แมคโดนัลด์ ประเทศไทย (McDonald’s) โชว์ผลประกอบการของปี 2566 ทุบสถิติ นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 2528 โกยรายได้กว่า 7.2 พันล้านบาท เร่งจัดทัพกลยุทธ์เชิงรุก ดันเติบโตกว่า 15% ในปี 2567
กิตติวรรณ อนุเวชสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด เปิดเผยว่า “ในปี 2566 ที่ผ่านมา แมคโดนัลด์ สามารถสร้างผลการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมียอดขายสูงถึง 7,213 ล้านบาท ซึ่งนับว่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ก่อตั้งแมคโดนัลด์ ประเทศไทย มาเป็นระยะเวลากว่า 38 ปี โดยมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 31% จากปี 2565 ที่มียอดขายรวม 5,504 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิก็ถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่เช่นกันอยู่ที่ 315 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 168% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จของเบอร์เกอร์ที่ยังคงเป็น Portfolio หลักของแมคโดนัลด์ที่ครองใจลูกค้าชาวไทยและต่างชาติได้ตลอดมาด้วยสัดส่วนรายได้ที่มากกว่า 50% และการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของไก่ทอดแมคที่สร้างอัตราการเติบโตได้ถึง 40%”
- ปี 2565 ยอดขายรวม 5,504 ล้านบาท กำไร 120 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 276% จากปี 2564)
- ปี 2566 ยอดขายรวม 7,213 ล้านบาท กำไร 315 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 168% จากปี 2565)
“แม้สถานการณ์ทางทุกธุรกิจ QSR จะมีความท้าทายเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนร้าน วัตถุดิบ หรือปัจจัยภายนอกด้านอื่นๆ แต่เรายังคงมั่นใจว่ากลยุทธ์การทำงานเชิงรุกด้วยงบประมาณการลงทุนมูลค่ารวมกว่า 600 ล้านบาท และความมุ่งมั่นของเราจะผลักดันให้แมคโดนัลด์สามารถก้าวสู่ความสำเร็จและเติบโตได้กว่า 15% ภายในปีนี้” กิตติวรรณ กล่าว
เปิดกลยุทธ์ปี 67
สำหรับปี 2567 แมคโดนัลด์ แบ่งกลยุทธ์ออกเป็น 5 แกน ดังนี้
Flagship Value Platform
ส่งเซต ‘EVM’ (Everyday Value Meals) ในราคา 99 บาท มีทั้งชุดเมนูเบอร์เกอร์ ชุดเมนูไก่ทอดแมค พร้อมเครื่องดื่ม หรือ ชุด ‘McSavers 1+1’ ในราคา 55 บาท ให้เลือกจับคู่เมนูของว่างและของหวาน โดยปีที่ผ่านมา ชุด ‘EVM’ มีอัตราการเติบโตมากถึง 47.8% ในขณะที่ชุด ‘McSavers 1+1’ มีอัตราการเติบโตกว่า 12%
BIC & Chicken Leadership: ครองใจ Gen Z ด้วยไก่ทอด
ตลาดไก่ทอดในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตอย่างน่าสนใจ โดยในปี 2566 มูลค่าตลาดไก่ทอดในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 31,026 ล้านบาท* ดังนั้น การสร้างกลยุทธ์ที่ผลักดันให้เกิดการเติบโตในกลุ่มไก่ทอดแมค จึงถือเป็นโอกาสทองของแมคโดนัลด์ที่จะต่อยอดความสำเร็จของไก่ทอดแมคจากปีที่ผ่านมาซึ่งเติบโตได้ถึง 40% จากการปรับสูตรใหม่ให้กรอบนอก ชุ่มฉ่ำเข้าถึงเนื้อ และรสชาติที่อร่อยเข้มข้น
สำหรับปีนี้วางแผนสร้างการเติบโตไก่ทอดแมคอย่างแข็งแกร่ง โดยการเปิดตัว พรีเซ็นเตอร์ ‘ต้าห์อู๋ x ออฟโรด’ ตัวแทนของกลุ่ม Gen Z มาถ่ายทอดและบอกเล่าถึงรสชาติความอร่อยของไก่ทอดแมค ทั้งยังคงเพิ่มโอกาสการเข้าถึงของกลุ่ม Gen Z ซึ่งจากแคมเปญล่าสุดสามารถสร้างยอดขายไก่ทอดแมค เพิ่มขึ้นอีกกว่า 50% โดยเฉพาะชุดบักเก็ตไก่ทอดแมคที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
“เราคาดว่าในปี 2567 แมคโดนัลด์จะสามารถทำให้ไก่ทอดแมคเติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่องได้อีก” กิตติวรรณ กล่าวเสริม
Burger Leadership
เบอร์เกอร์นับเป็น Portfolio หลักของแมคโดนัลด์ โดยปีนี้เดินหน้ากลยุทธ์ทางการตลาดที่เน้นเรื่องคุณภาพและรสชาติ ตามคอนเซปต์ Hotter, Juicier, Tastier ชูจุดเด่นด้านวัตถุดิบทั้งเนื้อ ขนมปัง และขั้นตอนการปรุง
Experience of the Future (EotF)
สร้างประสบการณ์การการรับประทานอาหารแก่ลูกค้า ที่ไม่ใช่เพียงความอร่อยและคุ้มค่า แต่ยังรวมถึงการบริการผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยของเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ (SOK) ที่รองรับการชำระเงินแบบไร้เงินสด ให้ลูกค้าเลือกซื้อเมนูอาหารได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
แอปพลิเคชันที่มีโปรโมชันสามารถใช้ได้ทั้ง ไดร์ฟทรู หน้าเครื่อง SOK และหน้าเคาน์เตอร์ ปัจจุบันมีคนโหลดแอปฯ ไปแล้ว 2.3 ล้านคน และมีผู้ใช้เฉลี่ย 200,000 รายต่อเดือน
นอกจากนี้ยังมีบริการเสิร์ฟอาหาร ที่โต๊ะ (Table Service) และพนักงานต้อนรับ (GEL – Guest Experience Leader) ผู้คอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าอย่างใกล้ชิด
”แมคโดนัลด์เป็นเพียงแบรนด์เดียวใน QSR ที่ให้ความสำคัญและส่งมอบประสบการณ์ การรับประทานอาหารแก่ลูกค้า โดยตั้งเป้ามอบประสบการณ์บริการที่ทันสมัยครบ 100% ภายในปีนี้อย่างแน่นอน“ กิตติวรรณ กล่าวเสริม
Stores Expansion ด้วย Sustainability Concept
ปี 2567 แมคโดนัลด์ เดินหน้าเปิดสาขาใหม่กว่า 20 สาขา และรีโนเวทร้านสาขาเดิมจำนวน 25 สาขา ภายใต้การออกแบบที่ตรงตามอินไซด์ลูกค้าทุกกลุ่ม และเน้นสร้างบรรยากาศผ่อนคลายและสนุกสนาน
ในปีนี้มีแผนที่จะใช้ดีไซน์ร้านด้วยคอนเซ็ปต์ใหม่อีก 2 คอนเซปต์ ได้แก่ คอนเซปต์ ‘CUBE’ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสุขในการแกะกล่อง Happy Meal มาผสานองค์ประกอบการออกแบบเพื่อเปลี่ยนโฉมความทรงจำในวัยเด็กสู่พื้นที่จริง และ คอนเซปต์ ‘Essential Ingredients 2.0’ หยิบเอาเอกลักษณ์ของแมคโดนัลด์ ในรูปทรงแบบไดนามิกและสีสันต่างๆ มาถ่ายทอดในรูปแบบของศิลปะป๊อปอาร์ต
ทั้งยังเดินหน้าดำเนินธุรกิจสร้างความยั่งยืนด้วยหลัก ESG ย้ำการเป็น Green & Sustainable โดยมีเป้าหมายยกระดับคุณภาพการให้บริการให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามเทรนด์เทคโนโลยีในปัจจุบัน ด้วยสาขาต้นแบบที่มีการตกแต่งบรรยากาศทั้งภายในและภายนอกร้านอย่างใส่ใจด้วยวัสดุรีไซเคิล เพิ่มพื้นที่สีเขียวจากต้นไม้จริง ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) พร้อมอำนวยความสะดวกให้รถยนต์ไฟฟ้าด้วยจุดให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charging) โดยคาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบภายในไตรมาส ที่ 2 ของปี 2567 โดยร้านในคอนเซ็ปต์ ESG จะเป็นร้านแบบ Stand alone ที่เปิด 24 ชม.