LHFG ชูกลยุทธ์ ปี 65 เดินหน้าเป็นที่ปรึกษาการเงินครบวงจร พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์มสอดรับกับพฤติกรรมลูกค้า

LHFG ชูกลยุทธ์ ปี 65 เดินหน้าเป็นที่ปรึกษาการเงินครบวงจร พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์มสอดรับกับพฤติกรรมลูกค้า

กลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHFG) ชูกลยุทธ์ ปี 2565 ยกระดับการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินแบบครบวงจร แนะนำวางแผนการเงินการลงทุน พร้อมชูความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้า และพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อสอดรับกับพฤติกรรมของลูกค้าในปัจจุบัน

ฉี ชิง-ฟู่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LHFG เปิดเผยกลยุทธ์ปี 2565 ว่า เมื่อเดือนกันยายน 2564 CTBC Bank ซึ่งเป็นธนาคารเอกชนอันดับ 1 ในไต้หวัน ได้ถือหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 35.62 เป็นร้อยละ 46.61 ของทุนที่ชำระแล้ว และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ นับเป็นการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและเติบโตของกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ในการก้าวสู่ระดับนานาชาติ

โดยกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จะนำศักยภาพด้านดิจิทัลแบงก์กิ้ง และความเชี่ยวชาญในการให้บริการด้วยแพลตฟอร์มโซลูชันทางการเงินที่ครบวงจรของ CTBC Bank ที่จะร่วมพัฒนา Digital Infrastructure และ Platform เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าภายใต้แนวคิด Customer Centric และเร่งขยายธุรกิจที่มีมาร์จินสูง การมีพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีและมุ่งเน้นการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอย่างมืออาชีพ รวมทั้งเร่งขยายฐานลูกค้าโดยส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์สินเชื่อ เงินฝาก ธุรกรรมด้านต่างประเทศ ประกันชีวิตและประกันวินาศภัย การลงทุน ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการและมีผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด

NRF เผยกลยุทธ์สู่บริษัทคลีนฟู้ดเทคระดับโลก พร้อมขับเคลื่อนการสร้างความยั่งยืน
เอเซีย พลัส จับมือ FWD ประกันชีวิต เปิดตัวบริการด้านการลงทุนและคุ้มครองชีวิต

สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2564 กลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีกำไรสุทธิจำนวน 1,383.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 32.7 เมื่อเทียบกับปี 2563 จากการตั้งสำรองเข้ม แม้ NPLs จะลดลงจากร้อยละ 2.77 เมื่อสิ้นปี 2563 เหลือร้อยละ 2.44 เมื่อสิ้นปี 2564 และจะเห็นได้ว่าอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) เพิ่มขึ้นจาก 148.4% เมื่อไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 เป็น 179.1% ณ สิ้นปี 2564 โดยเมื่อ CTBC Bank เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เมื่อเดือนกันยายน 2564 ซึ่ง CTBC Bank เห็นว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนายังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงมีความเห็นให้ธนาคารตั้งสำรองเพิ่มขึ้นจาก 1,738.0 ล้านบาท ในงวด 9 เดือนของปี 2564 เป็น 3,283.8 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจในการดำเนินกลยุทธ์ในปี 2565 ซึ่งธนาคารจะเร่งขยายธุรกิจและขยายสินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้น

ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 18.4% และเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 16.1% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่ 11.0% และ 8.5% ตามลำดับ ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย

ชมภูนุช ปฐมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bank กล่าวว่า ปี 2565 ธนาคารมีแผนขยายสินเชื่อ 6-7% และยังคงเน้นขยายฐานลูกค้าสินเชื่อในภาคอุตสาหกรรมที่เห็นว่ามีแนวโน้มเติบโต การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการธุรกรรมต่างประเทศในรูปแบบดิจิทัล (Digital Trade Finance) และเร่งขยายสินเชื่อบุคคล การปรับโครงสร้างภายใน เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานเพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว การปรับภาพลักษณ์สาขาให้มีความ Premium การยกระดับการให้บริการพร้อมกับการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอย่างมืออาชีพ การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อความมั่งคั่งที่ครอบคลุมไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์กองทุนรวม และผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตรูปแบบต่างๆ รวมทั้ง ธนาคารยังคงให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ธุรกิจและลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาอย่างต่อเนื่องต่อไปเพื่อให้ลูกค้าสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น

ธนาคารยังคงเดินหน้าพัฒนา Digital Infrastructure และ Platform เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าภายใต้แนวคิด Customer Centric ที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีส่งมอบให้ลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกวัย ธนาคารเปิดให้บริการเงินฝากดอกเบี้ยพิเศษ Pro-Fit Digital Savings ที่ได้ดอกเบี้ยสูงถึง 1.5% ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี รวมถึงบริการแอปพลิเคชัน Profita เพื่อสนับสนุนการซื้อ-ขาย-สับเปลี่ยนกองทุนที่รองรับคำสั่งได้ตลอด 24 ชั่วโมง มาพร้อมฟีเจอร์มากมายช่วยให้ลงทุนได้อย่างรวดเร็วทันสถานการณ์ อัดแน่นข้อมูลกองทุนแบบจัดเต็ม ทั้งจากกองทุนระดับโลกที่ผ่านการแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ แบบกระชับเข้าใจง่ายเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้ามีความพร้อมก้าวสู่มือโปรด้านการลงทุน ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Profita ผ่าน Apple Store และ PlayStore โดยฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ “แอปพลิเคชัน Profita” เช่น

-ฟังก์ชันค้นหากองทุนตามความต้องการ เช่น เลือกกองทุนที่มีผลตอบแทนย้อนหลังสูงสุด, เงินปันผล, Morningstar Rating หรือกองทุนแนะนำโดย LH Bank Advisor
-ฟังก์ชัน DCA ที่ช่วยสร้างวินัยการลงทุนแบบประจำได้ทั้ง แบบรายสัปดาห์หรือรายเดือน
-Robo Advisor ผู้ช่วยอัจฉริยะที่วางแผนการลงทุนพร้อมปรับพอร์ตการลงทุนอัตโนมัติ
-ฟังก์ชันแจ้งเตือนกำไร-ขาดทุน ตามความต้องการเมื่อถึงค่าที่กำหนด

มนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ LH Fund กล่าวว่า ปี 2565 บริษัทยังคงเน้นการเติบโตของสินทรัพย์โดยการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่แบบ Asset Allocation มากกว่าที่จะเน้นเป็นรายสินทรัพย์ (Single Asset) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีพฤติกรรมการลงทุนไม่เหมือนกัน รวมทั้งการเพิ่มฐานลูกค้าประเภทสถาบัน และเน้นกลุ่มลูกค้า Ultra High Net Worth รวมถึงเพิ่มช่องทางการจำหน่ายรูปแบบใหม่ๆ ผ่าน Digital Platform เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น

ภาพรวมการบริหารจัดการกองทุนในปี 2564 บริษัทมีขนาดกองทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการ นับรวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) มีมูลค่าประมาณ 63,851 ล้านบาท เติบโตประมาณ 10% สำหรับกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) มีขนาดกองทุน 9,418 ล้านบาท เติบโตประมาณ 12% ส่วนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) มีขนาดกองทุน 5,808 ล้านบาท เติบโตประมาณ 56%

กานต์ อรรถธรรมสุนทร กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Securities กล่าวว่า ปี 2565 บริษัทยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้การสนับสนุนของกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และจากเครือข่ายความเชี่ยวชาญระดับโลกของ CTBC Bank รวมถึงการสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ควบคู่กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน การเพิ่มช่องทางบริการผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น การเปิดบัญชีและยืนยันตัวตนแบบออนไลน์ การขยายลูกค้าในกลุ่ม Mass ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่เติบโตอย่างโดดเด่นในตลาดการเงินของไทย

ปี 2564 เป็นอีกหนึ่งปีที่ถือได้ว่าเราประสบความสําเร็จในหลายด้าน โดยเฉพาะการพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจใหม่ๆ (Ecosystems) เช่น บริการจองหุ้นเพิ่มทุนออนไลน์ (E-RO) บริการวางหลักประกันผ่าน QR Payment เป็นต้น

Scroll to Top