแข่งขันอันยอดเยี่ยมของแอลจีในระดับโลก
ปัจจัยการผลักดันจากเทคโนโลยีหลัก ๆ โดยเฉพาะจากมอเตอร์และคอมเพรสเซอร์ ได้ทำให้ส่วนธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของแอลจีสามารถสร้างนวัตกรรมได้อย่างต่อเนื่องในสภาพตลาดที่มีความอิ่มตัว โดยแอลจีได้มุ่งมั่นในจุดยืนด้านการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ด้วยการบุกเบิกในโครงการที่สร้างความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ทั้งในแง่ของบริการด้านผลิตภัณฑ์ในรูปแบบสมัครสมาชิก และการต่อยอดคอนเซ็ปต์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเรื่อง ‘ความอัจฉริยะอันมีเสน่ห์’ โดยนวัตกรรมเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ความสำคัญกับการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ แอลจียังได้ขยายกลุ่มธุรกิจ B2B อย่างมีกลยุทธ์ ซึ่งรวมไปถึงโซลูชันด้านระบบปรับอากาศ ที่ช่วยทำให้เกิดรายได้จากโอกาสธุรกิจใหม่ ๆ
ในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ของแอลจี มียอดรายได้ในไตรมาสแรกคิดเป็นมูลค่า 2.66 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 7.2 แสนล้านบาท) โดยมีผลกำไรจากการดำเนินงานที่ 52 พันล้านวอน (หรือประมาณ 1.4 พันล้านบาท) โดยนับเป็นสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น 11.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และยังมีการเปลี่ยนแปลงยอดสั่งซื้อผลิตภัณฑ์คงค้างสู่การเป็นรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย แม้ว่าจะมีการลงทุนด้านการสร้างฐานผลิตในต่างประเทศเพื่อตอบสนองจำนวนคำสั่งซื้อที่เพิ่มมากขึ้นและตอบโจทย์ความต้องการของผู้รับจ้างผลิตสินค้า (OEMs) ทางบริษัทยังสามารถรักษาผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการขยายตัวของรายได้
แม้ว่าจะมีการคาดการณ์เกี่ยวกับการชะลอตัวของความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตในช่วงที่ผ่านมา ความต้องการของชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าที่มีมูลค่าสูง (High-value-added EV Components) จะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแอลจีรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของตลาด ด้วยการพัฒนาพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายและครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์กลุ่มอินโฟเทนเมนท์ในยานยนต์ ไปจนถึงระบบขับเคลื่อนและไฟหน้ารถยนต์ โดยแอลจีมุ่งมั่นรักษาการเติบโตด้านรายได้และเสถียรภาพของฐานกำไรด้วยการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดเหล่านี้อย่างแน่วแน่
ด้านกลุ่มธุรกิจโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ มีมูลค่าผลประกอบการอยู่ที่ 3.49 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 9.4 แสนล้านบาท) โดยมีผลกำไรจากการดำเนินงาน 132.2 พันล้านวอน (หรือประมาณ 3.6 พันล้านบาท) และคิดเป็นสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น 4.2 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา การเพิ่มขึ้นของกำไรผลประกอบการนี้ขับเคลื่อนโดยการฟื้นตัวของความต้องการผลิตภัณฑ์โทรทัศน์ในทวีปยุโรปประกอบกับการประสบความสำเร็จของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ในปี 2567 และจากผลการประกอบธุรกิจที่แข็งแกร่งของธุรกิจแพลตฟอร์ม webOS คอนเทนต์และการบริการรวมไปถึงการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางดั้งเดิม ได้สะท้อนให้เห็นผ่านผลกำไรจากการดำเนินงานที่เป็นไปในทิศทางที่เพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทยังสามารถกวาดกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพท่ามกลางความท้าทายต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงราคาแผงหน้าจอ LCD ที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าความต้องการในตลาดโทรทัศน์จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง โดยแอลจีมีกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นไปที่การยกระดับผลิตภัณฑ์ทีวีที่เป็นผู้นำในตลาดระดับโลกอย่างทีวี OLED และทีวีพรีเมียมอย่างทีวี LCD QNED และจะยังมุ่งทำกำไรอย่างต่อเนื่อง ผ่านธุรกิจแพลตฟอร์ม WebOS ซึ่งมีความพร้อมสำหรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ในขณะที่กลุ่มธุรกิจโซลูชันธุรกิจ มีผลประกอบการในไตรมาสแรกคิดเป็นมูลค่า 1.57 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 4.2 แสนล้านบาท) และได้รับกำไรจากการดำเนินธุรกิจอีก 12.8 พันล้านวอน (หรือประมาณ 3.4 พันล้านบาท) โดยคิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น 6.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยการเปิดตัวของแล็ปท็อป LG Gram ที่เพิ่มเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ในช่วงการจบการศึกษาและการสมัครเข้าเรียนของนักเรียนนั้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ การจำหน่ายสินค้ากลุ่มจอแสดงผลเชิงพาณิชย์อันประกอบไปด้วย กระดานไวท์บอร์ดไฟฟ้าและป้าย LED ก็เติบโตขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากำไรการดำเนินธุรกิจจะเพิ่มมากขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา แต่ด้วยการเพิ่มขึ้นของราคาชิ้นส่วนและการแข่งขันอันดุเดือด จึงส่งผลให้กำไรการดำเนินธุรกิจลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า
ในปีนี้ มีการคาดการณ์ว่าความต้องการสินค้าของตลาดไอทีในภาพรวมจะยังเท่ากับปีที่ผ่านมา แต่จะมีการเติบโตเล็กน้อยในกลุ่มผลิตภัณฑ์จอแสดงผลเชิงพาณิชย์ โดยความต้องการสินค้าไอทีระดับไฮเอนด์อย่างจอมอนิเตอร์สำหรับเล่นเกมส์ และป้าย LED จะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งแอลจีเดินหน้าที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดด้วยกลยุทธ์การพัฒนาสินค้าไอทีเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ผ่านการผสานฟีเจอร์สำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะและหน้าจอแสดงผล OLED รวมไปถึงผลิตภัณฑ์จอ LED ระดับพรีเมียมอื่น ๆ โดยมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจใหม่ ๆ ที่น่าสนใจในด้านหุ่นยนต์และการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้านี้จะช่วยผลักดันโอกาสการเติบโตในอนาคต
–LOXLEY ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ชูวิสัยทัศน์เติบโตอย่างเชี่ยวชาญ มั่นคงและยั่งยืน
โค้ก โดยกลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย สร้างความฮือฮาให้กับตลาดเครื่องดื่มอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว "โค้ก" ซีโร่ กลิ่นวานิลลา ความอร่อยใหม่ที่ผสานความซ่าส์อันเป็นเอกลักษณ์ของ "โค้ก" เข้ากับความหอมหวานละมุนละไมของวานิลลาได้อย่างลงตัว ที่สำคัญคือมาในสูตรไม่มีน้ำตาล ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen…
บริษัท ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น (Epson) ประกาศแต่งตั้ง โยชิดะ จุนคิชิ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและตัวแทนผู้อำนวยการ (President and Representative Director) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ (Chief…
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดย กองสิ่งแวดล้อม ฝ่ายพัฒนาโครงการรถไฟฟ้า ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในการก่อสร้าง ช่วงเวลากลางคืน การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ตลอดแนวเส้นทางโครงการฯ โดยเริ่มตั้งแต่จุดก่อสร้าง Cut…
LINE MAN ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ Lotus’s และ Lotus’s go fresh ขยายฐานบริการ LINE MAN MART ให้ครอบคลุมกว่า 1,400 สาขาทั่วประเทศ…
พฤกษา ผนึกกำลัง โรงพยาบาลวิมุต มอบสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพครบวงจรให้ลูกบ้านตลอดปี 2568 ภายใต้แนวคิด "สุขภาพดีเริ่มต้นที่บ้าน" จิตชญา ตู้จินดา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดองค์กรกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง…
ออเนอร์ (HONOR) ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญของสมาร์ทโฟนระดับแฟลกชิป HONOR Magic7 Pro 5G ที่สร้างยอดขายเติบโตสูงถึง 2.4 เท่า นับตั้งแต่เปิดให้พรีออเดอร์เมื่อวันที่ 11-21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568…