Maserati เผยตลาดรถหรูยังโต เดินหน้าผลิตรถ ICE คู่ EV สร้างทางเลือกรถคันที่ 2 ลูกค้า

มาเซราติ (Maserati) เชื่อมั่นตลาดรถหรู (Luxury Car) ยังเติบโตได้จากคนระดับบน พร้อมเดินหน้าพัฒนารถยนต์ EV ควบคู่ ICE หรือเครื่องยนต์สันดาปภายใน ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการทางเลือก ชี้คนซื้อ Maserati ส่วนมากที่บ้านไม่ได้มีรถคันเดียว

ในงานเปิดตัว Maserati MC20 ทาคายูกิ คิมูระ กรรมการผู้จัดการ มาเซราติ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้เผยภาพรวมธุรกิจของ Maserati ในประเทศไทย พร้อมทิศทางการของการพัฒนารถยนต์ในอนาคต 5-10 ปีข้างหน้า

–ม้าขาว ส่งทายาทรุ่นที่ 3 ลุยตลาดถ่านไฟฉาย ตั้งเป้ารายได้ 100 ล้านในปีแรก

ภาพรวมตลาดรถหรูในประเทศไทยในปัจจุบัน ทาคายูกิ เปิดเผยว่า ตลาดรถหรูในประเทศไทยเติบโตอย่างเห็นได้ชัด แม้ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมาเกิดการล็อกดาวน์ทำให้โชว์รูมที่ สยามพารากอน และ ไอคอนสยาม ต้องปิดตัวไปชั่วคราว แต่ในสาขาสุขุมวิท 26 ยังมีลูกค้าเข้ามาปกติ ทำให้ยอดขายในไทยแทบจะไมไ่ด้รับผลกระทบ ประกอบกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ช่วยให้แบรนด์เติบโตได้ดีขึ้น

สำหรับยอดขายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปี 2565 ที่ผ่านมามียอดขายประมาณ 2,500 คัน โดยปี 2566 ตั้งเป้าหมายว่าจะทำยอดขายให้ได้ 4,000 คัน (double-digit growth) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สำหรับอาเซียนมีไทยกับมาเลเซียเป็น 2 ประเทศที่มีกำลังซื้อมาก ซึ่งการเปิดตัว Maserati MC20 ในงาน Motor Show 2023 แม้จะราคาสูงถึง 26.5 ล้านบาท แต่ยังได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี เพราะตลาดรถหรูในไทยไม่เคยมีรถแบบซูเปอร์สปอร์ตมาก่อน

ใช้อีเวนต์สร้างการรับรู้ลูกค้า

ด้านกลยุทธ์ทางการตลาดหลังจากนี้ จะใช้ Maserati Owner Club เป็นช่องทางรวมตัวคนที่ชื่นชอบในแบรนด์เหมือนกัน รวมถึงใช้การจัด CSR เพื่อสร้างสัมพันธ์ลูกค้าและทำให้เกิดการบอกต่อไปยังกลุ่มเพื่อนของลูกค้า นอกจากนี้ยังใช้การออกแบบรถให้ถูกใจกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น

เดินหน้า EV คู่ ICE

คนหันมาให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แบรนด์จึงให้ความสนใจกับเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม เช่น การออกแบบแบตเตอรี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงวางแผนการตลาดใน 5-10 ปี ต่อจากนี้ว่าจะหันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มากขึ้นตามทิศทางของตลาด แต่ยังผลิตรถยนต์น้ำมันอยู่ เพราะเชื่อว่าลูกค้าที่รักแบรนด์จะซื้อเก็บไว้สะสม

เมื่อถามต่อว่าจุดเด่นของ Maserati ในรุ่น EV คืออะไรหากเทียบกับ Tesla ที่ชูจุดเด่นด้านเทคโนโลยี ทาคายูกิ กล่าวว่า คนที่ซื้อ Tesla คือคนที่สนด้านเทคโนโลยี แต่จุดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้า Maserati จะเป็นคนที่นอกจากจะสนใจทั้งเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ยังสนใจความพิเศษด้านการออกแบบและการผลิตจากอิตาลีซึ่งมีความแตกต่างจากรถยี่ห้ออื่น ๆ

“Maserati เชื่อว่าแบรนด์ยังคงต้องมีทางเลือกให้ลูกค้าทั้งรถยนต์น้ำมัน รถไฮบริด และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทั้งนี้ในประเทศไทยเราอาจจะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปี 2567 ส่วนสถานีชาร์จจะร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เพราะหัวชาร์จของเราเป็นแบบ Universal DC” ทาคายูกิ กล่าวปิดท้าย

• Facebook
• X
• Line